in healthcare is potentially more i

in healthcare is potentially more important than in any other industry. In most industries, an organization develops and implements risk management strategies in order to prevent and mitigate financial losses. The same can be said for healthcare, but this is to go along with patient safety. Risk management in this industry can mean the difference between life and death, which makes the stakes significantly higher.

Malpractice Crisis And Impact
The Malpractice Crisis was not a positive event for healthcare. At least it didn’t seem that way at the time. Hospitals were being hit with higher settlements and more plaintiff verdicts. This led to higher insurance rates and decreased availability of some specialties. These are all negatives, of course, but out of this difficult time came the advent of proactive risk management. (For more, see: Why is Health Care so Expensive in the U.S.?)

Prior to the Malpractice Crisis, risk management was reactive. Problems wouldn’t be solved until they became realities. Today, it’s a much different environment and thanks to proactive risk management, healthcare organizations aren’t just saving capital but lives.

The key to success has been a centralized reporting system. In previous years, data wouldn’t be shared across all departments. Today, all data is shared and available, which reduces patient risks, cuts costs, and improves process efficiency. It also allows for the identification of opportunities for improvement in clinical, operations and business areas. Furthermore, by taking a more collaborative approach to risk management, healthcare organizations can now use a policy system that allows it to conduct business to meet compliance standards. (For more, see: Identifying and Managing Business Risks.)

Risk Managers
Just like in any type of organization, process is imperative for sustainable success. While having a proactive risk management system in place is a positive in order to prevent and mitigate risks, it will only be effective if all employees are well trained and know how to implement these strategies for prevention, react to the unavoidable, and who to report to with risk management concerns. That person should be the risk manager.

A risk manager is often someone who has experience in handling risk-related issues in multiple settings. This individual should be able to identify and evaluate risks, which should then reduce the potential for injury to patients, staff members and visitors. A risk manager should also analyze current risk management strategies. If certain strategies are used for specific medical conditions and it is found that these strategies tend to lead to dangerous side effects, then those strategies need to be altered. That said, all well-trained employees should recognize anything that would present increased risk. (For more, see: The Evolution of Enterprise Risk Management.)

For example, a registered nurse should notice if a bed rail should be modified. But detected risks and making adjustments to reduce those risks goes much further. They include not filling expired prescriptions (prevents abuse), following up on missing test results (to increase consultations), tracking missed appointments (to manage risks), increased communication with patients (reduce improper taking of medication), and preventing falls and immobility.

Risk Management Ladder
This is otherwise known as prioritization. First, a healthcare organization must establish what could happen, how likely something is to happen, and what the severity would be. From there, it must be determined how that healthcare organization can mitigate those risks, limit their impact and what the potential exposure of those risks would be if they were not contained. As you might have noticed, when it comes to healthcare risk management, the first priority is always safety, not finances, but finances also matter. (For more, see: Determining Risk and the Risk Pyramid.)

Financial Risk Management
The goal here is to avoid losses and expenses that could impact the bottom line, which is the same in any financially-prioritized organization. The first step for healthcare organizations is to research industry trends so it can analyze its current risk management strategies to see if it’s ahead of behind the curve. If it’s behind the curve and adjustments need to be made, it could save a significant amount of capital. And while the focus here is on the financial aspect, saved capital can lead to improved care and patient safety.

Common financial-related risk management goals for healthcare organizations include decreasing malpractice claims, reducing the number of falls, using skin protocols to prevent skin ulcers, and improving communication with insurance companies in order to earn points and reduce overall costs. (For more, see: How Big Data Has Changed Healthcare.)

Step-By-Step Process
All of this information at once can be confusing. Therefore, let’s take a simplified appro

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในการดูแลสุขภาพนั้นอาจสำคัญกว่าในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในแทบทุกอุตสาหกรรม องค์กรพัฒนา และดำเนินกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงเพื่อป้องกัน และลดการสูญเสียทางการเงิน เดียวกันสามารถกล่าวว่า สำหรับการดูแลสุขภาพ แต่นี้เป็นไป ด้วยความปลอดภัยผู้ป่วย การบริหารความเสี่ยงในอุตสาหกรรมนี้อาจหมายถึง ความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย ซึ่งทำให้มีเงินเดิมพันสูงวิกฤตการทุจริตต่อหน้าที่และผลกระทบวิกฤตขนาดไหนก็ตามไม่มีเหตุการณ์ในเชิงบวกสำหรับการดูแลสุขภาพ อย่างน้อย ก็ไม่ได้ดูเหมือนวิธีในเวลา โรงพยาบาลถูกถูกตี ด้วยการชำระเงินสูงและพิพากษาโจทก์เพิ่มเติม นี้นำไปสู่ราคาประกันสูงขึ้น และลดลงของอาหารบาง เหล่านี้เป็นเชิงลบทั้งหมด แน่นอน แต่จากช่วงเวลานี้ยากมาจุติบริหารความเสี่ยงเชิงรุก (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดู: ทำไมจึงดูแลสุขภาพแพงในสหรัฐอเมริกา?)ก่อนที่จะวิกฤตขนาดไหนก็ตาม การบริหารความเสี่ยงเป็นปฏิกิริยา ปัญหาจะไม่สามารถแก้ไขได้จนกว่าพวกเขาเป็นจริง วันนี้ มันเป็นสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันมาก และจากการบริหารความเสี่ยงเชิงรุก องค์กรด้านการดูแลสุขภาพไม่เพียงแค่การประหยัดทุนแต่ชีวิตกุญแจสู่ความสำเร็จได้รับระบบรายงานส่วนกลาง ในปีก่อนหน้า ข้อมูลจะไม่สามารถใช้ร่วมกับทุกแผนก วันนี้ ข้อมูลทั้งหมดที่ใช้ร่วมกัน และมี ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของผู้ป่วย ลดต้นทุน และปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการ นอกจากนี้มันยังช่วยให้สำหรับการระบุโอกาสสำหรับการปรับปรุงในธุรกิจและการดำเนินงานคลินิก พื้นที่ นอกจากนี้ โดยใช้วิธีการประสานเพิ่มเติมเพื่อจัดการความเสี่ยง สุขภาพองค์กรสามารถใช้ระบบนโยบายที่ช่วยให้การดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองการปฏิบัติตามมาตรฐาน (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดู: ระบุ และการจัดการความเสี่ยงของธุรกิจ)จัดการความเสี่ยงเช่นเดียวกับในทุกประเภทขององค์กร กระบวนการประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ในขณะที่มีระบบการจัดการความเสี่ยงเชิงรุกใน บวกเพื่อป้องกัน และลดความเสี่ยง ก็จะมีประสิทธิภาพถ้าพนักงานทุกคนเข้ารับการอบรม และรู้วิธีการใช้กลยุทธ์เหล่านี้เพื่อการป้องกัน การตอบสนองต่อการหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไปรายงานกับใครความเสี่ยงจัดการความกังวล คนที่ควรจะจัดการความเสี่ยงผู้จัดการความเสี่ยงมักจะเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการจัดการปัญหาเกี่ยวกับความเสี่ยงในการตั้งค่าหลาย บุคคลนี้ควรจะสามารถระบุ และประเมินความเสี่ยง ซึ่งควรลดโอกาสของการบาดเจ็บผู้ป่วย พนักงาน และผู้เข้าชมแล้ว ผู้จัดการความเสี่ยงควรยังวิเคราะห์ปัจจุบันกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง ถ้าใช้กลยุทธ์บางอย่างสำหรับเงื่อนไขทางการแพทย์ที่เฉพาะ และพบว่า กลยุทธ์เหล่านี้มีแนวโน้มจะ นำไปสู่ผลข้างเคียงอันตราย กลยุทธ์เหล่านี้จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง ที่กล่าวว่า การฝึกอบรมพนักงานควรตระหนักสิ่งที่ปัจจุบันจะเพิ่มความเสี่ยง (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดู: การวิวัฒนาการของการบริหารความเสี่ยง)ตัวอย่างเช่น พยาบาลวิชาชีพควรสังเกตถ้า ราวเตียงควรแก้ไข แต่ความเสี่ยงที่ตรวจพบและทำการปรับปรุงเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านั้นที่ไปไกลมาก มีไม่เต็มหมดอายุยา (ป้องกันละเมิด), ต่อไปนี้หายไปผลการทดสอบ (เพื่อเพิ่มให้คำปรึกษา), การติดตามการนัดหมายไม่ได้รับ (การจัดการความเสี่ยง), เพิ่มการสื่อสารกับผู้ป่วย (ลดการไม่เหมาะสมของยา), และป้องกันไม่ให้ตกและไม่สามารถเคลื่อนบันไดการบริหารความเสี่ยงนี้เป็นอย่างอื่นเป็นสำคัญ ครั้งแรก การดูแลสุขภาพต้องสร้างสิ่งที่อาจเกิดขึ้น มีแนวโน้มว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้น และความรุนแรงจะ จากที่นั่น มันต้องกำหนดวิธีที่การดูแลสุขภาพสามารถลดความเสี่ยงเหล่านั้น จำกัดผลกระทบและสิ่งสัมผัสอาจเกิดความเสี่ยงเหล่านั้นที่จะเป็นถ้าพวกเขามีอยู่ไม่ ในขณะที่คุณอาจสังเกตเห็น เสมอเมื่อมันมาถึงการบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพ อันดับแรกคือ ความปลอดภัย ได้เงิน แต่ยังเรื่องเงิน (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดู: การกำหนดความเสี่ยงและพีระมิดเสี่ยง)การบริหารความเสี่ยงทางการเงินเป้าหมายของที่นี่คือการ หลีกเลี่ยงการสูญเสียและค่าใช้จ่ายที่ส่งผลกระทบต่อบรรทัดล่าง ซึ่งจะเหมือนกันในทุกองค์กรจัดลำดับความสำคัญทางการเงิน ขั้นตอนแรกสำหรับองค์กรด้านการดูแลสุขภาพเป็นการ วิจัยแนวโน้มของอุตสาหกรรมเพื่อให้มันสามารถวิเคราะห์กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงของปัจจุบันเพื่อดูว่า มันไปข้างหน้าของหลังโค้ง ถ้ามันอยู่หลังโค้ง และต้องทำการปรับปรุง มันสามารถบันทึกจำนวนเงินทุนสำคัญ และในขณะที่เน้นในด้านการเงิน บันทึกทุนสามารถนำไปสู่การดูแลปรับปรุงและความปลอดภัยผู้ป่วยเป้าหมายการบริหารความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องสำหรับองค์กรด้านการดูแลสุขภาพรวมถึงลดการร้องเรียนการทุจริตต่อหน้าที่ ลดจำนวนของน้ำตก ใช้โปรโตคอผิวเพื่อป้องกันผิวแผล และการปรับปรุงการสื่อสารกับบริษัทประกันเพื่อที่จะได้รับแต้ม และลดต้นทุนโดยรวม (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดู: วิธีใหญ่ข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงดูแลสุขภาพด้วย)ขั้นตอนการข้อมูลนี้พร้อมกันทั้งหมดอาจสับสน ดังนั้น ลอง appro เรียบง่าย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในการดูแลสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้นกว่าในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาและดำเนินกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงเพื่อป้องกันและลดความสูญเสียทางการเงิน เดียวกันสามารถกล่าวว่าสำหรับการดูแลสุขภาพ แต่นี้ไปพร้อมกับความปลอดภัยของคนไข้ การบริหารความเสี่ยงในอุตสาหกรรมนี้อาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตายซึ่งจะทำให้เงินเดิมพันที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ.

ทุจริตต่อหน้าที่ภาวะวิกฤตและผลกระทบ
ทุจริตต่อหน้าที่วิกฤตไม่ได้เป็นเหตุการณ์ในเชิงบวกสำหรับการดูแลสุขภาพ อย่างน้อยก็ไม่ได้ดูเหมือนวิธีการที่ในช่วงเวลานั้น โรงพยาบาลถูกตีด้วยการชำระหนี้ที่สูงขึ้นและอื่น ๆ ตัดสินโจทก์ นี้นำไปสู่อัตราการประกันที่สูงขึ้นและลดลงพร้อมของพิเศษบางอย่าง เหล่านี้เป็นเชิงลบทั้งหมดของหลักสูตร แต่ออกจากเวลาที่ยากลำบากนี้มาปรากฎตัวของการบริหารความเสี่ยงเชิงรุก (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่: ทำไมการดูแลสุขภาพเพื่อให้มีราคาแพงในสหรัฐ)

ก่อนที่จะมีวิกฤติการทุจริตต่อหน้าที่การบริหารความเสี่ยงเป็นปฏิกิริยา ปัญหาที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถแก้ไขได้จนกว่าพวกเขาจะกลายเป็นจริง วันนี้มันเป็นสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันมากและขอขอบคุณการบริหารความเสี่ยงเชิงรุกองค์กรด้านการดูแลสุขภาพไม่เพียง แต่ประหยัดเงินทุน แต่มีชีวิตอยู่.

กุญแจสู่ความสำเร็จได้รับการระบบการรายงานส่วนกลาง ในปีก่อนหน้าข้อมูลจะไม่ถูกใช้ร่วมกันในทุกหน่วยงาน วันนี้ข้อมูลทั้งหมดจะถูกแชร์และสามารถใช้ได้ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผู้ป่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการ นอกจากนี้ยังช่วยในการระบุโอกาสในการปรับปรุงในทางคลินิกการดำเนินงานและพื้นที่ธุรกิจ นอกจากนี้โดยการใช้วิธีการทำงานร่วมกันมากขึ้นในการบริหารความเสี่ยงองค์กรแพทย์สามารถใช้ระบบนโยบายที่ช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติตาม (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่:. การระบุและการจัดการความเสี่ยงธุรกิจ)

ผู้จัดการความเสี่ยง
เช่นเดียวกับในประเภทขององค์กรใด ๆ กระบวนการมีความจำเป็นสำหรับความสำเร็จที่ยั่งยืน ในขณะที่มีระบบบริหารความเสี่ยงเชิงรุกในสถานที่ที่เป็นเชิงบวกในการสั่งซื้อเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงก็จะมีประสิทธิภาพถ้าพนักงานทุกคนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและรู้วิธีที่จะใช้กลยุทธ์เหล่านี้สำหรับการป้องกันการตอบสนองต่อการหลีกเลี่ยงไม่ได้และผู้ที่จะรายงาน จะมีความกังวลการบริหารความเสี่ยง คนที่ควรจะเป็นผู้จัดการความเสี่ยง.

ผู้จัดการความเสี่ยงมักจะเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการจัดการปัญหาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องในการตั้งค่าหลาย บุคคลนี้ควรจะสามารถระบุและประเมินความเสี่ยงซึ่งก็ควรจะลดโอกาสในการได้รับบาดเจ็บให้กับผู้ป่วยพนักงานและผู้เข้าชม ผู้จัดการความเสี่ยงนอกจากนี้ยังควรวิเคราะห์กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงในปัจจุบัน หากกลยุทธ์บางอย่างที่ใช้สำหรับเงื่อนไขทางการแพทย์ที่เฉพาะเจาะจงและพบว่ากลยุทธ์เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแล้วกลยุทธ์เหล่านั้นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ที่กล่าวว่าพนักงานทุกคนผ่านการฝึกอบรมควรรู้จักอะไรที่จะนำเสนอความเสี่ยงเพิ่มขึ้น (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่: วิวัฒนาการของการบริหารความเสี่ยงองค์กร.)

ตัวอย่างเช่นพยาบาลที่ลงทะเบียนควรแจ้งให้ทราบถ้ารถไฟเตียงควรจะแก้ไข แต่ตรวจพบความเสี่ยงและการปรับลดความเสี่ยงเหล่านั้นไปอีกมาก พวกเขารวมถึงไม่กรอกใบสั่งยาที่หมดอายุ (ป้องกันไม่ให้ละเมิดกฎ) ต่อไปนี้ขึ้นอยู่กับผลการทดสอบที่ขาดหายไป (เพื่อเพิ่มการให้คำปรึกษา) การติดตามการนัดหมายพลาด (การบริหารความเสี่ยง) สื่อสารกับผู้ป่วย (ลดการซักที่ไม่เหมาะสมของยา) และการป้องกันการหกล้มและเคลื่อนเพิ่มขึ้น

บันไดบริหารความเสี่ยง
นี้เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างอื่นเป็นลำดับความสำคัญ ครั้งแรกซึ่งเป็นองค์กรด้านการดูแลสุขภาพจะต้องสร้างสิ่งที่อาจเกิดขึ้นว่ามีแนวโน้มที่บางสิ่งบางอย่างที่จะเกิดขึ้นและสิ่งที่ความรุนแรงจะเป็น จากนั้นก็จะต้องกำหนดวิธีการที่องค์กรด้านการดูแลสุขภาพสามารถลดความเสี่ยงเหล่านั้น จำกัด ผลกระทบของพวกเขาและสิ่งที่เป็นศักยภาพของการเปิดรับความเสี่ยงเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรถ้าพวกเขาไม่ได้มี ที่คุณอาจจะสังเกตเห็นเมื่อมันมาถึงการบริหารความเสี่ยงด้านการดูแลสุขภาพที่มีความสำคัญแรกเสมอปลอดภัยไม่การเงิน แต่ยังมีเรื่องการเงิน (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่:. กำหนดความเสี่ยงและความเสี่ยงพีระมิด)

การเงินการบริหารความเสี่ยง
โดยมีเป้าหมายที่นี่คือการหลีกเลี่ยงการสูญเสียและค่าใช้จ่ายที่อาจส่งผลกระทบต่อบรรทัดด้านล่างซึ่งเป็นเหมือนกันในองค์กรใด ๆ ทางการเงินจัดลำดับความสำคัญ ขั้นตอนแรกสำหรับองค์กรด้านการดูแลสุขภาพคือการวิจัยแนวโน้มของอุตสาหกรรมเพื่อที่จะสามารถวิเคราะห์กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงในปัจจุบันเพื่อดูว่ามันไปข้างหน้าของหลังโค้ง ถ้าเป็นหลังโค้งและการปรับจะต้องทำก็สามารถบันทึกจำนวนเงินที่สำคัญของเงินทุน และในขณะที่มุ่งเน้นที่นี่คือในด้านการเงินการบันทึกเงินทุนจะนำไปสู่การดูแลที่ดีขึ้นและปลอดภัยของผู้ป่วย.

เป้าหมายการบริหารความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการทั่วไปสำหรับองค์กรด้านการดูแลสุขภาพรวมถึงการลดลงของการเรียกร้องการทุจริตต่อหน้าที่การลดจำนวนของฟอลส์ที่ใช้โปรโตคอลผิวเพื่อป้องกันไม่ให้แผลที่ผิวหนัง และการปรับปรุงการสื่อสารกับ บริษัท ประกันภัยเพื่อที่จะได้รับคะแนนและลดค่าใช้จ่ายโดยรวม (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่: วิธีข้อมูลขนาดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงการดูแลสุขภาพ.)

กระบวนการขั้นตอนตามขั้นตอน
ข้อมูลทั้งหมดนี้ได้ในครั้งเดียวอาจเกิดความสับสน ดังนั้นลองมา Appro ง่าย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในการดูแลสุขภาพอาจสำคัญกว่าในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ องค์กรที่พัฒนาและใช้กลยุทธ์บริหารความเสี่ยง เพื่อป้องกันและลดความสูญเสียทางการเงิน เดียวกันสามารถกล่าวว่าสำหรับการดูแลสุขภาพ แต่นี้ไปพร้อม ๆ กับความปลอดภัยของผู้ป่วย การบริหารความเสี่ยงในอุตสาหกรรมนี้อาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย ซึ่งทำให้เงินเดิมพันสูงขึ้นอย่างมาก .เรื่องวิกฤตและผลกระทบวิกฤตการทุจริตไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่ดีสำหรับการดูแลสุขภาพ อย่างน้อย มันไม่เหมือนกับตอนนั้น โรงพยาบาลถูกตีด้วยการชำระหนี้สูงกว่า และตัดสินโจทก์เพิ่มเติม นี้นำไปสู่อัตราการประกันที่สูงขึ้นและลดลง และบางพิเศษ ทั้งหมดนี้เป็นเชิงลบ แต่ในเวลาที่ยากลำบากแบบนี้มาแอดเวนต์ของการบริหารความเสี่ยงเชิงรุก ( สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดู : ทำไมการดูแลสุขภาพราคาแพงมากในสหรัฐอเมริกา ?ก่อนวิกฤต เรื่อง การบริหารความเสี่ยง คือปฏิกิริยา ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขจนกว่าพวกเขาจะกลายเป็นความจริง วันนี้ มันต่างกันมาก สภาพแวดล้อม และขอบคุณการบริหารความเสี่ยงเชิงรุก องค์กรแพทย์ไม่เพียงประหยัดทุน แต่อยู่ไม่ได้กุญแจสู่ความสำเร็จได้ จากการรายงานของระบบ ในปีก่อนหน้านี้ ข้อมูลจะไม่สามารถใช้ร่วมกันในแผนกทั้งหมด วันนี้ ข้อมูลที่ใช้ร่วมกัน และพร้อมใช้งาน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผู้ป่วย , ตัดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ นอกจากนี้ยังช่วยในการระบุโอกาสในการพัฒนาทางคลินิก และการดำเนินงานด้านธุรกิจ นอกจากนี้ โดยการร่วมกันมากขึ้น การจัดการความเสี่ยง องค์กรแพทย์สามารถใช้นโยบายระบบที่ช่วยให้การดำเนินการทางธุรกิจเพื่อให้ตรงกับมาตรฐานที่สอดคล้องกัน ( สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดู : การระบุและจัดการความเสี่ยง ธุรกิจผู้จัดการความเสี่ยงเหมือนในประเภทขององค์กรใด ๆ กระบวนการ เป็นความจำเป็นสำหรับความสำเร็จที่ยั่งยืน ในขณะที่มีการใช้ระบบบริหารความเสี่ยงในสถานที่เป็นบวก เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยง จึงจะมีผล ถ้าพนักงานทุกคนผ่านการอบรมอย่างดี และรู้วิธีการกลยุทธ์เหล่านี้ใช้สำหรับการป้องกัน ตอกกลับไป ย่อม และผู้ที่รายงานที่มีความกังวลเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง คนๆนั้นควรเป็นผู้จัดการความเสี่ยงผู้จัดการความเสี่ยงมักจะเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการจัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาในการตั้งค่าหลาย บุคคลนี้ควรจะสามารถที่จะระบุและประเมินความเสี่ยง ซึ่งก็ลดโอกาสของการบาดเจ็บให้กับผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ และผู้เข้าชม ผู้จัดการความเสี่ยงควรวิเคราะห์กลยุทธ์บริหารความเสี่ยงในปัจจุบัน ถ้ากลยุทธ์บางอย่างจะใช้สำหรับเงื่อนไขทางการแพทย์ที่เฉพาะเจาะจงและพบว่ากลยุทธ์เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ผลข้างเคียงที่อันตรายแล้วกลยุทธ์เหล่านั้นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ที่บอกว่า ประทับใจพนักงานทุกคนควรรู้จักสิ่งที่จะนำเสนอความเสี่ยงเพิ่มขึ้น . ( สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดู : วิวัฒนาการของการจัดการ ความเสี่ยงขององค์กร )ตัวอย่างเช่น พยาบาลควรสังเกตว่าเตียงรถไฟ ควรแก้ไข แต่ตรวจพบความเสี่ยงและการปรับเปลี่ยนเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านั้น ไปไกลกว่านั้น พวกเขารวมถึงไม่กรอกใบสั่งยาหมดอายุ ( ป้องกันการละเมิด ) , ติดตามผลการทดสอบที่ขาดหายไป ( เพิ่มปรึกษา ) , ติดตามพลาดการนัดหมาย ( บริหารความเสี่ยง ) , เพิ่มการสื่อสารกับผู้ป่วย ( ลดการใช้ยาไม่เหมาะสม ) และป้องกันอยู่ และไม่สามารถเคลื่อน .บันไดบริหารความเสี่ยงนี่หรือที่เรียกว่าการ . แรก , เป็นองค์กรดูแลสุขภาพต้องสร้างสิ่งที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรอาจเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น และเกิดความรุนแรงก็จะ จาก นั้น ก็ต้องพิจารณาว่า องค์กรดูแลสุขภาพสามารถลดความเสี่ยงที่ จำกัด ของพวกเขาและสิ่งที่ผลกระทบการศักยภาพความเสี่ยงเหล่านั้นจะเป็นถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ ในขณะที่คุณอาจสังเกตเห็น เมื่อมันมาถึงการดูแลสุขภาพ บริหารความเสี่ยง ความปลอดภัยเป็นอันดับแรกเสมอ ไม่ใช่เงิน แต่เงินก็สำคัญ ( สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดู : การกำหนดความเสี่ยงและความเสี่ยงพีระมิด )การบริหารความเสี่ยงทางการเงินเป้าหมายของที่นี่คือการลดความสูญเสียและค่าใช้จ่ายที่อาจส่งผลกระทบต่อเส้นด้านล่างซึ่งเป็นแบบเดียวกันในใด ๆทางการเงินสำหรับการพัฒนาองค์กร ขั้นตอนแรกสำหรับองค์กรแพทย์เพื่อการวิจัยแนวโน้มของอุตสาหกรรมเพื่อให้สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงปัจจุบันการจัดการกลยุทธ์เพื่อดูถ้ามันก่อนหลังโค้ง ถ้าเป็นหลังโค้งและการปรับตัวที่ต้องทำ มันสามารถบันทึกจำนวนเงินที่สำคัญของทุน และในขณะที่มุ่งเน้นที่นี่คือด้านการเงิน ช่วยทุนสามารถนำไปสู่การปรับปรุงการดูแลและความปลอดภัยของผู้ป่วยทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการเงินความเสี่ยงเป้าหมายการจัดการสำหรับองค์กรแพทย์ รวมถึงลดการเรียกร้องการทุจริตต่อหน้าที่ลดจำนวนลง โดยใช้โปรโตคอลที่ผิวหนังเพื่อป้องกันไม่ให้แผลที่ผิวหนัง และปรับปรุงการสื่อสารกับ บริษัท ประกันภัยเพื่อสะสมคะแนน และการลดต้นทุนโดยรวม ( สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดู : วิธีการใหญ่ข้อมูลมีการเปลี่ยนแปลงการดูแลสุขภาพ )ขั้นตอนตามกระบวนการขั้นตอนข้อมูลทั้งหมดนี้ที่ครั้งหนึ่งอาจจะสับสน ดังนั้น ไปง่าย ขนาดประมาณ