The second study is part of a more

The second study is part of a more complex research, from which we retrieved only the aspects concerning the
OCB and its correlates. The participants were 56 employees (33 female, 23 male) from the public (55.3%) and
private sectors (44.7%). The two institutions from the public sector are a public school and a foster care centre.
From an educational level perspective, 26.8% of the participants are secondary education graduates, whereas 73.2%
are higher-education graduates. Our hypothesis stated that the OCB is associated with work satisfaction, and that
there are differences between the employees of the private and public sectors as far as their availability to undertake
extra activities is concerned. We also assumed that women display OCB more often than men.
Various instruments were used, out of which relevant for the present article are the Organisational Citizenship
Behaviour Questionnaire (OCBQ, Tătaru & Tătaru, 2003), described in the first study, and the Job Satisfaction
Questionnaire (adapted after Zamfir, 1980), comprising 16 items with answers displayed on a Likert scale, and
having a good internal consistency of Cronbach coefficient alpha .88.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาที่สองเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยซับซ้อน ที่เราดึงข้อมูลเฉพาะด้านเกี่ยวกับการ OCB และสัมพันธ์กับความ ผู้เข้าร่วมถูก 56 พนักงาน (33 เพศหญิง เพศชาย 23) จากประชาชน (ร้อยละ 55.3) และ ภาคเอกชน (44.7%) สถาบันสองจากภาครัฐเป็นโรงเรียนของรัฐและศูนย์กลางการปกครอง จากมุมมองทางการศึกษาระดับ 26.8% ของผู้เข้าร่วมมีผู้สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษา ในขณะที่ 73.2% อุดมศึกษาบัณฑิตได้ สมมติฐานของเราระบุว่า OCB เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจในงาน และที่ มีความแตกต่างระหว่างพนักงานของส่วนตัวและภาคเอกชนเท่าที่ความรู้ กิจกรรมพิเศษเป็นห่วง เรายังถือว่า ผู้หญิงแสดง OCB บ่อยเกินคน เครื่องมือต่าง ๆ ใช้ จากที่เกี่ยวข้องกับบทความปัจจุบันมีสัญชาติ Organisational พฤติกรรมแบบสอบถาม (OCBQ, Tătaru & Tătaru, 2003), ในการศึกษาครั้งแรก และความพึงพอใจในงาน แบบสอบถาม (ดัดแปลงจาก Zamfir, 1980), ประกอบสินค้า 16 กับคำตอบที่แสดงในระดับ Likert และ มีความสอดคล้องภายในดีของอัลฟาสัมประสิทธิ์ Cronbach .88

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาที่สองเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยที่ซับซ้อนมากขึ้นจากที่เราเรียกเฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับการ
OCB และมีความสัมพันธ์ที่ ผู้เข้าร่วมได้ 56 คน (33 หญิง 23 ชาย) จากประชาชน (55.3%) และ
ภาคเอกชน (44.7%) สองสถาบันจากภาครัฐเป็นโรงเรียนของรัฐและศูนย์การอุปการะเลี้ยงดู
จากมุมมองของระดับการศึกษา 26.8% ของผู้เข้าร่วมเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาในขณะที่ 73.2%
เป็นผู้สำเร็จการศึกษาที่สูงกว่าการศึกษา สมมติฐานของเราระบุว่า OCB มีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจในการทำงานและ
มีความแตกต่างระหว่างพนักงานของภาครัฐและเอกชนเท่าที่ความพร้อมของพวกเขาในการดำเนิน
กิจกรรมพิเศษเป็นห่วง นอกจากนี้เรายังคิดว่าผู้หญิงแสดง OCB บ่อยกว่าผู้ชาย
เครื่องมือต่าง ๆ ถูกนำมาใช้ออกจากที่เกี่ยวข้องกับบทความปัจจุบันเป็นองค์กรพลเมือง
พฤติกรรมแบบสอบถาม (OCBQ, Tataru & Tataru, 2003) อธิบายไว้ในการศึกษาครั้งแรกและงาน ความพึงพอใจของ
แบบสอบถาม (ดัดแปลงมาหลังจาก Zamfir, 1980) ประกอบไปด้วย 16 รายการที่มีคำตอบที่แสดงบน Likert เกล็ดและ
มีความสอดคล้องภายในที่ดีของครอนบาคมีค่าสัมประสิทธิ์อัลฟา 0.88

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาที่สองเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยที่ซับซ้อนมากขึ้นจากการที่เราดึงเฉพาะด้านเกี่ยวกับ
OCB และความสัมพันธ์ . เข้าร่วมเป็น 56 คน ( 33 - 23 ชาย ) จากประชาชน ( ร้อยละ 55.3 ) และเอกชน ( 44.7 %
) สองสถาบันจากภาครัฐเป็นโรงเรียนของรัฐและศูนย์การดูแลอุปถัมภ์
จากระดับการศึกษา มุมมอง , 268 % ของผู้จบการศึกษามัธยม ในขณะที่ความสามารถ %
เป็นอุดมศึกษาบัณฑิต สมมติฐานของเราที่ระบุไว้ว่า จะเพิ่มขึ้นที่เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจในการทำงานและ
มีความแตกต่างระหว่างพนักงานของภาครัฐและเอกชนเท่าที่ความพร้อมของตนเองที่จะรับฝาก
กิจกรรมเสริมที่เกี่ยวข้อง เราก็นึกว่าผู้หญิงแสดง OCB บ่อยกว่าผู้ชาย
เครื่องมือต่างๆถูกใช้ออกมาซึ่งเกี่ยวข้องกับบทความปัจจุบันเป็นองค์กรพลเมือง
พฤติกรรมจำนวน ocbq T T ă&ăทารุทารุ , 2003 ) , อธิบายไว้ในการศึกษาแรก และความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน แบบสอบถาม ( ปรับหลัง
zamfir , 1980 ) , จำนวน 16 รายการ กับคำตอบที่แสดงบนลิขนาดและ
มีความสอดคล้องภายในของสัมประสิทธิ์แอลฟาเท่ากับ . 88