To this argument, Buchanan and Wagn

To this argument, Buchanan and Wagner’s (1977, 1978) public choice
riposte runs as follows. Keynes was an economist who saw his role as being
one of acquiring knowledge and offering advice to a small group of enlightened
politicians who could be trusted to do the ‘right thing’. Keynes did not stop
to consider the application of his policy prescriptions to a democratic
society in which parties fight to gain and retain elected office. At times of
impending recession, vote-maximizing politicians will increase expenditure
and cut taxation because it will be in their self-interest to do so. Politicians
know that voters prefer high public expenditure to low public expenditure
and low taxation to high taxation and that raising the former and reducing
the latter will therefore increase their chances of being re-elected. But they
have no corresponding incentive to cut expenditure and increase tax during
periods of economic boom. To put the matter crudely, politicians are no
more likely to raise taxes in the run-up to an election than turkeys are to
vote for Christmas. This asymmetry in incentives means that, over time,
public expenditure, taxes and borrowing deficits will all rise. This will,
eventually, result in either slower economic growth or recession and higher

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การอาร์กิวเมนต์ buchanan ทำยอดและของวากเนอร์ (1977, 1978 แชมป์ร่วม) ทางเลือกสาธารณะriposte ทำงานดังนี้ Keynes นักเศรษฐศาสตร์ที่เห็นบทบาทของเขาเป็นที่ถูกรับรู้ และให้คำแนะนำกลุ่มหนึ่งที่รู้แจ้งนักการเมืองที่อาจจะเชื่อถือเพื่อทำสิ่ง'ถูกต้อง' ก็ไม่ได้หยุด Keynesพิจารณาการใช้ยาของนโยบายเพื่อประชาธิปไตยสังคมที่บุคคลต่อสู้จะได้รับ และเก็บรับการเลือกตั้งสำนักงาน ในช่วงเวลาของภาวะถดถอยสิทธิ นักการเมืองที่มีการออกเสียงสูงสุดจะเพิ่มรายจ่ายและลดภาษีเนื่องจากจะมีการ self-interest ดัง นักการเมืองทราบว่า ผู้ลงคะแนนต้องสูงรายจ่ายสาธารณะการรายจ่ายสาธารณะที่ต่ำและภาษีอากรต่ำภาษีสูงที่เลี้ยงดูในอดีต และลดหลังจะดังนั้นเพิ่มโอกาสการแ แต่พวกเขามีแรงจูงใจไม่สอดคล้องกันเพื่อตัดรายจ่าย และเพิ่มภาษีในระหว่างรอบระยะเวลาการเจริญโตทางเศรษฐกิจ วางเรื่องลวก ๆ นักการเมืองไม่มีโน้มที่จะเพิ่มภาษีใน run-up เพื่อการเลือกตั้งมากกว่าไก่งวงที่มีการออกเสียงสำหรับคริสต์มาส นี้ไม่สมดุลในการสร้างแรงจูงใจหมายถึง ที่ ช่วงเวลารายจ่ายสาธารณะ ภาษี และการกู้ยืมเงินขาดดุลจะขึ้น จะในที่สุด ส่งผลให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตช้าหรือถดถอยขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพื่ออาร์กิวเมนต์นี้บูคานันและวากเนอร์ (1977, 1978) ทางเลือกของประชาชน
เด็ดทำงานดังต่อไปนี้ คีเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่เห็นบทบาทของเขาในฐานะที่เป็น
หนึ่งในการแสวงหาความรู้และเสนอคำแนะนำให้กับกลุ่มเล็ก ๆ ของพุทธะ
นักการเมืองที่จะได้รับการไว้วางใจให้ทำ 'สิ่งที่ถูกต้อง' คีไม่ได้หยุด
ที่จะพิจารณาใบสมัครของใบสั่งยานโยบายของเขาเพื่อประชาธิปไตย
ในสังคมซึ่งบุคคลที่ต่อสู้เพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งและรักษาสำนักงาน ในช่วงเวลาของ
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังจะมาถึงนักการเมืองการโหวตสูงสุดจะเพิ่มค่าใช้จ่าย
และตัดการจัดเก็บภาษีเพราะมันจะอยู่ในความสนใจตัวเองของพวกเขาจะทำเช่นนั้น นักการเมือง
รู้ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องการค่าใช้จ่ายของประชาชนสูงเพื่อการใช้จ่ายของประชาชนในระดับต่ำ
และการจัดเก็บภาษีต่ำเพื่อการจัดเก็บภาษีสูงและว่าการเพิ่มอดีตและลด
หลังจึงจะเพิ่มโอกาสในการได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง แต่พวกเขา
ไม่ได้มีแรงจูงใจที่สอดคล้องกับการตัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มภาษีในช่วง
ระยะเวลาของการเจริญทางเศรษฐกิจ ที่จะนำเรื่องหยาบนักการเมืองไม่มี
แนวโน้มที่จะเพิ่มภาษีในการทำงานขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งกว่าไก่งวงจะ
ลงคะแนนเสียงสำหรับคริสมาสต์ ความไม่สมดุลในการสร้างแรงจูงใจซึ่งหมายความว่าเมื่อเวลาผ่านไป
ค่าใช้จ่ายของประชาชนภาษีและการขาดดุลเงินกู้ยืมทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น นี้จะ
ในที่สุดส่งผลให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้าลงหรือทั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยและสูงกว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กับอาร์กิวเมนต์นี้ Buchanan และ Wagner ( 1977 , 1978 ) ทางเลือกสาธารณะการโต้ตอบวิ่งดังนี้ เคนส์เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่เห็นบทบาทของเขาเป็นหนึ่งของการรับความรู้และคำแนะนำให้กับกลุ่มเล็ก ๆของพุทธะนักการเมืองที่ไว้ใจได้ทำ " สิ่ง " คีนไม่ได้หยุดเพื่อพิจารณาการเกี่ยวนโยบายของเขาเพื่อประชาธิปไตยในสังคมที่บุคคลต่อสู้ที่จะได้รับและรักษาการเลือกตั้งสำนักงาน ในช่วงเวลาของภาวะถดถอยการโหวตสูงสุดของนักการเมืองจะเพิ่มรายจ่ายและลดภาษี เพราะมันจะอยู่ในผลประโยชน์ของพวกเขาจะทำเช่นนั้น นักการเมืองทราบว่า ผู้ชอบการใช้จ่ายของประชาชนสูงถึงรายจ่ายสาธารณะต่ำต่ำและภาษีอากรภาษีอากรสูงและที่เลี้ยงเดิมและลดหลังจึงจะเพิ่มโอกาสของการเป็นผู้ชนะ แต่พวกเขาไม่มีที่แรงจูงใจที่จะตัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มภาษีระหว่างช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟู ใส่เรื่องคร่าวๆ นักการเมืองจะไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มภาษีในการแข่งขันการเลือกตั้งมากกว่าไก่งวงคือโหวตสำหรับคริสต์มาส ความไม่สมดุลนี้ในบริเวณหมายความว่า ช่วงเวลางบประมาณแผ่นดิน ภาษีและการกู้ยืมเงินการขาดดุลจะเพิ่มขึ้น นี้จะในที่สุด ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวหรือถดถอยและสูงกว่า