Also, contractual governance and re

Also, contractual governance and relational governance have been underlined as critical
skills to manage inter-organizational relationships (Goo et al. 2009; Poppo and Zenger 2002). Contractual governance refers to governance of an outsourcing arrangement using a formal written contract which specifies obligations or promises to perform particular actions to achieve expected objectives in the future (Macneil 1978; Poppo and Zenger 2002). Relational governance refers to governance of an outsourcing arrangement through social processes that promote trust, information exchange, knowledge sharing, and harmonious conflict resolution (e.g., Goo et al. 2009; Poppo and Zenger 2002). The extant literature has illustrated that contractual governance and relational
governance are critical to outsourcing performance (e.g., Lacity et al. 2010; Lacity et al. 2011a). Since both capabilities and governance mechanisms are important for outsourcing performance, it is essential to understand how to effectively manage specific capabilities with governance mechanisms in order to produce better service quality and generate greater client's economic benefits.

Third, as suggested by Barney et al. (2011), firm's resources and capabilities are always linked with other external sources in maintaining performance of inter-firm arrangements. Also, prior literature has suggested that firm's capabilities and governance mechanisms jointly influence buyer-supplier relationship (Parmigiani and Mitchell 2010). Therefore, we propose that the interaction effects of provider's capabilities and governance mechanisms, and of client's capabilities and governance mechanisms affect provider's service quality and client's economic benefits
respectively (Argyres and Zenger 2012).


Among this stream of empirical studies, only a small number of papers have examined the
impact of conflict resolution on outsourcing performance (e.g., Wüllenweber et al. 2008). Conflict is embedded in outsourcing arrangements due to partner opportunism, conflicting goals, technology complexity, and cultural differences (Doz 1996, Goo et al. 2009). Given the fact that conflict is inevitable in outsourcing arrangements, conflict resolution is important in that its impact on the outsourcing relationship can be either productive or destructive (Deutsch 1973). Conflict resolution,
which is defined as the extent to which partners achieve mutual satisfaction and reach agreements and consensus (Goo et al. 2009; Robey et al. 1989), is believed to positively affect outsourcing performance (Wüllenweber et al. 2008). Therefore, there is a growing need to understand the role of conflict resolution in outsourcing arrangements. In this study, we treat relational governance as a composite construct to understand its impact on outsourcing performance.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Also, contractual governance and relational governance have been underlined as criticalskills to manage inter-organizational relationships (Goo et al. 2009; Poppo and Zenger 2002). Contractual governance refers to governance of an outsourcing arrangement using a formal written contract which specifies obligations or promises to perform particular actions to achieve expected objectives in the future (Macneil 1978; Poppo and Zenger 2002). Relational governance refers to governance of an outsourcing arrangement through social processes that promote trust, information exchange, knowledge sharing, and harmonious conflict resolution (e.g., Goo et al. 2009; Poppo and Zenger 2002). The extant literature has illustrated that contractual governance and relationalgovernance are critical to outsourcing performance (e.g., Lacity et al. 2010; Lacity et al. 2011a). Since both capabilities and governance mechanisms are important for outsourcing performance, it is essential to understand how to effectively manage specific capabilities with governance mechanisms in order to produce better service quality and generate greater client's economic benefits.ที่สาม เป็นแนะนำโดยบาร์นีย์ et al. (2011), ทรัพยากรของบริษัทและความสามารถจะเชื่อมโยงกับแหล่งภายนอกอื่น ๆ ในการรักษาประสิทธิภาพของการจัดการของบริษัทระหว่าง ยัง วรรณกรรมก่อนหน้าได้แนะนำความสามารถและกลไกการกำกับดูแลกิจการของบริษัทที่ร่วมมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ของผู้ซื้อผู้จำหน่าย (Parmigiani และ Mitchell 2010) ดังนั้น เราเสนอว่า ผลโต้ตอบความสามารถและกลไกการกำกับดูแลกิจการของผู้ให้บริการ และความสามารถและกลไกการกำกับดูแลกิจการของลูกค้ามีผลต่อคุณภาพบริการของผู้ให้บริการและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของลูกค้าตามลำดับ (Argyres และ Zenger 2012)ระหว่างนี้กระแสของการศึกษาประจักษ์ เพียงจำนวนน้อยของกระดาษได้ตรวจสอบการผลกระทบของการแก้ปัญหาความขัดแย้งในประสิทธิภาพการทำงานของผู้รับเหมาช่วง (เช่น Wüllenweber et al. 2008) ฝังอยู่ในจัดจ้างเนื่องจากบริษัท opportunism ความขัดแย้งเป้าหมายขัดแย้ง ความซับซ้อนของเทคโนโลยี และความแตกต่างทางวัฒนธรรม (Doz 1996, Goo et al. 2009) ให้ความจริงความขัดแย้งหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการจัดการผู้รับเหมาช่วง แก้ไขความขัดแย้งมีความสำคัญที่ผลกระทบสัมพันธ์จ้างได้อย่างมีประสิทธิผล หรือทำลาย (Deutsch 1973) แก้ไขความขัดแย้งซึ่งถูกกำหนดเป็นขอบเขตที่ให้บรรลุความพึงพอใจซึ่งกันและกัน และข้อตกลงและมติ (Goo et al. 2009 คู่ Robey et al. 1989), เชื่อว่ามีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของผู้รับเหมาช่วง (Wüllenweber et al. 2008) บวก ดังนั้น มีการเจริญเติบโตต้องเข้าใจบทบาทของการแก้ปัญหาความขัดแย้งในการจัดจ้าง ในการศึกษานี้ เรารักษาเชิงบริหารเป็นโครงสร้างโดยรวมจะเข้าใจผลกระทบกับประสิทธิภาพการทำงานของผู้รับเหมาช่วง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นอกจากนี้ยังมีการกำกับดูแลสัญญาและการกำกับดูแลความสัมพันธ์ได้รับการขีดเส้นใต้เป็นสำคัญทักษะในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร (Goo et al, 2009;. Poppo และ Zenger 2002)
การกำกับดูแลสัญญาหมายถึงการกำกับดูแลของการจัดจ้างโดยใช้สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการซึ่งระบุข้อผูกพันหรือสัญญาว่าจะดำเนินการโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่คาดหวังในอนาคต (Macneil 1978; Poppo และ Zenger 2002) การกำกับดูแลกิจการสัมพันธ์หมายถึงการกำกับดูแลของการจัดจ้างผ่านกระบวนการทางสังคมที่ส่งเสริมความไว้วางใจการแลกเปลี่ยนข้อมูลการแบ่งปันความรู้และแก้ปัญหาความขัดแย้งที่กลมกลืนกัน (เช่น Goo et al, 2009;. Poppo และ Zenger 2002) วรรณกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ได้แสดงให้เห็นว่าการกำกับดูแลสัญญาและความสัมพันธ์การกำกับดูแลที่มีความสำคัญต่อผลการดำเนินงานเอาท์ซอร์ส (เช่น Lacity et al, 2010;.. Lacity et al, 2011a)
เนื่องจากทั้งสองความสามารถและกลไกการกำกับดูแลที่มีความสำคัญในการดำเนินงานเอาท์ซอร์สมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าใจวิธีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพความสามารถเฉพาะที่มีกลไกการกำกับดูแลเพื่อที่จะผลิตที่มีคุณภาพบริการที่ดีและสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของลูกค้ามากขึ้น. ประการที่สามการแนะนำโดยบาร์นีย์และอัล (2011) ทรัพยากรของ บริษัท และความสามารถในการเชื่อมโยงเสมอกับแหล่งข้อมูลภายนอกอื่น ๆ ในการรักษาผลการดำเนินงานของการเตรียมการระหว่าง บริษัท นอกจากนี้วรรณกรรมก่อนได้แนะนำว่าความสามารถของ บริษัท และกลไกการกำกับดูแลร่วมกันมีผลต่อความสัมพันธ์ของผู้ซื้อผู้จัดจำหน่าย (Parmigiani และเซรั่ม 2010) ดังนั้นเราจึงเสนอว่าผลการทำงานร่วมกันของความสามารถของผู้ให้บริการและกลไกการกำกับดูแลและความสามารถของลูกค้าและกลไกการกำกับดูแลกิจการที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการของผู้ให้บริการและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของลูกค้าตามลำดับ (Argyres และ Zenger 2012). ท่ามกลางกระแสของการศึกษาเชิงประจักษ์นี้จะมีเพียงจำนวนน้อย มีการตรวจสอบเอกสารผลกระทบของการแก้ปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับผลการดำเนินงานเอาท์ซอร์ส(เช่นWüllenweber et al. 2008) ความขัดแย้งจะถูกฝังอยู่ในการจัดจ้างเนื่องจากการฉวยโอกาสพันธมิตรเป้าหมายที่ขัดแย้งซับซ้อนเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่แตกต่าง (Doz ปี 1996 Goo et al. 2009) ให้ความจริงว่ามีความขัดแย้งจะหลีกเลี่ยงในการจัดจ้าง, การแก้ไขความขัดแย้งเป็นสิ่งที่สำคัญในการที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์การจ้างสามารถเป็นได้ทั้งการผลิตหรือการทำลายล้าง (Deutsch 1973) แก้ปัญหาความขัดแย้งที่มีการกำหนดเป็นขอบเขตที่คู่ค้าบรรลุความพึงพอใจร่วมกันและการเข้าถึงข้อตกลงและฉันทามติ (Goo et al, 2009;.. Robey et al, 1989) เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในเชิงบวกเอาท์ซอร์ส (Wüllenweber et al, 2008). ดังนั้นจึงมีความจำเป็นมากขึ้นที่จะเข้าใจบทบาทของการแก้ปัญหาความขัดแย้งในการจัดจ้าง ในการศึกษานี้ที่เราปฏิบัติต่อการกำกับดูแลความสัมพันธ์เป็นโครงสร้างคอมโพสิตที่จะเข้าใจผลกระทบต่อผลการดำเนินงานเอาท์ซอร์ส

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นอกจากนี้ การบริหารสัญญา และการปกครองแบบมีขีดเส้นใต้ เป็นทักษะที่สำคัญในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร
( กู et al . 2009 ; และป๊อบโปะ Zenger 2002 )ธรรมาภิบาล หมายถึง การบริหารสัญญาของการ outsourcing การใช้สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการซึ่งกำหนดข้อผูกพันหรือสัญญาเพื่อดำเนินการโดยเฉพาะการกระทำเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่คาดหวังในอนาคต ( แม็คนีล 1978 ; ป๊อบโป และซินเจอร์ 2002 ) ธรรมาภิบาล หมายถึง การบริหารความสัมพันธ์ของการจัดเรียงผ่านกระบวนการที่ส่งเสริมสังคมเชื่อถือข้อมูล แลกเปลี่ยน แบ่งปันความรู้ และการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่กลมกลืนกัน ( เช่นกู et al . 2009 ; และป๊อบโปะ Zenger 2002 ) วรรณกรรมที่ยังได้พบว่า ธรรมาภิบาล และการบริหารสัญญา เชิงวิจารณ์การ outsourcing
ประสิทธิภาพ ( เช่น lacity et al . 2010 ; lacity et al . 2011a ) เพราะทั้งความสามารถและกลไกธรรมาภิบาลมีความสำคัญสำหรับการแสดงมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าใจวิธีการได้อย่างมีประสิทธิภาพในการจัดการความสามารถเฉพาะกับการบริหารกลไก เพื่อสร้างคุณภาพบริการที่ดีและสร้างลูกค้ามากขึ้นของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ .

3 ตามที่แนะนำโดยบาร์นีย์ et al . ( 2011 ) , ทรัพยากรของบริษัทและความสามารถมักจะเชื่อมโยงกับแหล่งข้อมูลภายนอกอื่น ๆในการรักษาประสิทธิภาพของอินเตอร์ การเตรียมการของบริษัท นอกจากนี้วรรณกรรมก่อนได้ชี้ให้เห็นว่า ความสามารถของ บริษัท และกลไกการปกครองร่วมกันมีอิทธิพลต่อผู้ซื้อความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิต ( พาร์มิเจียนีและมิเชล 2010 ) ดังนั้นเราจึงเสนอว่า ผลของความสามารถของผู้ให้บริการ และกลไกการบริหารจัดการ และความสามารถของลูกค้า และกลไกการปกครองมีผลต่อคุณภาพการให้บริการของผู้ให้บริการ และลูกค้าของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
ตามลำดับและ argyres Zenger 2012 )


ระหว่างกระแสของการศึกษาเชิงประจักษ์ , เพียงจำนวนเล็ก ๆของกระดาษมีการตรวจสอบผลกระทบของความขัดแย้งในการ outsourcing
ประสิทธิภาพ ( เช่น W ü llenweber et al . 2008 ) ความขัดแย้งจะถูกฝังอยู่ในการจัดเรียงคู่ขัดแย้งกันเนื่องจากการฉวยโอกาส , เป้าหมาย , ความซับซ้อนของเทคโนโลยี และความแตกต่างทางวัฒนธรรม ( โหล 1996 กู et al . 2009 )ให้ข้อเท็จจริงว่า ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการจัด การแก้ไขความขัดแย้งสำคัญที่ผลกระทบต่อความสัมพันธ์การ outsourcing สามารถผลิตหรือทำลาย ( Deutsch 1973 ) การแก้ปัญหาความขัดแย้ง ,
ซึ่งหมายถึงขอบเขตที่คู่ค้าให้เกิดความพอใจซึ่งกันและกัน และบรรลุข้อตกลงและฉันทามติ ( กู et al . 2009 ; โรบีย์ et al . 1989 )เชื่อว่ามีผลกระทบทางบวกต่อการการปฏิบัติงาน ( W ü llenweber et al . 2008 ) จึงมีการปลูกต้องเข้าใจบทบาทของความขัดแย้งในการจัดการ ในการศึกษานี้เราถือว่าเป็นคอมโพสิตสร้างธรรมาภิบาลเชิงเข้าใจผลกระทบต่อการการแสดง