Purpose: The purpose was to explore

Purpose: The purpose was to explore the relationship between the level of functioning (listening/talking/reading/daily self-care/care at home/social skills) of three to 21-year-old patients with autism spectrum disorders (ASDs) and their oral health and oral health-related behavior (brushing, flossing, dental visits). Methods: Survey data were collected from 85 parents of ASD patients. Patients' level of functioning was determined with a short version of the Survey Interview Form of the Vineland Adaptive Behavior Scales (2nd edition). Results: The patients ranged from very low to high levels of functioning. Oral health correlated with the ability to: listen (r=.53; P

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์: วัตถุประสงค์คือเพื่อ สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างระดับของการทำงาน (ฟัง/พูด/อ่าน/บริการ self-care/ดูแล ที่บ้าน/สังคมทักษะ) สามอายุ 21 ปีผู้ป่วยโรคโรคออทิซึมสเปคตรัม (ASDs) และการดูแลสุขภาพช่องปากและช่องปากสุขภาพลักษณะการทำงาน (เข้าชมแปรง แผล ฟัน) วิธีการ: สำรวจข้อมูลถูกเก็บรวบรวมจากผู้ปกครองที่ 85 ของผู้ป่วย ASD กำหนดระดับของผู้ป่วยทำงานกับแบบสัมภาษณ์แบบสำรวจของ Vineland ปรับให้เหมาะสมพฤติกรรมระดับสั้น (รุ่น 2) ผลลัพธ์: ผู้ป่วยอยู่ในช่วงต่ำมากจากการทำงานระดับสูง สุขภาพช่องปาก correlated สามารถ: ฟัง (r =. 53 P <. 001); พูดคุย (r =. 40 P <. 001); อ่าน (r =. 30 P <. 01); ส่วนร่วมในบริการสุขภาพ (r =. 36 P <. 001); ส่วนร่วมในการดูแลที่บ้าน (r =. 44 P <. 001); และแสดงให้เห็นถึงทักษะทางสังคม (r =. 36 P < .001). ระดับความสะดวกสบายของผู้ปกครองเกี่ยวกับแปรง และแผลฟันของลูก และนำลูกไปหาหมอฟันแตกต่างกันมาก และ correlated กับระดับของเด็กทำงาน ความถี่ของการแปรงฟัน correlated กับทักษะการฟัง (r = 31 P <. 01); ความถี่ของแผล correlated กับความสามารถในการพูดคุย (r =. 31 P < .01). บทสรุป: เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างระดับของการทำงานของ ASDs และสุขภาพช่องปาก และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพช่องปากเด็กสามารถเพิ่มความสามารถของทันตแพทย์เพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์: วัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างระดับของการทำงาน (ฟัง / พูด / อ่าน / ทุกวันดูแลตนเอง / การดูแลที่บ้าน / ทักษะทางสังคม) สามให้แก่ผู้ป่วย 21 ปีที่มีความผิดปกติสเปกตรัม (ASDs) และ สุขภาพช่องปากของพวกเขาและในช่องปากพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ (การแปรงฟันเข้าชมทันตกรรม) วิธีการ: การสำรวจข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมจาก 85 ผู้ปกครองของผู้ป่วย ASD ระดับของผู้ป่วยในการทำงานที่ถูกกำหนดด้วยเวอร์ชั่นสั้นของแบบสัมภาษณ์การสำรวจพฤติกรรมการชั่ง Vineland Adaptive (ฉบับที่ 2) ผลการศึกษา: ผู้ป่วยตั้งแต่ต่ำมากที่จะอยู่ในระดับสูงในการทำงานของ สุขภาพช่องปากที่มีความสัมพันธ์กับความสามารถในการ: ฟัง (r = 0.53; p <0.001); พูดคุย (r = 0.40; p <0.001); อ่าน (r = 0.30; p <0.01); มีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันการดูแลตนเอง (r = 0.36; p <0.001); มีส่วนร่วมในการดูแลที่บ้าน (r = 0.44; p <0.001); และแสดงให้เห็นถึงทักษะทางสังคม (r = 0.36; p <0.001) ระดับความสะดวกสบายของผู้ปกครองเกี่ยวกับการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันฟันเด็กของพวกเขาและการเด็กของพวกเขาไปหาหมอฟันที่แตกต่างกันอย่างมากและมีความสัมพันธ์กับระดับของเด็กในการทำงานของ ความถี่ของการแปรงฟันมีความสัมพันธ์กับทักษะการฟัง (r = 31; p <0.01); ความถี่ของการ flossing มีความสัมพันธ์กับความสามารถในการพูดคุย (r = 0.31; p <0.01) สรุปผลการวิจัย: การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างระดับของการทำงานของเด็กที่มี ASDs และสุขภาพช่องปากของพวกเขาและในช่องปากพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสามารถเพิ่มความสามารถของทันตแพทย์เพื่อให้การดูแลที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างระดับของการทำงาน ( ฟัง / พูด / อ่าน / ทุกวัน การดูแลในบ้าน / ทักษะ / สังคม ) สามที่จะได้รับผู้ป่วยโรคออทิซึมสเปกตรัม disorders ( asds ) และสุขภาพช่องปากของตนเอง และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในช่องปาก ( การแปรง flossing ฟันชม ) วิธีการ : การสำรวจข้อมูลจากการสัมภาษณ์พ่อแม่ของผู้ป่วย ASDผู้ป่วยระดับของการทำงาน ตั้งใจกับรุ่นสั้นของแบบสัมภาษณ์พฤติกรรม การปรับตัวของ Vineland ตาชั่ง ( 2 รุ่น ) ผลการศึกษา : ผู้ป่วยมีค่าต่ำมากถึงระดับของการทำงาน สุขภาพช่องปากมีความสัมพันธ์กับความสามารถในการฟัง ( r = . 53 ; p < . 001 ) ; พูด ( r = . 40 , p < . 001 ) ; อ่าน ( r = . 30 , p < . 01 ) มีส่วนร่วมในการดูแลตนเองทุกวัน ( r = . 37 , p < . 001 )มีส่วนร่วมในการดูแลที่บ้าน ( r = . 44 ; p < . 001 ) และแสดงให้เห็นถึงทักษะทางสังคม ( r = . 37 , p < . 001 ) ผู้ปกครองระดับความสะดวกเกี่ยวกับการแปรง และ flossing ฟันของบุตร และการพาลูกไปหาหมอฟันที่แตกต่างกันมาก และมีความสัมพันธ์กับเด็กระดับของการทำงาน ความถี่ในการแปรงฟัน มีความสัมพันธ์กับทักษะการฟัง ( r = 31 , p < . 01 )ความถี่ของการใช้ไหมขัดฟันมีความสัมพันธ์กับความสามารถในการพูด ( r = . 31 , p < . 01 ) สรุป : การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างระดับการทำงานของเด็กที่มี asds และสุขภาพช่องปากของพวกเขาและพฤติกรรมสุขภาพช่องปาก ทันตแพทย์สามารถเพิ่มความสามารถในการให้การดูแลที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้สำหรับผู้ป่วยเหล่านี้