In this study, the curved venetian

In this study, the curved venetian blind is modeled as an effective layer with the following assumptions; each slat surface is isothermal, uniformly irradiated, and is a diffuse reflector and emitter.
The whole blind assembly is represented by two consecutive slats.
The two adjacent slat curved surfaces, with the imaginary surfaces at the front and back openings, constitute an enclosure.
The blind enclosure is then split into six surfaces as shown in Fig. 1.
The surfaces are as follows; surface 3 is the curved surface ab, surface 4 is the curved surface de, surface 5 is the curved surface bc, surface 6 is the curved surface ef, surface 1 is the imaginary surface ad, and surface 2 is the imaginary
surface cf.
The distance between the two adjacent slats is defined as h.
The width of the curved slat is defined as sw (measured along the curved surface) while the projected width of the slat on the flat plane is defined as s.
When the blind has a ratio of the distance between two adjacent slats to the projected slat width less than one (h=s < 1), it is found that, when the blind is closed, the slats will overlap.
The length of the slat subsurfaces, ab and ef, are defined as the overlapped length of the slat.
In the case of the blind with a flat slat, the length of the surfaces defined in the enclosure can be simply determined, but
for the blind with the curved slat, to find the length of the surfaces in the enclosure shown in Fig. 1 is not quite
so straight forward. Certain relationships and parameters are needed.
Fig. 2 shows the curved slat with a slat angle of phi(b) and its related parameters.
The critical angle of the curved slat is defined as the half of the curvature angle of the slat width, sw.
This critical angle can be expressed as

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในการศึกษานี้ คนตาบอดเวโค้งจะจำลองเป็นชั้นที่มีประสิทธิภาพกับสมมติฐานต่อไปนี้ แต่ละพื้นผิวไม้ระแนง isothermal, irradiated สม่ำเสมอเมื่อเทียบเคียง หรือกระจายและตัวส่ง และ แอสเซมบลีที่ตาบอดทั้งหมดจะถูกแสดง ด้วย slats สองติดต่อกัน ไม้ระแนงติดที่สองโค้งพื้นผิว ด้วยจินตภาพพื้นผิวด้านหน้า และหลังเปิด ประกอบตู้ ตู้ตาบอดถูกแล้วแบ่งออกเป็นหกพื้นผิวแสดงใน Fig. 1 พื้นผิวมีดังนี้ พื้นผิว 3 เป็น ab ผิวโค้ง ผิว 4 เป็นเดผิวโค้ง ผิว 5 เป็น bc ผิวโค้ง ผิว 6 เป็น ef ผิวโค้ง ผิว 1 เป็นโฆษณาผิวจินตภาพ และจินตภาพมีพื้นผิว 2cf ที่ผิว มีกำหนดระยะห่างระหว่าง slats ติดสองเป็น h ความกว้างของไม้ระแนงโค้งถูกกำหนดเป็น sw (วัดตามแนวผิวโค้ง) ในขณะที่คาดการณ์ไว้มีกำหนดความกว้างของไม้ระแนงบนระนาบแบนเป็น sเมื่อคนตาบอดมีอัตราส่วนของระยะห่างระหว่าง slats สองติดกับไม้ระแนงคาดการณ์ความกว้างน้อยกว่าหนึ่ง (h = s < 1), จะพบว่า เมื่อปิดคนตาบอด slats ที่จะซ้อนทับกัน ความยาวของไม้ระแนง subsurfaces, ab และ ef ถูกกำหนดเป็นความยาวของไม้ระแนงคาบเกี่ยวกันได้ ในกรณีของคนตาบอดกับไม้ระแนงนิ้ว ความยาวของพื้นผิวที่กำหนดไว้ในตู้สามารถเพียงกำหนด แต่สำหรับคนตาบอดกับไม้ระแนงโค้ง หาความยาวของพื้นผิวในตู้แสดงใน Fig. 1 ไม่มากดังนั้นตรงไปข้างหน้า ความสัมพันธ์บางอย่างและพารามิเตอร์จำเป็น Fig. 2 แสดงไม้ระแนงโค้ง ด้วยมุมไม้ระแนงของ phi(b) และพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้อง มุมสำคัญของไม้ระแนงโค้งถูกกำหนดให้เป็นครึ่งหนึ่งของมุมโค้งของไม้ระแนงกว้าง sw แสดงเป็นมุมสำคัญนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในการศึกษานี้คนตาบอดลี่โค้งเป็นรูปแบบเป็นชั้นที่มีประสิทธิภาพกับสมมติฐานดังต่อไปนี้ พื้นผิวไม้ระแนงแต่ละ isothermal ฉายรังสีอย่างสม่ำเสมอและเป็นกระจกสะท้อนแสงกระจายและอีซีแอล.
ประกอบทั้งตาบอดเป็นตัวแทนจากสองแผ่นติดต่อกัน.
ทั้งสองที่อยู่ติดแผ่นพื้นผิวโค้งที่มีพื้นผิวจินตนาการที่ด้านหน้าและเปิดกลับเป็นกรง
สิ่งที่แนบมาตาบอดถูกแบ่งออกเป็นหกแล้วพื้นผิวดังแสดงในรูป 1.
พื้นผิวที่มีดังต่อไปนี้ พื้นผิว 3 เป็นผิวโค้ง AB, 4 พื้นผิวเป็นพื้นผิวโค้งผิว 5 เป็นผิวโค้ง พ.ศ. พื้นผิวเป็น 6 EF ผิวโค้งผิวที่ 1 เป็นโฆษณาจินตนาการพื้นผิวและพื้นผิวที่ 2
เป็นจินตนาการพื้นผิวcf เลย
ระยะห่างระหว่างสองแผ่นที่อยู่ติดกันถูกกำหนดให้เป็นชม.
ความกว้างของแผ่นโค้งถูกกำหนดให้เป็น sw (วัดตามแนวโค้ง) ในขณะที่ความกว้างที่คาดการณ์ของแผ่นในแนวระนาบถูกกำหนดให้เป็น s.
เมื่อคนตาบอดมีอัตราส่วน ระยะห่างระหว่างสองแผ่นติดกับความกว้างของแผ่นฉายน้อยกว่าหนึ่ง (h = s <1) พบว่าเมื่อคนตาบอดจะปิดแผ่นจะซ้อนทับกัน.
ความยาวของ subsurfaces ไม้ระแนง, AB และ EF, จะมีการกำหนดเป็นระยะเวลาคาบเกี่ยวกันของไม้ระแนง.
ในกรณีของคนตาบอดที่มีแผ่นแบน, ความยาวของพื้นผิวที่กำหนดไว้ในกรงที่สามารถได้รับการพิจารณาเพียง
แต่สำหรับคนตาบอดที่มีแผ่นโค้งที่จะค้นหาความยาวของพื้นผิวในตู้แสดงในรูป 1
ไม่มากเพื่อให้ตรงไปตรงมา ความสัมพันธ์บางอย่างและพารามิเตอร์ที่มีความจำเป็น.
รูป 2 แสดงแผ่นโค้งด้วยมุมของแผ่นพี (ข) และพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้อง.
มุมที่สำคัญของไม้ระแนงโค้งถูกกำหนดให้เป็นครึ่งหนึ่งของมุมโค้งของความกว้างของไม้ระแนงที่ sw.
นี้มุมที่สำคัญสามารถแสดงเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในการศึกษานี้ โค้ง เมืองเวนิสตาบอดแบบชั้นมีประสิทธิภาพกับสมมติฐานต่อไปนี้ แต่ละแผ่นพื้นผิวคงที่โดยการฉายรังสี และเป็นคลื่น กระจายและอีซี .
ประกอบตาบอดทั้งแสดงติดต่อกัน 2 แผ่น .
สองติดไม้ระแนงโค้งพื้นผิวที่มีพื้นผิวในจินตนาการที่ด้านหน้าและด้านหลังเปิด เป็นสิ่งที่แนบมา .
กรงตาบอดแล้วแบ่งออกเป็นหกพื้นผิวดังแสดงในรูปที่ 1
พื้นผิวมีดังนี้ พื้นผิว 3 เป็นผิวโค้ง ผิว 4 คือ AB , ผิวโค้ง , ผิวเป็นผิวโค้ง BC , ผิวเป็นผิวโค้ง ผิว EF 1 โฆษณาผิวในจินตนาการ และพื้นผิว 2 คือพื้นผิวในจินตนาการ

CF ระยะห่างระหว่างแผ่นสองที่อยู่ติดกัน หมายถึง
hความกว้างของแผ่นโค้งหมายถึง SW ( วัดไปตามผิวโค้ง ) ในขณะที่คาดว่าความกว้างของแผ่นบน ราบ หมายถึง S .
เมื่อคนตาบอดมีอัตราส่วนของระยะห่างระหว่างสองแผ่นติดกับฉาย Slat ความกว้างน้อยกว่าหนึ่ง ( H = S < 1 ) นั้น พบว่า เมื่อม่านปิดแผ่นจะทับซ้อนกัน
ความยาวของแผ่น subsurfaces AB และ EF ,ถูกกำหนดเป็นจำนวนความยาวของแผ่นไม้นั่น
ในกรณีของคนตาบอดกับใบแบน ความยาวของพื้นผิวที่กำหนดไว้ในกรงก็มุ่งมั่นแต่
สำหรับคนตาบอดกับโค้งไม้ระแนง , หาความยาวของพื้นผิวในระบบที่แสดงในรูปที่ 1 คือ ไม่มาก
ดังนั้น ตรงไปตรงมา ความสัมพันธ์กับค่าพารามิเตอร์ที่จำเป็น
รูป2 แสดงให้เห็นว่ามีมุมโค้งไม้ระแนงไม้ระแนงพี ( B ) และพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้อง
มุมวิกฤตของแผ่นโค้ง หมายถึง ครึ่งหนึ่งของมุมความโค้งของ Slat ความกว้าง SW .
มุมวิกฤตนี้สามารถแสดงเป็น