By the end of the 1940’s, World War

By the end of the 1940’s, World War II had accelerated the production of new antibiotics and prescription drugs for heart and lung diseases, cancer and ulcers. In 1929, prescription drugs accounted for only 32 percent of sold medical drugs, while by 1949 they accounted for 57 percent, and 83 percent in 1969. This period became known as the Therapeutic Revolution [12]. During this time, penicillin became a widely significant medicine in many world cultures and prescription drugs grew rapidly across the United States. The pharmaceutical powerhouse Pfizer ranked as one of America’s leading producers in the industry and became the first company to commercially produce penicillin [12]. Dubbed as “wonder drugs” by the press in 1943, antibiotics proved that bacterial infections could be treated. Penicillin was used to cure syphilis and gonorrhea within days and treated diseases that previously would have been fatal. Other oral antibiotics such as streptomycin and tetracyclines also fanned the nation [14]. Pharmaceutical companies began experimenting with new antibiotics, testing them on random patients without fully understanding the root cause of these ailments. To their amazement, the antibiotics would often work. With the rise in over-the-counter and prescription medicines during this time, the government began regulating drugs more strictly. This made future growth slower, marking the 1960’s as the greatest growth of the pharmaceutical companies in history [12].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โดยสิ้น 1940, สงครามโลกครั้งที่สองได้เร่งการผลิตของยาปฏิชีวนะใหม่และยาตามใบสั่งแพทย์สำหรับหัวใจและปอดโรคมะเร็งและแผล ในปี 1929, ยาตามใบสั่งแพทย์คิดเป็นเพียง 32 เปอร์เซ็นต์ของยาเสพติดทางการแพทย์ที่ขายในขณะที่พวกเขาโดย 1949 คิดเป็นร้อยละ 57 และร้อยละ 83 ในปี 1969 เวลานี้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะการปฏิวัติการรักษา [12] ในช่วงเวลานี้ยาปฏิชีวนะเป็นยาที่สำคัญกันอย่างแพร่หลายในวัฒนธรรมของโลกและยาตามใบสั่งแพทย์จำนวนมากที่เติบโตอย่างรวดเร็วทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา โรงไฟฟ้​​ายาไฟเซอร์จัดอันดับให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำของอเมริกาในอุตสาหกรรมและกลายเป็น บริษัท แรกที่ผลิตในเชิงพาณิชย์ยาปฏิชีวนะ [12] ขนานนามว่าเป็น "ยาเสพติดที่น่าแปลกใจ" โดยการกดในปี 1943ยาปฏิชีวนะที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการติดเชื้อแบคทีเรียที่อาจจะได้รับการรักษา ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาโรคหนองในซิฟิลิสและภายในวันและโรคที่ก่อนหน้านี้จะได้รับอันตรายถึงชีวิตได้รับการรักษา ยาปฏิชีวนะในช่องปากอื่น ๆ เช่น streptomycin และ tetracyclines ยังพัดประเทศ [14] บริษัท ยาเริ่มทดลองด้วยยาปฏิชีวนะใหม่การทดสอบพวกเขาในผู้ป่วยที่สุ่มโดยไม่เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของโรคเหล่านี้ ท่ามกลางความประหลาดใจของพวกเขายาปฏิชีวนะมักจะทำงาน กับการเพิ่มขึ้นในยามากกว่าที่เคาน์เตอร์และใบสั่งยาในช่วงเวลานี้รัฐบาลเริ่มการควบคุมยาเสพติดอย่างเคร่งครัดมากขึ้น นี้ทำให้การเติบโตในอนาคตช้าลงเครื่องหมายปี 1960 ในขณะที่การเจริญเติบโตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ บริษัท ยาในประวัติศาสตร์ [12]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดย 1940's สงครามโลกครั้งที่สองได้เร่งผลิตยาใหม่และยาสำหรับโรคหัวใจและปอด มะเร็ง และแผลในปาก ในปีพ.ศ. 2472 ยาคิดเป็นเพียงร้อยละ 32 ของขายยาทางการแพทย์ ในขณะที่ โดย 1949 พวกเขาบัญชีสำหรับร้อยละ 57 และร้อยละ 83 ใน 1969 เวลานี้กลายเป็นว่าการปฏิวัติรักษา [12] ในช่วงเวลานี้ ยาเพนนิซิลลินเป็น ยาสำคัญกันอย่างแพร่หลายในหลายวัฒนธรรมโลก และยาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา จุดยาไฟเซอร์จัดอันดับเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำของอเมริกาในอุตสาหกรรม และเป็น บริษัทแรกในเชิงพาณิชย์ผลิตยาเพนนิซิลลิน [12] ฉายาว่าเป็น "ยาใจ" โดยกดใน 1943 ยาปฏิชีวนะพิสูจน์ว่า เชื้อแบคทีเรียสามารถรักษา ยาเพนนิซิลลินใช้รักษาซิฟิลิสใน และจะได้รับภายในวันที่ก่อนหน้านี้บำบัดโรคหนองในร้ายแรง ยาปฏิชีวนะอื่น ๆ ปากเช่น streptomycin tetracyclines ยังได้กระตุ้นประเทศ [14] บริษัทยาเริ่มทดสอบกับยาปฏิชีวนะใหม่ ทดสอบได้ในผู้ป่วยสุ่มโดยไม่เข้าใจสาเหตุหลักของโรคเหล่านี้ทั้งหมด เพื่อความประหลาดใจ ยาปฏิชีวนะจะมักจะทำงาน มีเพิ่มขึ้นในยา และยาในใบสั่งยาในช่วงเวลานี้ รัฐบาลเริ่มควบคุมยาเสพติดอย่างเข้มงวดมากขึ้น นี้ทำในอนาคตเติบโตช้า ทำเครื่องหมาย 1960 เป็นการเติบโตสูงสุดของบริษัทยาในประวัติศาสตร์ [12]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในช่วงปลายปี 1940 ' sthe World War II เร่งตัวสูงขึ้นการผลิตของซีพีเอฟคิดค้นใหม่และสิ่งเสพติดการกำหนดสำหรับโรคหัวใจและปอดมีแผลและมะเร็ง ในปี 1929 สิ่งเสพติดการกำหนดคิดเป็นสัดส่วนเพียง 32% ของยอดจำหน่ายสิ่งเสพติดทางการแพทย์โดยปี 1949 พวกเขาคิดเป็นสัดส่วน 57% และ 83% ในปี 1969 ช่วงเวลานี้กลายเป็นที่รู้จักเป็นการปฏิวัติการบำบัดโรค[ 12 ] ในระหว่างช่วงเวลานี้อย่างไรสืบเนื่องกันอย่างกว้างขวางกลายเป็นยารักษาโรคอย่างมีนัยสำคัญในวัฒนธรรมระดับโลกจำนวนมากและสิ่งเสพติดใบสั่งยาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วสหรัฐอเมริกา ไฟเซอร์ยาดาวรุ่งพุ่งแรงได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในอเมริกาผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมและเป็นบริษัทแรกในการผลิตอย่างไรสืบเนื่อง[ 12 ]พาณิชย์ และเป็น"สิ่งเสพติดความน่ามหัศจรรย์ใจ"โดยให้กดปุ่มใน 1943ยาปฏิชีวนะได้พิสูจน์แล้วว่าการติดเชื้อแบคทีเรียไม่สามารถได้รับการปฏิบัติ อย่างไรสืบเนื่องมาใช้ในการรักษาโรคซิฟิลิสและหนองใน ภายใน วันและการรักษาโรคร้ายที่ก่อนหน้านี้ก็จะได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต ยาปฏิชีวนะในช่องปากอื่นๆเช่นยาซทเรพโทะไม - ซินและ tetracyclines ยังลุกโชติช่วงชาติ[ 14 ] บริษัท เวชภัณฑ์ เริ่มทดลองด้วยยาปฏิชีวนะใหม่การทดสอบพวกเขาในผู้ป่วยแบบสุ่มไม่เข้าใจทำให้รากของนิรามัยเหล่านี้ ท่ามกลางความตกตะลึงของตนยาปฏิชีวนะที่จะทำงานอยู่บ่อยครั้ง พร้อมด้วยการเพิ่มในยามากกว่าที่เคาน์เตอร์และการกำหนดในช่วงเวลานี้รัฐบาลเริ่มการควบคุมยาเสพติดอย่างเข้มงวดมากขึ้น โรงแรมแห่งนี้ทำให้อัตราการขยายตัวชะลอลงในอนาคตการทำเครื่องหมาย 1960 ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดของบริษัทยาในประวัติศาสตร์[ 12 ]