Public relations research has two m

Public relations research has two main sources of information, or data. These are primary and secondary. Primary research involves original study. It is first- hand information obtained from the source by the researcher. Secondary research, on the other hand, is about the analysis of existing data. The data is extracted from material that has already been published, and includes other research.
In public relations programmes, secondary research should always be carried out as a background research before attempting primary research. Conducting thorough secondary research helps the researcher find out if another similar study already exists and helps establish what has been done and how it was done. Secondary research is also useful for establishing benchmarks and achievable goals, and identifying appropriate research question and measurable research objectives.
I'll finish this brief introduction to secondary research with some facts about data sources and research methods. Reputable sources of information for secondary research are online research services such as LexisNexis; public opinion polls such as the Gallup polls; census and other government data sources, to mention just a few. Professional organizations like the International Public Relation Association also post relevant research for their members on their websites. Secondary research methods include desk research, content analysis and tracking studies.
So now let's look at primary research in a little more detail. Primary research methods include surveys, interviews and panel studies, and they can be categorized as either qualitative or quantitative. Quantitative research uses a scientific method. It involves large samples that represent the entire population. Evidence is observed and measured using statistical or mathematical tools. Quantitative studies tend to use questionnaires with closed questions that control participants'answers. The knowledge obtained from the studies is generalized, rather than used for in-depth understanding. To give you an example, a research problem might be 'the number of stories relating to domestic violence in the media'. This is a problem that can be quantitatively investigated. In other words, the number of stories is a variable which can be measured.
Now I'd like to turn to quantitative research methods. Quantitative research uses a wide range of data collection techniques. The main ones are face-to-face interviewing, shopping mall intercepts, telephone surveys, postal surveys, omnibus polls, panel studies, e-mail and web-based surveys. The first four are fairly self-explanatory, so I will leave you to research them in your own time. In the next part of the lecture, I'll be giving you some information about the other three methods.The knowledge obtained from the studies is generalized

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประชาสัมพันธ์งานวิจัยมีสองหลักแหล่งข้อมูล หรือข้อมูล เหล่านี้เป็นหลัก และรอง วิจัยหลักเกี่ยวข้องกับการศึกษาเดิม มือแรกข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูล โดยนักวิจัยได้ วิจัยรอง ในทางกลับกัน เป็นเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ ข้อมูลที่แยกจากวัสดุที่ได้เผยแพร่ และรวมถึงงานวิจัยอื่น ๆในโครงการประชาสัมพันธ์ วิจัยรองควรจะทำเป็นวิจัยพื้นหลังก่อนวิจัยหลัก ดำเนินการวิจัยอย่างละเอียดรองช่วยให้นักวิจัยที่ค้นหาถ้าศึกษาอื่นคล้ายกันมีอยู่แล้ว และช่วยสร้างอะไรแล้วและอย่าง วิจัยรองยังเป็นประโยชน์สำหรับการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานและเป้าหมายที่ทำได้ และระบุคำถามวิจัยที่เหมาะสมและวัตถุประสงค์การวิจัยวัดผลฉันจะเสร็จนี้แนะนำวิจัยรองกับเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลและระเบียบวิธีวิจัยโดยย่อ มีชื่อเสียงแหล่งข้อมูลวิจัยรองมีบริการงานวิจัยออนไลน์ LexisNexis ความคิดเห็นสาธารณะสำรวจเช่นการสำรวจของ Gallup สำนึกและรัฐบาลแหล่งข้อมูลอื่น พูดถึงเพียงไม่กี่ องค์กรวิชาชีพเช่นสมาคมระหว่างประเทศสาธารณะความสัมพันธ์ยังลงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องของสมาชิกในเว็บไซต์ของตน ระเบียบวิธีวิจัยรองมีโต๊ะวิจัย วิเคราะห์เนื้อหา และศึกษาติดตามตอนนี้ลองดูหลัก วิจัยในน้อยรายละเอียดเพิ่มเติม ระเบียบวิธีวิจัยหลักรวมแผงศึกษา และสัมภาษณ์ แบบสำรวจ และสามารถแบ่งเป็นเชิงคุณภาพ หรือเชิงปริมาณ การวิจัยเชิงปริมาณใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ มันเกี่ยวข้องกับตัวอย่างขนาดใหญ่ที่เป็นตัวแทนของประชากรทั้งหมด หลักฐานมีสังเกต และวัดโดยใช้เครื่องมือทางสถิติ หรือทางคณิตศาสตร์ การศึกษาเชิงปริมาณมักจะ ใช้แบบสอบถาม ด้วยคำถามแบบปิดที่ควบคุม participants'answers ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาเป็นตั้งค่าทั่วไป แทนที่ใช้สำหรับการทำความเข้าใจในเชิงลึก ให้ตัวอย่าง ปัญหาวิจัยอาจเป็น 'หมายเลขของเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงในครอบครัวในสื่อมวลชน' นี่คือปัญหาที่สามารถตรวจสอบได้ quantitatively ในคำอื่น ๆ จำนวนเรื่องราวคือ ตัวแปรที่สามารถวัดตอนนี้ อยากเปลี่ยนวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ การวิจัยเชิงปริมาณใช้เทคนิคการเก็บรวบรวมข้อมูลที่หลากหลาย คนหลักมีลมีสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนตัว intercepts ห้าง โทรศัพท์สำรวจ สำรวจไปรษณีย์ สำรวจ omnibus แผงศึกษา อีเมล และสำรวจบนเว็บ 4 ครั้งแรกจะค่อนข้าง self-explanatory เพื่อจะปล่อยคุณวิจัยพวกเขาในเวลาของคุณเอง ในส่วนถัดไปของการบรรยาย ฉันจะต้องให้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับวิธีการสามอื่น ๆ ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาการตั้งค่าทั่วไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การวิจัยการประชาสัมพันธ์มีสองแหล่งที่มาหลักของข้อมูลหรือข้อมูล เหล่านี้เป็นหลักและรอง การวิจัยหลักเกี่ยวข้องกับการศึกษาเดิม มันเป็นข้อมูลมือแรกที่ได้รับจากแหล่งที่มาจากนักวิจัย วิจัยรองในมืออื่น ๆ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ ข้อมูลจะถูกดึงออกมาจากวัสดุที่ได้รับการตีพิมพ์แล้วและรวมถึงงานวิจัยอื่น ๆ .
ในโปรแกรมการประชาสัมพันธ์การวิจัยรองควรได้รับการดำเนินการเป็นงานวิจัยที่พื้นหลังก่อนที่จะพยายามวิจัยหลัก การดำเนินการวิจัยอย่างละเอียดรองจะช่วยให้นักวิจัยพบว่าอีกศึกษาที่คล้ายกันอยู่แล้วและช่วยสร้างสิ่งที่ได้รับการทำและวิธีการที่มันทำ วิจัยรองยังมีประโยชน์สำหรับการสร้างมาตรฐานและเป้าหมายทำได้และระบุคำถามการวิจัยที่เหมาะสมและวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่วัดได้.
ฉันจะจบนี้แนะนำสั้น ๆ เพื่อการวิจัยรองกับข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับแหล่งที่มาของข้อมูลและวิธีการวิจัย แหล่งที่มีชื่อเสียงของข้อมูลสำหรับการวิจัยรองบริการการวิจัยออนไลน์เช่น LexisNexis; การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเช่นโพลล์ Gallup; การสำรวจสำมะโนประชากรและแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ของรัฐบาลที่จะพูดถึงเพียงไม่กี่ องค์กรวิชาชีพเช่นสมาคมอินเตอร์เนชั่นแนลสัมพันธ์ยังโพสต์การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกของพวกเขาบนเว็บไซต์ของตน วิธีการวิจัยรองรวมถึงการวิจัยโต๊ะเขียนหนังสือ, การวิเคราะห์เนื้อหาและการศึกษาติดตาม.
ดังนั้นตอนนี้ให้ดูที่การวิจัยหลักในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ วิธีการวิจัยหลักรวมถึงการสำรวจการสัมภาษณ์และการศึกษาแผงและพวกเขาสามารถแบ่งออกเป็นทั้งเชิงคุณภาพหรือเชิงปริมาณ การวิจัยเชิงปริมาณที่ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ มันเกี่ยวข้องกับกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ที่เป็นตัวแทนของประชากรทั้งหมด หลักฐานเป็นที่สังเกตและวัดโดยใช้เครื่องมือทางสถิติหรือคณิตศาสตร์ การศึกษาเชิงปริมาณมีแนวโน้มที่จะใช้แบบสอบถามที่มีคำถามปิดที่ควบคุม participants'answers ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาที่มีการทั่วไปมากกว่าที่ใช้สำหรับการทำความเข้าใจในเชิงลึก เพื่อให้คุณตัวอย่างเช่นปัญหาการวิจัยอาจจะ 'จำนวนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงในครอบครัวในสื่อ' ปัญหานี้เป็นปัญหาที่สามารถตรวจสอบปริมาณ ในคำอื่น ๆ หลายเรื่องเป็นตัวแปรที่สามารถวัด.
ตอนนี้ผมต้องการที่จะหันไปใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณ การวิจัยเชิงปริมาณที่ใช้ความหลากหลายของเทคนิคการเก็บรวบรวมข้อมูล คนหลักคือใบหน้าเพื่อใบหน้าสัมภาษณ์ช้อปปิ้งมอลล์ดัก, การสำรวจทางโทรศัพท์, การสำรวจไปรษณีย์โพลล์รถโดยสารศึกษาแผงอีเมลและการสำรวจบนเว็บ ครั้งแรกที่สี่เป็นธรรมอธิบายตนเองดังนั้นฉันจะปล่อยให้คุณเพื่อการวิจัยพวกเขาในเวลาของคุณเอง ในส่วนถัดไปของการบรรยายที่ผมจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับคนอื่นอีกสาม methods.The ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาบางทั่วไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยเพื่อการประชาสัมพันธ์ได้สองแหล่งหลักของข้อมูลหรือข้อมูล เหล่านี้คือประถมศึกษาและมัธยมศึกษา งานวิจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเดิม มันเป็นครั้งแรก - ส่งข้อมูลที่ได้รับจากแหล่งข้อมูลที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มัธยมศึกษาวิจัยบนมืออื่น ๆที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ ข้อมูลที่สกัดจากวัตถุดิบที่ได้ถูกเผยแพร่และรวมถึงการวิจัยอื่น ๆ .
ในโครงการประชาสัมพันธ์ การวิจัยทุติยภูมิควรจะดำเนินการเป็นเบื้องหลังการวิจัยก่อนที่การวิจัยหลัก การวิจัยทุติยภูมิอย่างละเอียดช่วยให้ผู้วิจัยพบว่าการศึกษาอื่นที่คล้ายคลึงกันอยู่แล้ว และช่วยสร้างอะไรทำและทำอย่างไร มัธยมศึกษาวิจัยยังเป็นประโยชน์สำหรับการสร้างมาตรฐานและเป้าหมาย achievableและการกำหนดคำถามการวิจัยที่เหมาะสมและมีวัตถุประสงค์ที่วัดได้ .
ผมจะเสร็จสั้นเบื้องต้นเพื่อรองวิจัยกับข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลและวิธีการวิจัย ที่มีชื่อเสียงแหล่งข้อมูลสำหรับการวิจัยทุติยภูมิออนไลน์บริการงานวิจัย เช่น lexisnexis ; สำรวจความคิดเห็นสาธารณะ เช่น กัลลัพโพลล์ ; การสำรวจสำมะโนประชากรและแหล่งข้อมูลอื่น ๆ รัฐบาลที่จะกล่าวถึงเพียงไม่กี่ องค์กรวิชาชีพเช่นสมาคมประชาสัมพันธ์นานาชาติยังโพสต์งานวิจัยสำหรับสมาชิกของพวกเขาในเว็บไซต์ของตน วิธีการวิจัยประกอบด้วยการวิจัยระดับ 24 ชั่วโมง การวิเคราะห์ และติดตามศึกษา .
ตอนนี้เรามาดูวิจัยหลักในเล็กน้อยรายละเอียดเพิ่มเติม วิธีการวิจัยหลัก ได้แก่ การสำรวจ การสัมภาษณ์ และคณะศึกษาและพวกเขาสามารถจัดประเภทเป็นทั้งเชิงคุณภาพหรือเชิงปริมาณ การวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ มันเกี่ยวข้องกับขนาดตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของประชากรทั้งหมด หลักฐานที่พบและการวัดโดยใช้เครื่องมือทางสถิติ หรือคณิตศาสตร์ การศึกษาเชิงปริมาณมักใช้แบบสอบถามกับการปิดคำถาม ที่ควบคุม participants'answers .ความรู้ที่ได้จากการศึกษา คือ แบบทั่วไป แทนที่จะใช้ความเข้าใจในเชิงลึก ยกตัวอย่าง ปัญหาการวิจัย อาจเป็นหมายเลขของเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงในสื่อ ' ปัญหานี้เป็นปัญหาที่สามารถตรวจสอบเชิงปริมาณ ในคำอื่น ๆจำนวนของเรื่องราวคือตัวแปรที่สามารถวัดได้ .
ตอนนี้ผมต้องการที่จะเปลี่ยนวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ การวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้ความหลากหลายของเทคนิคการเก็บรวบรวมข้อมูล คนหลักคือการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว , ช้อปปิ้งมอลล์สกัด , โทรศัพท์ , การสำรวจ , การสำรวจแบบไปรษณีย์ , โพลล์ , แผงการศึกษา , อีเมล์และตอบแบบสอบถาม . แรกสี่ค่อนข้างตนเองอธิบาย ผมจะปล่อยให้คุณวิจัยเหล่านั้นในเวลาของคุณเองในส่วนถัดไปของการบรรยาย ผมจะให้คุณบางข้อมูลเกี่ยวกับอื่น ๆ 3 วิธี คือ ความรู้ที่ได้จากการศึกษาทั่วไป