Defining the ProblemThe key to a go

Defining the Problem

The key to a good problem definition is ensuring that you deal with the real problem – not its symptoms. For example, if performance in your department is substandard, you might think the problem is with the individuals submitting work. However, if you look a bit deeper, the real issue might be a lack of training, or an unreasonable workload.
Tools like 5 Whys [Add to My Personal Learning Plan] , Appreciation [Add to My Personal Learning Plan] and Root Cause Analysis [Add to My Personal Learning Plan] help you ask the right questions, and work through the layers of a problem to uncover what's really going on.

At this stage, it's also important to ensure that you look at the issue from a variety of perspectives. If you commit yourself too early, you can end up with a problem statement that's really a solution instead. For example, consider this problem statement: "We have to find a way of disciplining of people who do substandard work." This doesn't allow you the opportunity of discovering the real reasons for under-performance. The CATWOE [Add to My Personal Learning Plan] checklist provides a powerful reminder to look at many elements that may contribute to the problem, and to expand your thinking around it.
Understanding Complexity

When your problem is simple, the solution is usually obvious, and you don't need to follow the four steps we outlined earlier. So it follows that when you're taking this more formal approach, your problem is likely to be complex and difficult to understand, because there's a web of interrelated issues.

The good news is that there are numerous tools you can use to make sense of this tangled mess! Many of these help you create a clear visual representation of the situation, so that you can better understand what's going on.

Affinity Diagrams [Add to My Personal Learning Plan] are great for organizing many different pieces of information into common themes, and for discovering relationships between these.

Another popular tool is the Cause-and-Effect Diagram [Add to My Personal Learning Plan] . To generate viable solutions, you must have a solid understanding of what's causing the problem. Using our example of substandard work, Cause-and-Effect diagrams would highlight that a lack of training could contribute to the problem, and they could also highlight possible causes such as work overload and problems with technology.

When your problem occurs within a business process, creating a Flow Chart [Add to My Personal Learning Plan] , Swim Lane Diagram [Add to My Personal Learning Plan] or a Systems Diagram [Add to My Personal Learning Plan] will help you see how various activities and inputs fit together. This will often help you identify a missing element or bottleneck [Add to My Personal Learning Plan] that's causing your problem.

Quite often, what may seem to be a single problem turns out to be a whole series of problems. Going back to our example, substandard work could be caused by insufficient skills, but excessive workloads could also be contributing, as could excessively short lead times and poor motivation. The Drill Down [Add to My Personal Learning Plan] technique will help you split your problem into smaller parts, each of which can then be solved appropriately.
Problem-Solving Processes

The four-step approach to solving problems that we mentioned at the beginning of this article will serve you well in many situations. However, for a more comprehensive process, you can use Simplex, Appreciative Inquiry or Soft Systems Methodology (SSM). These provide detailed steps that you can use to solve a problem effectively.

Simplex [Add to My Personal Learning Plan] involves an eight-stage process: problem finding, fact finding, defining the problem, idea finding, selecting and evaluating, planning, selling the idea, and acting. These steps build upon the basic process described earlier, and they create a cycle of problem finding and solving that will continually improve your organization.

Appreciative Inquiry [Add to My Personal Learning Plan] takes a uniquely positive approach by helping you solve problems by examining what's working well in the areas surrounding them.

Soft Systems Methodology [Add to My Personal Learning Plan] is designed to help you understand complex problems so that you can start the process of solving them. It uses four stages to help you uncover more details about what's creating the problem, and then define actions that will improve the situation.
Key Points

Using established tools and techniques will help you improve your approach to solving the problems that your team and your organization face. You'll be more successful at solving problems and, because of this, more successful at what you do. What's more, you'll begin to build a reputation as someone who can handle tough situations, in a wise and positive way.

This site teaches you the skills you need for a happy and successful career; and this is just one of many tools a

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การกำหนดปัญหาสำคัญในการนิยามปัญหาที่ดีคือมั่นใจว่า คุณจัดการกับปัญหาจริง – ไม่อาการ เช่น ถ้าประสิทธิภาพการทำงานในแผนกมาตรฐาน คุณอาจคิดว่า เป็นปัญหากับบุคคลที่ส่งงาน อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณมองลึกบิต ปัญหาที่แท้จริงอาจจะขาดการฝึกอบรม หรือมีปริมาณงานไม่มีเหตุผลเครื่องมือเช่น 5 Whys [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน], [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] ชื่นชม และ วิเคราะห์สาเหตุราก [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] ช่วยคุณถามคำถามที่เหมาะสม และทำงานผ่านชั้นของปัญหาที่จะค้นพบสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในขั้นตอนนี้ มันเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อให้แน่ใจว่า คุณมองปัญหาจากมุมมองที่หลากหลาย ถ้าคุณยอมรับตัวเองเร็วเกินไป คุณสามารถจบขึ้น ด้วยคำสั่งปัญหาที่เป็นจริงการแก้ปัญหาแทน เช่น พิจารณาคำชี้แจงปัญหานี้: "เราต้องไปหาวิธีของ disciplining ของผู้ที่ทำงานมาตรฐาน" นี้ไม่ให้โอกาสในการสำรวจประสิทธิภาพน้อยเหตุผลแท้จริง สอบ CATWOE [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] แสดงตัวเตือนประสิทธิภาพที่มององค์ประกอบหลายอย่างที่อาจนำไปสู่ปัญหา และ การขยายความคิดของคุณไปรอบ ๆเข้าใจในความซับซ้อนเมื่อคุณมีปัญหาง่าย ชัดเจนมักเป็น และคุณไม่จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนที่สี่ที่เราระบุไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นดังนั้นที่เมื่อคุณใช้วิธีการนี้อย่างเป็นทางการมากขึ้น ปัญหาของคุณมีแนวโน้มที่จะซับซ้อน และยากที่จะเข้าใจ เพราะมีเว็บเชื่อมโยงระหว่างปัญหาข่าวดีคือ ว่า มีเครื่องมือมากมายที่คุณสามารถใช้เพื่อทำความเข้าใจในระเบียบนี้พันกัน จำนวนมากซึ่งช่วยคุณสร้างการแสดงภาพชัดเจนของสถานการณ์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นไดอะแกรมความสัมพันธ์ [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] ดี สำหรับจัดระเบียบหลายชิ้นที่แตกต่างของข้อมูลในรูปแบบทั่วไป และการค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างเหล่านี้อีกหนึ่งเครื่องมือที่นิยมคือ แผนภาพสาเหตุ และผลกระทบ [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] การสร้างโซลูชันทาง คุณต้องเข้าใจของสิ่งที่เป็นสาเหตุของปัญหา ใช้ตัวอย่างของการทำงานมาตรฐาน สาเหตุ และผลกระทบจะเน้นว่า การขาดการฝึกอบรมสามารถนำไปสู่ปัญหา และพวกเขายังสามารถเน้นสาเหตุเช่นทำงานเกินพิกัด ด้วยเทคโนโลยีการเมื่อปัญหาเกิดขึ้นภายในกระบวนการทางธุรกิจ การสร้างแผนภูมิการไหล [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน ว่ายน้ำเลนไดอะแกรม [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] หรือไดอะแกรมระบบ [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] จะช่วยให้คุณดูกิจกรรมต่าง ๆ และปัจจัยการผลิตพอดีกัน นี้มักจะช่วยให้คุณระบุองค์ประกอบขาดหายไป หรือขวด [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] ที่เป็นสาเหตุของปัญหาบ่อย อะไรอาจจะ มีปัญหาเดียวจะออกมาทั้งชุดของปัญหา กลับไปที่ตัวอย่าง งานมาตรฐานอาจเกิดจากทักษะไม่เพียงพอ แต่ปริมาณมากเกินไปอาจยังทำงาน ต่อ เป็นไม่เกินระยะเวลาและแรงจูงใจที่ดี เทคนิคการเจาะลง [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] จะช่วยคุณแบ่งปัญหาออกเป็นส่วนย่อย ๆ ซึ่งจะแล้วสามารถแก้ไขได้อย่างเหมาะสมกระบวนการแก้ปัญหาวิธีการสี่ขั้นตอนการแก้ปัญหาที่เรากล่าวถึงในตอนต้นของบทความนี้จะให้บริการคุณในหลายสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม สำหรับกระบวนการครอบคลุมมากขึ้น คุณสามารถใช้ Simplex สอบ ถามเด็ก หรือวิธีระบบนุ่ม (SSM) เหล่านี้ให้รายละเอียดขั้นตอนที่คุณสามารถใช้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพSimplex [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] เกี่ยวข้องกับกระบวนการขั้นตอนที่ 8: ปัญหาการค้นหา ค้นหา การกำหนดปัญหา ข้อเท็จจริงความคิดค้นหา การเลือก และประเมิน การวางแผน ขายความคิด และทำหน้าที่ ขั้นตอนเหล่านี้สร้างกระบวนการพื้นฐานที่อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ พวกเขาสร้างรอบการค้นหาปัญหา และแก้ไขที่จะพัฒนาปรับปรุงองค์กรของคุณสอบถามชื่น [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] ใช้วิธีการบวกโดยเฉพาะ โดยช่วยคุณแก้ปัญหา โดยการตรวจสอบสิ่งที่ทำงานในพื้นที่รอบเขาวิธีการระบบนุ่ม [เพิ่มแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจปัญหาซับซ้อนเพื่อให้คุณสามารถเริ่มกระบวนการการแก้ จะใช้สี่ขั้นตอนเพื่อช่วยคุณในการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังสร้างปัญหา และกำหนดจะปรับปรุงสถานการณ์สำคัญโดยใช้เทคนิคและเครื่องมือที่กำหนดขึ้นจะช่วยให้คุณปรับปรุงวิธีการแก้ปัญหาที่ทีมงานและองค์กรของคุณเผชิญ คุณจะประสบความสำเร็จมาก ในการแก้ปัญหา และ เนื่อง จาก นี้ ยิ่งประสบความสำเร็จในสิ่งที่คุณทำ มีอะไรเพิ่มเติม คุณจะเริ่มสร้างชื่อเสียงเป็นคนที่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ในทางบวก และฉลาดเว็บไซต์นี้สอนทักษะจำเป็นสำหรับความสุข และประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน และนี้เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การกำหนดปัญหากุญแจสำคัญในการนิยามปัญหาที่ดีคือการสร้างความมั่นใจว่าคุณจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริง - ไม่ได้อาการ ตัวอย่างเช่นถ้าผลการดำเนินงานในแผนกของคุณเป็นถึงขนาดคุณอาจคิดว่ามีปัญหากับบุคคลที่จะส่งงาน แต่ถ้าคุณมองบิตลึกปัญหาที่แท้จริงอาจจะขาดการฝึกอบรมหรือภาระงานที่ไม่สมควร. เครื่องมือเช่น 5 Whys [เพิ่มลงในแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] ชื่นชม [Add to My แผนการเรียนรู้ส่วนตัว] และวิเคราะห์สาเหตุ [เพิ่มลงในแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] ช่วยให้คุณถามคำถามที่เหมาะสมและการทำงานผ่านชั้นของปัญหาที่จะค้นพบสิ่งที่เกิดขึ้นจริง. ในขั้นตอนนี้ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะให้แน่ใจว่าคุณมองปัญหาจากมุมมองที่หลากหลาย . หากคุณกระทำตัวเองเร็วเกินไปที่คุณสามารถจบลงด้วยคำสั่งปัญหาที่จริงการแก้ปัญหาแทน ยกตัวอย่างเช่นพิจารณางบปัญหานี้ "เราต้องไปหาวิธีของการฝึกหัดของคนที่ทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐานได้." นี้ไม่อนุญาตให้คุณมีโอกาสของการค้นพบเหตุผลที่แท้จริงสำหรับภายใต้ประสิทธิภาพการทำงาน CATWOE [Add to My แผนการเรียนรู้ส่วนตัว] รายการตรวจสอบยังมีการแจ้งเตือนที่มีประสิทธิภาพที่จะดูที่องค์ประกอบหลายอย่างที่อาจนำไปสู่ปัญหาและจะขยายความคิดของคุณที่อยู่รอบ ๆ . เข้าใจความซับซ้อนเมื่อปัญหาของคุณเป็นเรื่องง่าย, การแก้ปัญหาเป็นเรื่องปกติที่เห็นได้ชัดและ คุณไม่จำเป็นต้องทำตามขั้นตอนที่สี่ที่เราระบุไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นมันตามที่เมื่อคุณกำลังใช้วิธีนี้อย่างเป็นทางการมากขึ้นปัญหาของคุณมีแนวโน้มที่จะมีความซับซ้อนและยากที่จะเข้าใจเพราะมีเว็บของปัญหาความสัมพันธ์ได้. ข่าวดีก็คือว่ามีเครื่องมือมากมายที่คุณสามารถใช้เพื่อทำให้ความรู้สึกของ ยุ่งเหยิงนี้! หลายเหล่านี้ช่วยให้คุณสร้างการแสดงภาพที่ชัดเจนของสถานการณ์เพื่อที่คุณจะสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น. Affinity ไดอะแกรม [Add to My แผนการเรียนรู้ส่วนตัว] ที่ดีสำหรับการจัดชิ้นส่วนที่แตกต่างกันของข้อมูลในรูปแบบทั่วไปและสำหรับการค้นพบ ความสัมพันธ์ระหว่างเหล่านี้. อีกเครื่องมือที่ได้รับความนิยมเป็นสาเหตุและผลกระทบแผนภาพ [เพิ่มลงในแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] เพื่อสร้างโซลูชั่นที่ทำงานได้คุณต้องมีความเข้าใจที่มั่นคงของสิ่งที่ก่อให้เกิดปัญหา แผนภาพโดยใช้ตัวอย่างของการทำงานที่ต่ำกว่ามาตรฐานของเราสาเหตุและผลกระทบจะเน้นที่ขาดการฝึกอบรมสามารถนำไปสู่ปัญหาและพวกเขายังสามารถเน้นสาเหตุที่เป็นไปได้เช่นการโอเวอร์โหลดการทำงานและปัญหาเกี่ยวกับเทคโนโลยี. เมื่อปัญหาของคุณเกิดขึ้นภายในกระบวนการทางธุรกิจ สร้างแผนภูมิการไหล [เพิ่มลงในแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน], ว่ายน้ำเลนแผนภาพ [เพิ่มลงในแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] หรือระบบแผนภาพ [เพิ่มลงในแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] จะช่วยให้คุณดูว่ากิจกรรมต่างๆและปัจจัยการผลิตพอดีกัน นี้มักจะช่วยให้คุณระบุองค์ประกอบที่ขาดหายไปหรือคอขวด [เพิ่มลงในแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] ที่ก่อให้เกิดปัญหาของคุณได้. บ่อยครั้งสิ่งที่อาจดูเหมือนจะมีปัญหาเดียวจะออกมาเป็นชุดทั้งปัญหา จะกลับไปที่ตัวอย่างของเราทำงานถึงขนาดอาจจะเกิดจากทักษะไม่เพียงพอ แต่งานที่มากเกินไปก็อาจจะมีส่วนร่วมในขณะที่สามารถเวลานำสั้นมากเกินไปและแรงจูงใจที่ไม่ดี เจาะลง [เพิ่มลงในแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] เทคนิคที่จะช่วยให้คุณสามารถแยกปัญหาของคุณได้เป็นส่วนเล็ก ๆ ของแต่ละคนซึ่งจากนั้นจะสามารถแก้ไขได้อย่างเหมาะสม. การแก้ปัญหากระบวนการวิธีการสี่ขั้นตอนการแก้ปัญหาที่เรากล่าวถึงจุดเริ่มต้นของ บทความนี้จะให้บริการที่ดีในหลาย ๆ สถานการณ์ อย่างไรก็ตามสำหรับกระบวนการที่ครอบคลุมมากขึ้นคุณสามารถใช้ Simplex, Appreciative Inquiry หรือระบบระเบียบวิธีซอฟท์ (SSM) . เหล่านี้มีรายละเอียดขั้นตอนที่คุณสามารถใช้ในการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพSimplex [เพิ่มลงในแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] เกี่ยวข้องกับกระบวนการแปดขั้นตอน: ปัญหาในการหาข้อเท็จจริงการค้นพบ, การกำหนดปัญหาการค้นพบความคิด, การเลือกและการประเมินการวางแผนการขาย ความคิดและการแสดง ขั้นตอนเหล่านี้สร้างเมื่อกระบวนการพื้นฐานที่อธิบายไว้ก่อนหน้านี้และพวกเขาสร้างวงจรของการค้นพบปัญหาและการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องจะปรับปรุงองค์กรของคุณ. Appreciative Inquiry [เพิ่มลงในแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] ใช้วิธีการเชิงบวกไม่ซ้ำกันโดยช่วยให้คุณแก้ปัญหาโดยการตรวจสอบว่ามีอะไร ทำงานได้ดีในพื้นที่รอบพวกเขา. วิธีการระบบซอฟ [เพิ่มลงในแผนการเรียนรู้ส่วนบุคคลของฉัน] ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจปัญหาที่ซับซ้อนเพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นกระบวนการของการแก้พวกเขา จะใช้สี่ขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณค้นพบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่สร้างปัญหาและระบุการกระทำที่จะปรับปรุงสถานการณ์. ประเด็นสำคัญการใช้เครื่องมือที่จัดตั้งขึ้นและเทคนิคที่จะช่วยให้คุณปรับปรุงวิธีการของคุณในการแก้ปัญหาที่ทีมงานของคุณและใบหน้าขององค์กรของคุณ . คุณจะประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาและเพราะเหตุนี้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่คุณทำ . มีอะไรมากกว่าที่คุณจะเริ่มต้นในการสร้างชื่อเสียงในฐานะคนที่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในทางที่ชาญฉลาดและบวกเว็บไซต์นี้จะสอนทักษะที่จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพมีความสุขและประสบความสำเร็จ และนี้เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือหลาย