NASA’s Cassini spacecraft on Novemb

NASA’s Cassini spacecraft on November 2nd, 2005 saw, what is one of the brightest objects in that region of the solar system; become the only geologically active outer planetary moon.  Most moons are geologically dead, but on Enceladus geysers of water and ice spew into the atmosphere, from its South Pole region where the geographic feature known as tiger stripes are, were caught flying miles high into space at about 1,400 miles per hour by Cassini.  It is now believed that this shimmering moon holds liquid water and that the Cryovolcanism is the process that is used to describe this process.  Scientist want to know why it is active as infrared maps show warm surface temperatures cause by the geysers as the heated liquid water comes out from inside the moon and turns into ice due to the surrounding space in the area which is cold.  What makes this moon a wonder is its mystery of how much water does it hold.  As to how this moon heats its water, guesses by scientist suggest that it may be from radioactive elements which decay and heat up the interior which would keep the water in a liquid state.  The more accepted explanation is tidal mechanism heating, which is cause by the force of gravity exhorted by Saturn on the moon from the very eccentric elliptical orbit of the moon.  This means that when Enceladus is closest to Saturn, friction causes the water to heat up and cracks in its icy South Pole tiger stripes allow the water to shoot into space.  Now since water can host life, could there be life on Enceladus and what kinds of life forms would they be like?  These basic questions are what make Enceladus wonder number seven.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ยานอวกาศสสินีของนาซ่าในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2005 เห็น เป็นหนึ่งในวัตถุที่สว่างมากที่สุดในภูมิภาคที่ระบบสุริยะ กลายเป็น ดวงจันทร์ดาวเคราะห์ภายนอกใช้งาน geologically เฉพาะ ดวงจันทร์ส่วนใหญ่จะตาย geologically แต่บนเอนเซลาดัส ฟิตของน้ำและน้ำแข็งพ่นบรรยากาศ จากภูมิภาคของขั้วโลกใต้ซึ่งลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เรียกว่าลายเสือมี ได้จับไมล์สูงเดินทางลงในช่องว่างที่ประมาณ 1400 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยสสินี ตอนนี้เชื่อกันว่า พรายจันทร์ถือน้ำน้ำและ Cryovolcanism ที่เป็นกระบวนการที่ใช้เพื่ออธิบายกระบวนการนี้ นักวิทยาศาสตร์ต้องการทราบว่าทำไมอยู่กับอินฟราเรดแผนที่แสดงพื้นผิวอุ่นอุณหภูมิเกิดฟิตเป็นน้ำของเหลวอุ่นออกมาจากภายในดวงจันทร์ และกลายเป็นน้ำแข็งเนื่องจากพื้นที่โดยรอบบริเวณที่เย็น ทำให้สิ่งนี้มูนใจเป็นความลึกลับของน้ำจำนวนไม่ได้ค้าง เป็นวิธีนี้มูน heats ของน้ำ จากการทาย โดยนักวิทยาศาสตร์แนะนำว่า มันอาจมาจากองค์ประกอบกัมมันตภาพที่เสื่อมสลาย และความร้อนขึ้นภายในซึ่งทำให้น้ำในสถานะของเหลว ยิ่งยอมรับในการอธิบายคือ กลไกหน้าร้อน ซึ่งเป็นสาเหตุ โดยแรงโน้มถ่วงได้เคี่ยวเข็ญ โดยดาวเสาร์ในดวงจันทร์จากวงโคจรรีมากหลุดโลกของดวงจันทร์ หมายความ ว่า เมื่อเอนเซลาดัสจะใกล้เคียงกับดาวเสาร์ แรงเสียดทานทำให้น้ำร้อนขึ้น และรอยร้าวของน้ำแข็งขั้วโลกใต้เสือลายน้ำการยิงในพื้นที่ที่อนุญาตให้ เนื่องจากน้ำสามารถจัดชีวิต สามารถมีชีวิตเอนเซลาดัสและชนิดของรูปแบบของชีวิตที่จะพวกเขาจะเหมือนหรือไม่ คำถามพื้นฐานเหล่านี้มีอะไรให้น่าเอนเซลาดัสเจ็ด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ยานอวกาศแคสสินีของนาซาเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2005 เห็นสิ่งที่เป็นหนึ่งในวัตถุที่สว่างที่สุดในภาคเหนือของระบบสุริยะที่; กลายเป็นเพียงคนเดียวที่ใช้งานธรณีวิทยาดวงจันทร์ของดาวเคราะห์นอก ดวงจันทร์ส่วนใหญ่จะตายธรณีวิทยา แต่ในเอนเซลาดักีย์เซอร์ของคายน้ำและน้ำแข็งออกสู่ชั้นบรรยากาศจากภูมิภาคขั้วโลกใต้ที่คุณสมบัติทางภูมิศาสตร์ที่รู้จักกันเป็นลายเสือจะถูกจับไมล์บินสูงขึ้นไปในพื้นที่ที่ประมาณ 1,400 ไมล์ต่อชั่วโมงโดยแคสสินี เป็นที่เชื่อกันว่าตอนนี้ดวงจันทร์ส่องแสงนี้ถือเป็นน้ำของเหลวและที่ cryovolcanism เป็นกระบวนการที่ใช้ในการอธิบายขั้นตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะทราบว่าทำไมมันมีการใช้งานเป็นแผนที่อินฟราเรดแสดงพื้นผิวอุณหภูมิที่อบอุ่นสาเหตุโดยกีย์เซอร์เป็นน้ำอุ่นออกมาจากภายในดวงจันทร์และจะกลายเป็นน้ำแข็งเนื่องจากพื้นที่โดยรอบในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น สิ่งที่ทำให้ดวงจันทร์นี้น่าแปลกใจที่เป็นความลึกลับของเท่าไหร่น้ำที่ไม่ได้ถือ เป็นวิธีการที่ดวงจันทร์นี้ร้อนน้ำ, คาดเดาโดยนักวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นว่ามันอาจจะมาจากธาตุกัมมันตรังสีที่สลายตัวและความร้อนขึ้นภายในซึ่งจะทำให้น้ำในสถานะของเหลว คำอธิบายที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นคือความร้อนกลไกน้ำขึ้นน้ำลงซึ่งเป็นสาเหตุจากแรงโน้มถ่วงของดาวเสาร์กลับตัวกลับใจโดยบนดวงจันทร์จากวงโคจรเป็นวงรีมากผิดปกติของดวงจันทร์ ซึ่งหมายความว่าเมื่อเอนเซลาดัใกล้เคียงกับดาวเสาร์ทำให้เกิดแรงเสียดทานน้ำร้อนขึ้นและรอยแตกในน้ำแข็งขั้วโลกใต้ของลายเสือให้น้ำที่จะยิงเข้าไปในพื้นที่ ตั้งแต่ตอนนี้น้ำสามารถโฮสต์ชีวิตอาจจะมีสิ่งมีชีวิตบนเอนเซลาดัและสิ่งที่ชนิดของสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาจะเป็นอย่างไร คำถามพื้นฐานเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เอนเซลาดัสงสัยหมายเลขเจ็ด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นาซ่ายานอวกาศ Cassini เมื่อ 2 พฤศจิกายน 2005 เห็นสิ่งที่เป็นหนึ่งในวัตถุที่สว่างที่สุดในภูมิภาคของระบบสุริยะ ; เป็นเพียง geologically ปราดเปรียวนอกดาวเคราะห์ดวงจันทร์ ทำไมดวงจันทร์ส่วนใหญ่จะ geologically ตาย แต่บน Enceladus น้ำพุร้อนของน้ำและน้ำแข็งพ่นเข้าไปในบรรยากาศ จากเขตขั้วโลกใต้ทางภูมิศาสตร์ของที่คุณลักษณะ ที่รู้จักกันเป็นลายเสือเป็นถูกจับบินไมล์สูงในพื้นที่ประมาณ 1 , 400 ไมล์ต่อชั่วโมง โดย Cassini . ทำไมตอนนี้เชื่อกันว่า ดวงจันทร์ส่องแสงนี้ถือของเหลวและที่ cryovolcanism คือ กระบวนการที่ใช้ในการอธิบายกระบวนการนี้  Scientist want to know why it is active as infrared maps show warm surface temperatures cause by the geysers as the heated liquid water comes out from inside the moon and turns into ice due to the surrounding space in the area which is cold.  What makes this moon a wonder is its mystery of how much water does it hold.  As to how this moon heats its water,โดยนักวิทยาศาสตร์คาดเดาว่ามันอาจจะมีจากกัมมันตภาพรังสีที่สลายองค์ประกอบและความร้อนขึ้นภายใน ซึ่งจะทำให้น้ำในสถานะของเหลว ทำไมยิ่งยอมรับคำอธิบายเป็นกลไกป้องกันความร้อนซึ่งเป็นสาเหตุโดยแรงโน้มถ่วงของดาวเสาร์ที่แนะนำโดยดวงจันทร์โคจรรูปวงรีที่แปลกประหลาดของดวงจันทร์ ไหมนี้ หมายความว่าเมื่อ Enceladus คือใกล้ดาวเสาร์ friction causes the water to heat up and cracks in its icy South Pole tiger stripes allow the water to shoot into space.  Now since water can host life, could there be life on Enceladus and what kinds of life forms would they be like?   These basic questions are what make Enceladus wonder number seven.