In this study, the microstructure a

In this study, the microstructure and mechanical properties of S50C were investigated after austempering and Q&P heat treatment, respectively.
The results showed that lower bainite and a small amount of retained austenite were formed after austempering heat treatment with holding temperature 350°C which is above Ms for 60 minutes while tempered martensite, lower bainite and retained austenite were observed after austempering heat treatment with holding temperature 320, 290 and 260°C which are below Ms for 60 minutes. For application, the eyeglass specimen was used as tensile test specimen. With the holding temperature increased, the phase fraction of tempered martensite, lower bainite and retained austenite were varied, which lead to the decrease of the hardness and tensile strength of eyeglass specimen. In addition, the specimen was under austempering heat treatment for different holding time at 260°C and the tensile strength of standard tensile test specimen was examined as comparison to tensile strength without notch effect. The result indicated that the tensile strength of eyeglass specimens were about 70 % of that measured from the standard specimen, and the amount of displacement of eyeglass specimens decreased less than that measured from the standard specimen with the increase of holding time. That is, the notch effect on the tensile strength of eyeglass specimen with different holding time at 260°C was not obvious. But notch effect on the ductility with short holding time at 260°C was obvious.
Tempered martensite and lower bainite and retained austenite were formed after different conditions of Q&P heat treatment. As partitioning temperature increased, the tensile strength and hardness of S50C were decreased because the carbon in martensite diffused to adjacent austenite which caused different degree of tempering. Tensile strength and hardness of S50C decreased as partitioning time increased. Moreover, the decrease of tensile strength and hardness with holding time for 5 to 15 minutes was more obvious than 15 to 60 minutes.
In this work, the optimum condition among austempering and Q&P heat treatment was that obtained by austempering heat treatment at 260°C for 15 minutes (A26015). Tensile strength of eyeglass specimen is about 1350 MPa and the standard tensile test specimen is up to about 1930 MPa, both of them are better than those after tempering at 300°C.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในการศึกษานี้ ต่อโครงสร้างจุลภาคและสมบัติทางกลของ S50C ถูกตรวจสอบหลังทำออและรักษาความร้อน Q และ P ตามลำดับ ผลพบว่า ได้เกิดขึ้นล่างไนท์และจำนวน austenite สะสมเล็กน้อยหลังจากทำออชุบด้วยอุณหภูมิ 350° C ซึ่งเป็นด้านบน Ms 60 นาทีขณะ tempered martensite ไนท์ล่าง และสะสม austenite ถือได้สังเกตหลังจากทำออชุบกับจับอุณหภูมิ 320, 290 และ 260° C ซึ่งต่ำกว่า Ms 60 นาที สำหรับโปรแกรมประยุกต์ ตัวอย่างแว่นถูกใช้เป็นตัวอย่างทดสอบแรงดึง ด้วยถืออุณหภูมิเพิ่มขึ้น สัดส่วนระยะของ tempered martensite ไนท์ล่างและสะสม austenite มีแตกต่างกัน ซึ่งนำไปสู่การลดลงของความแข็งความแข็งแรงของแว่น ตัวอย่างมีภายใต้รักษาความร้อนทำออถือต่าง ๆ เวลาที่ 260° C และแรงของตัวอย่างทดสอบแรงดึงมาตรฐานถูกตรวจสอบเป็นการเปรียบเทียบแรงไร้รอยผล ผลระบุว่า แรงของแว่นไว้เป็นตัวอย่างได้ประมาณ 70% ของที่วัดได้จากตัวอย่างมาตรฐาน และจำนวนของแว่นไว้เป็นตัวอย่างการเคลื่อนย้ายลดลงน้อยกว่าที่วัดจากตัวอย่างมาตรฐานด้วยการเพิ่มขึ้นของการจับเวลา นั่นคือ แรงของแว่นด้วยต่างถือเวลาที่ 260° C ผลรอยไม่ชัดเจน แต่ผลกระทบเกิดความเหนียวโดยมีระยะเวลาสั้นถือที่ 260° C รอยเห็นได้ชัดTempered martensite และล่างไนท์ และ austenite สะสมเกิดขึ้นหลังจากเงื่อนไขต่าง ๆ ของการรักษาความร้อน Q และ P เป็นพาร์ทิชันอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น แรงและความแข็งของ S50C ได้ลดลงเนื่องจากคาร์บอนใน martensite แต่ให้ austenite อยู่ติดกันซึ่งเกิดจากระดับต่าง ๆ ของการแบ่งเบาบรรเทา แรงและความแข็งของ S50C ลดลงเป็นพาร์ทิชันเวลาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ลดลงของแรงและความแข็ง ด้วยการจับเวลา 5-15 นาทีได้ชัดเจนมากขึ้นกว่า 15-60 นาทีในงานนี้ เงื่อนไขเหมาะสมทำออและรักษาความร้อน Q และ P เป็นที่ได้รับ ด้วยความร้อนทำออที่ 260° C 15 นาที (A26015) แรงของแว่นตาเกี่ยวกับ 1350 แรง และเป็นตัวอย่างทดสอบแรงดึงมาตรฐานถึงเกี่ยวกับแรง 1930 ทั้งสองอย่างจะดีกว่านั้นหลังจากแบ่งเบาบรรเทาที่ 300 องศาเซลเซียส

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในการศึกษานี้คุณสมบัติจุลภาคและเครื่องจักรกลของ S50C ถูกตรวจสอบหลังจาก austempering และ Q & P รักษาความร้อนตามลำดับ.
ผลการศึกษาพบว่าเบไนท์ลดลงและมีจำนวนน้อยของสะสม austenite กำลังก่อตัวขึ้นหลังจาก austempering การรักษาความร้อนที่มีการถือครองที่อุณหภูมิ 350 องศาเซลเซียสซึ่งเป็นข้างต้น นางสาว 60 นาทีในขณะที่ martensite อารมณ์, เบไนท์ลดลงและสะสม austenite ถูกตั้งข้อสังเกตหลังจาก austempering การรักษาความร้อนที่มีอุณหภูมิ 320 ถือ, 290 และ 260 องศาเซลเซียสซึ่งอยู่ด้านล่างนางสาว 60 นาที สำหรับการประยุกต์ใช้ชิ้นแว่นตาที่ใช้เป็นชิ้นงานทดสอบแรงดึง โฮลดิ้งที่มีอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นส่วนขั้นตอนของการ martensite อารมณ์, เบไนท์ลดลงและเก็บไว้ austenite มีที่แตกต่างกันซึ่งนำไปสู่การลดลงของความแข็งและความต้านทานแรงดึงของชิ้นงานแว่นตา นอกจากนี้ยังมีชิ้นงานที่อยู่ภายใต้การรักษาความร้อน austempering เวลาการถือครองที่แตกต่างกัน 260 องศาเซลเซียสและความต้านทานแรงดึงของชิ้นงานทดสอบแรงดึงมาตรฐานถูกตรวจสอบเป็นเมื่อเทียบกับแรงดึงความแข็งแรงรอยโดยไม่ต้องมีผลบังคับใช้ ผลการศึกษาพบว่าความต้านทานแรงดึงของตัวอย่างแว่นตาเป็นประมาณ 70% ของที่วัดจากชิ้นงานมาตรฐานและปริมาณของการกำจัดของตัวอย่างแว่นตาลดลงน้อยกว่าที่วัดได้จากตัวอย่างมาตรฐานที่มีการเพิ่มขึ้นของเวลาการถือครอง นั่นคือผลกระทบรอยบนความต้านทานแรงดึงของชิ้นงานแว่นตาที่มีเวลาการถือครองที่แตกต่างกัน 260 องศาเซลเซียสไม่ได้ที่เห็นได้ชัด แต่ผลบากในความเหนียวที่มีเวลาการถือครองระยะสั้นที่ 260 องศาเซลเซียสก็เห็นได้ชัด.
นิรภัย martensite และล่างเบไนท์และเก็บไว้ austenite กำลังก่อตัวขึ้นหลังจากที่เงื่อนไขที่แตกต่างของ Q & P การรักษาความร้อน เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นแบ่งพาร์ทิชัน, ความต้านทานแรงดึงและความแข็งของ S50C ลดลงเพราะคาร์บอนไดออกไซด์ใน martensite กระจายไป austenite ที่อยู่ติดกันซึ่งเกิดจากระดับที่แตกต่างกันของการแบ่งเบาบรรเทา ความต้านแรงดึงและความแข็งของ S50C ลดลงเมื่อเวลาแบ่งพาร์ทิชันที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้การลดลงของแรงดึงและความแข็งที่มีการถือครองเวลา 5 ถึง 15 นาทีก็เห็นได้ชัดกว่า 15 ถึง 60 นาที.
ในงานนี้สภาวะที่เหมาะสมในหมู่ austempering และ Q & P รักษาความร้อนคือการที่ได้รับจากการ austempering การรักษาความร้อนที่ 260 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 นาที (A26015) ความต้านแรงดึงของชิ้นงานเป็นเรื่องเกี่ยวกับแว่นตา 1,350 เมกะปาสคาลและมาตรฐานชิ้นงานทดสอบแรงดึงขึ้นไปประมาณ 1,930 เมกะปาสคาลทั้งสองของพวกเขาจะดีกว่าหลังจากการแบ่งเบาบรรเทาที่ 300 องศาเซลเซียส

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในการศึกษานี้ ได้โครงสร้างจุลภาคและสมบัติเชิงกลของ S50C คือหลังจากอ เทมเปอร์ริ่งและการรักษาความร้อน& P Q ตามลำดับ
ผลการศึกษาพบว่า ไนท์ลดลงเล็กน้อยสะสม austenite ขึ้นหลังจากอ เทมเปอร์ริ่งรักษาความร้อนกับถืออุณหภูมิ 350 องศา C ซึ่งอยู่เหนือ MS เป็นเวลา 60 นาที ในขณะที่มาร์เทนไซต์ที่อารมณ์ไนท์ลดปริมาณ austenite พบหลังจากอ เทมเปอร์ริ่งรักษาความร้อนกับถืออุณหภูมิ 320 , 290 และ 260 องศา C ซึ่งอยู่ด้านล่างของ MS เป็นเวลา 60 นาที สำหรับตัวอย่างการใช้แว่นตาเป็นชิ้นงานทดสอบแรงดึง ด้วยการจับอุณหภูมิเพิ่มขึ้น สัดส่วนของมาร์เทนไซต์ระยะอารมณ์ ไนท์ลดลงและเก็บไว้ austenite ได้หลากหลายซึ่งนำไปสู่การลดลงของความแข็งและความเค้นแรงดึงของแว่นตาตัวอย่าง นอกจากนี้ ตัวอย่างอยู่ภายใต้การรักษาความร้อน เพื่อที่แตกต่างกันอ เทมเปอร์ริ่งถือเวลาที่ 260 องศา C และความต้านแรงดึงของชิ้นงานทดสอบแรงดึงตามมาตรฐานเพื่อเปรียบเทียบแรงโดยไม่มีผลดีกว่าผลการศึกษาพบว่า ค่าความแข็งแรงดึงของชิ้นงาน แว่นสายตามีประมาณ 70% ของที่วัดจากตัวอย่างมาตรฐาน และปริมาณของการกระจัดจากตัวอย่างแว่นตาลดลงน้อยกว่าที่วัดได้จากตัวอย่างมาตรฐานด้วยการเพิ่มของการจับเวลา นั่นคือรอยบากที่มีผลต่อค่าความแข็งแรงของชิ้นงานที่มีแว่นตาแตกต่างกันเวลาถือที่ 260 องศา C ก็ไม่ชัด แต่รอยมีผลต่อความเหนียวสั้นถือเวลาที่ 260 องศา C ได้ชัดเจน อารมณ์ และไนท์มาร์เทนไซต์
ลดลงและเก็บไว้ austenite ขึ้นหลังจากเงื่อนไขต่างๆ ของการรักษาความร้อน Q & P . เป็นพาร์ทิชันที่อุณหภูมิเพิ่มขึ้นแรงดึงและความแข็งของ S50C ลดลงเพราะคาร์บอนในมาร์เทนไซต์ที่มีระดับที่แตกต่างกันของ austenite ที่อยู่ติดกันซึ่งเกิดจากการ . และความแข็งของ S50C ลดลงเนื่องจากการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การลดลงของแรงดึงและความแข็ง กับระยะเวลา 5 ถึง 15 นาทีได้ชัดเจนกว่า 15 ถึง 60 นาที .
ในงานนี้สภาวะที่เหมาะสมของอ เทมเปอร์ริ่งและการรักษาความร้อน Q & p ที่ได้รับอ เทมเปอร์ริ่งการรักษาความร้อนที่ 260 องศา C เป็นเวลา 15 นาที ( a26015 ) ความต้านแรงดึงของชิ้นงานแว่นตาประมาณ 1350 MPa และมาตรฐานตัวอย่างการทดสอบแรงดึงถึงประมาณ 1930 MPa , ทั้งสองของพวกเขาดีกว่าที่ 300 องศา หลังจากการแบ่งเบา