Other Bearing Capacity Consideratio

Other Bearing Capacity Considerations
There are many other possible considerations in the evaluation of bearing capacity for shallow foun- dations. Some common items are as follows:
Inclined Loads. In addition to the vertical load acting on the footing, it may also be subjected to a lateral load; hence the resultant of the load will be inclined. One possible method as proposed by Merehof is to reduce the allowable bearing capacity based on the inclination of the load. However, this approach has a drawback in that the geotechnical engineer usually does not know the inclination of the various loads when preparing the foundation report. And if the inclinations were known, then numerous allowable bearing capacities would be needed for the various inclinations of the load. A more commonly used procedure is to treat lateral loads separately and resist the lateral loads by using the soil pressure acting on the sides of the footing (allowable passive pressure) and by using the frictional resistance along the bottom of the footing. This is the approach used in the analysis of retaining wall foundations.
Moments and Eccentric Loads. It is always desirable to design and construct shallow footings so that the vertical load is concentric, i.e., the vertical load is applied at the center of gravity of the foot- ing. For combined footings that carry more than one vertical load, the combined footing should be designed and constructed so that the vertical loads are symmetric. There may be design situations where the footing is subjected to a moment, such as where there is a fixed end connection between the building frame and the footing. This moment can be repre- sented by a load P that is offset a certain distance (known as the eccentricity) from the center of grav- ity of the footing. For other projects, there may be property line constraints and the load must be offset a certain distance (eccentricity) from the center of gravity of the footing. There are several different methods used to evaluate eccentrically loaded footings. Because an eccentrically loaded footing will create a higher bearing pressure under one side as compared to the opposite side, one approach is to evaluate the actual pressure distribution beneath the footing. The usual procedure is to assume a rigid footing (hence linear pressure distribution) and use the section modulus (1/6 B2) in order to calculate the largest and lowest bearing pressure. For a footing having a width B, the largest (q′) and lowest (q′′) bearing pressures are as follows:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ข้อควรพิจารณากำลังการผลิตปืนอื่น ๆมีมากได้ข้อควรพิจารณาอื่น ๆ ในการประเมินเรืองความสามารถตื้น foun-dations บางรายการทั่วไปมีดังนี้:โหลดเข้าใจ นอกจากโหลดแนวตั้งทำหน้าที่บนหลักการ มันอาจยังอยู่ภายใต้การบรรทุกด้านข้าง ดังนั้น resultant ของโหลดจะเป็นหัว วิธีหนึ่งได้ตามที่เสนอโดย Merehof จะลดกำลังใช้ปืนตามความเอียงของโหลด อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้มีการคืนเงินที่วิศวกรธรณีมักจะไม่ทราบความเอียงของโหลดต่าง ๆ เมื่อเตรียมรายงานพื้นฐาน และถ้า inclinations ที่ได้ แล้วแบริ่งที่ใช้กำลังมากมายจะจำเป็นสำหรับ inclinations ต่าง ๆ ของการใช้งาน ขั้นตอนที่ใช้บ่อยคือการ รักษาด้านข้างโหลดแยก และโหลดด้านข้างต่อต้าน โดยใช้ความดันดินที่ทำหน้าที่ด้านหลัก (แฝงความดันได้) และโดยต่อต้าน frictional ด้านล่างของหลักการ นี้เป็นวิธีที่ใช้ในการวิเคราะห์รากฐานกำแพงกันดินช่วงเวลาและโหลดหลุดโลก จึงมักจะต้องการออกแบบ และสร้าง footings ตื้นเพื่อให้การโหลดแนวตั้งคือ concentric เช่น โหลดแนวตั้งใช้ที่ศูนย์ของกิจกรรมต่าง ๆ ของเท้า-ไอเอ็นจี สำหรับ footings รวมที่โหลดมากกว่าหนึ่งแนวตั้ง หลักรวมควรมีการออกแบบ และสร้างเพื่อให้โหลดแนวสมมาตร อาจมีการออกแบบสถานการณ์ที่หลักที่ขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง เช่นมีการเชื่อมต่อสิ้นสุดถาวรระหว่างกรอบอาคารและหลักการ ขณะนี้ได้ repre-sented โดยโหลด P ที่ระยะไกลบาง (เรียกว่าความเยื้องศูนย์กลางที่) ตรงข้ามศูนย์ grav-ity ของหลักการ สำหรับโครงการอื่น ๆ อาจมีข้อจำกัดคุณสมบัติบรรทัด และต้องจะโหลดตรงข้ามบางระยะไกล (ความเยื้องศูนย์กลาง) จากศูนย์กลางของกิจกรรมต่าง ๆ ของหลักการการ มีหลายวิธีที่แตกต่างกันใช้ในการประเมิน footings eccentrically โหลด เนื่องจากหลักการ eccentrically โหลดจะสร้างความดันแบริ่งสูงภายใต้ด้านหนึ่งเมื่อเทียบกับด้านตรงข้าม วิธีหนึ่งคือการ ประเมินการกระจายความดันจริงภายใต้หลักการ ขั้นตอนปกติคือการ สมมติหลักแข็ง (แจกจ่ายความดันดังนั้นเส้น) และใช้โมดูลัสส่วน (1/6 B2) เพื่อคำนวณที่ใหญ่ที่สุด และแบกความดันต่ำ สำหรับหลักที่มี ความกว้าง B ที่ใหญ่ที่สุด (q′) และความดันต่ำ (q′′) ปืนจะเป็นดังนี้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พิจารณาความจุแบริ่งอื่น ๆ
มีหลายข้อควรพิจารณาอื่น ๆ ที่เป็นไปได้ในการประเมินผลของความจุแบริ่งสำหรับ dations foun- ตื้นอยู่ รายการบางอย่างร่วมกันมีดังนี้
เอียงโหลด นอกจากนี้ยังมีการโหลดแนวตั้งที่ทำหน้าที่บนเกาะก็ยังอาจจะถูกโหลดด้านข้าง ด้วยเหตุนี้ผลของการโหลดจะมีความโน้มเอียง วิธีการหนึ่งที่เป็นไปได้ตามที่เสนอโดย Merehof คือการลดกำลังการผลิตแบริ่งที่อนุญาตขึ้นอยู่กับความชอบของโหลด แต่วิธีนี้มีข้อเสียเปรียบในการที่วิศวกรปฐพีมักจะไม่ทราบเอียงของภาระต่างๆเมื่อเตรียมรายงานรากฐาน และถ้าความโน้มเอียงเป็นที่รู้จักกันแล้วหลายความจุแบริ่งที่อนุญาตจะต้องสำหรับความโน้มเอียงที่แตกต่างกันของการโหลด ขั้นตอนการใช้กันอย่างแพร่หลายคือการรักษาโหลดด้านข้างแยกและต่อต้านโหลดด้านข้างโดยใช้ความดันดินทำหน้าที่ที่ด้านข้างของฐานราก (อนุญาตดันเรื่อย ๆ ) และโดยการใช้แรงเสียดทานด้านล่างของฐานราก นี่คือวิธีการที่ใช้ในการวิเคราะห์การรักษารากฐานผนัง.
ช่วงเวลาและโหลดประหลาด มันก็มักจะเป็นที่น่าพอใจในการออกแบบและสร้างฐานรากตื้นเพื่อให้โหลดในแนวตั้งเป็นศูนย์กลางเช่นโหลดแนวตั้งถูกนำไปใช้เป็นศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงของไอเอ็นจี foot- สำหรับการก่อสร้างรวมที่ดำเนินการมากกว่าหนึ่งโหลดแนวตั้งฐานรากรวมควรจะได้รับการออกแบบและสร้างเพื่อให้โหลดในแนวตั้งมีความสมมาตร อาจมีสถานการณ์การออกแบบฐานรากที่อยู่ภายใต้ช่วงเวลาเช่นที่มีการเชื่อมต่อปลายถาวรระหว่างกรอบอาคารและฐานราก ขณะนี้สามารถ sented repre- โดยปริมาณฟอสฟอรัสที่จะชดเชยระยะหนึ่ง (ที่รู้จักกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ) โหม่ง ity Gräv-ของฐานราก สำหรับโครงการอื่น ๆ ที่อาจจะมีข้อ จำกัด สายอสังหาริมทรัพย์และภาระจะต้องได้รับการชดเชยระยะหนึ่ง (เล็ก ๆ น้อย ๆ ) จากศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงของฐานราก มีวิธีการที่แตกต่างกันใช้ในการประเมินโหลดแผลงเป็นฐานราก เพราะฐานรากโหลดแผลงจะสร้างแรงดันแบริ่งที่สูงขึ้นภายใต้ด้านหนึ่งเมื่อเทียบกับฝั่งตรงข้ามวิธีการหนึ่งคือการประเมินการกระจายความดันที่เกิดขึ้นจริงภายใต้ฐานราก ขั้นตอนปกติคือการสมมติฐานรากแข็ง (เพราะฉะนั้นการกระจายความดันเชิงเส้น) และใช้โมดูลัสส่วน (1/6 B2) ในการคำนวณความดันแบริ่งที่ใหญ่ที่สุดและต่ำสุด สำหรับฐานรากมีความกว้าง B ที่ใหญ่ที่สุด (ด ') และต่ำสุด (ด' ') แบริ่งแรงกดดันดังต่อไปนี้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รับการพิจารณาความจุ
มีข้อควรพิจารณาอื่น ๆเป็นไปได้มากในการประเมินผลของแบริ่งความจุตื้นแบบ - dations . บางสินค้าทั่วไปมีดังนี้ :
โหลดเอียง นอกเหนือไปจากแนวตั้งโหลดหน้าที่บนฐานราก นอกจากนี้ยังอาจจะต้องรับแรงด้านข้าง จึงเป็นผลของโหลดจะเอียงหนึ่งในวิธีที่เป็นไปได้ตามที่เสนอ โดย merehof จะลดยอมแบกความจุตามความเอียงของโหลด อย่างไรก็ตาม วิธีนี้มีข้อเสียเปรียบที่วิศวกรธรณีเทคนิค มักจะ ไม่ รู้ ความเอียงของโหลดต่าง ๆ เมื่อเตรียมรายงานพื้นฐาน และถ้า inclinations รู้จักในชื่อแล้วมากมายที่แบกความจุจะเป็นที่ต้องการสำหรับความโน้มเอียงต่างๆของโหลด ขั้นตอนที่ใช้บ่อยในการรักษาและต่อต้านการแยกโหลดโหลดโดยใช้แรงดันดินด้านข้างทำที่ด้านข้างของเท้า ( กดดันเรื่อยๆอนุญาต ) และโดยการใช้แรงเสียดทานตามด้านล่างของเท้า .นี้เป็นวิธีการที่ใช้ในการวิเคราะห์การรักษารากฐานที่ผนัง
ช่วงเวลาและแรงผิดปกติ มันเป็นเสมอที่พึงปรารถนาเพื่อออกแบบและสร้างเพื่อให้ตื้น footings โหลดแนวตั้งคือศูนย์กลาง เช่น โหลดแนวตั้งใช้ที่ศูนย์ของแรงโน้มถ่วงของเท้า - ไอเอ็นจี รวม footings ที่ดำเนินการมากกว่าหนึ่งแนวตั้งโหลดหลักรวมควรออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อให้โหลดแนวตั้งสมมาตร . อาจจะมีสถานการณ์ที่ต้องมีการออกแบบฐานรากก่อน เช่น มีกำหนดสิ้นสุดการเชื่อมต่อระหว่างโครงอาคารและฐานราก .ขณะนี้สามารถ repre - sented โดยโหลด P ที่ชดเชยไประยะหนึ่ง ( เรียกว่า eccentricity ) จากศูนย์ grav - ity ของยืน สำหรับโครงการอื่น อาจจะมีข้อจำกัดและสายอสังหาริมทรัพย์โหลดต้องชดเชยไประยะหนึ่ง ( eccentricity ) จากศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงของการยืนมีหลายวิธีที่แตกต่างกันที่ใช้ในการประเมินโหลด eccentrically footings . เพราะโหลด eccentrically ฐานรากจะสร้างความดันแบริ่งที่สูงภายใต้ด้านหนึ่งเมื่อเทียบกับ ฝั่งตรงข้าม วิธีการหนึ่งคือเพื่อประเมินการกระจายความดันที่เกิดขึ้นจริงภายใต้การยืนขั้นตอนปกติคือ สมมติว่า ดินแข็ง ( เพราะเส้นการกระจายความดัน ) และใช้ส่วนปลาย ( 1 / 6 B2 ) เพื่อคำนวณค่าความดันแบริ่งที่ใหญ่ที่สุดและถูกที่สุด สำหรับฐานรากที่ใหญ่ที่สุดมีความกว้าง B ( Q School ) และต่ำสุด ( Q ′′ ) แบกความกดดันดังนี้