tonehengeStonehenge is a very ancie

tonehenge
Stonehenge is a very ancient place in England. It is a strange structure, with 30 gigantic stones in the form of a circle. The biggest stone weighs 50 tons. Across the top of every two stones, there is a third stone.
Stonehenge is about 5,000 years old. Nobody really knows why it was built. One theory is that the stones are connected to astronomy. They were put there to tell people about the seasons of the year.
If you are at Stonehenge exactly at sunrise, on the longest day of summer or on the shortest day of winter, you will see that the sun always shines on the same place, on one special stone.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

tonehengeสโตนเฮนจ์เป็นสถานที่โบราณมากในอังกฤษ มันเป็นโครงสร้างแปลก มี 30 ก้อนหินยักษ์ในรูปแบบของวงกลม หินที่ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนัก 50 ตัน หินสามได้ที่ด้านบนของหินทุกสองสโตนเฮนจ์มีอายุประมาณ 5,000 ปี ไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันถูกสร้างขึ้น ทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่า หินที่เชื่อมต่อกับดาราศาสตร์ พวกเขาถูกวางมีการบอกผู้คนเกี่ยวกับฤดูกาลของปีถ้าคุณอยู่ที่สโตนเฮนจ์ตามเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ในวันยาวที่สุดของฤดูร้อน หรือวันที่สั้นที่สุดของฤดูหนาว คุณจะเห็นว่า ดวงอาทิตย์ส่องบนจุด หินพิเศษที่หนึ่งเสมอ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

tonehenge
โตนเฮนจ์เป็นสถานที่โบราณมากในประเทศอังกฤษ มันเป็นโครงสร้างที่แปลกประหลาดกับ 30 ก้อนหินขนาดใหญ่ในรูปแบบของวงกลม หินที่ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนัก 50 ตัน ด้านบนของทุกสองก้อนหินที่มีก้อนหินที่สาม.
โตนเฮนจ์เป็นอายุประมาณ 5,000 ปี ไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันถูกสร้างขึ้น ทฤษฎีหนึ่งคือการที่ก้อนหินที่มีการเชื่อมต่อกับดาราศาสตร์ พวกเขาถูกนำไปที่นั่นเพื่อบอกคนเกี่ยวกับฤดูกาลของปี.
ถ้าคุณอยู่ที่สโตนเฮนตรงที่พระอาทิตย์ขึ้นในวันที่ยาวที่สุดของฤดูร้อนหรือวันที่สั้นที่สุดของฤดูหนาวคุณจะเห็นว่าดวงอาทิตย์ส่องเสมอในสถานที่เดียวกัน บนหินพิเศษ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

tonehengeสโตนเฮนจ์เป็นสถานที่เก่าแก่ในอังกฤษ มันเป็นโครงสร้างแปลกๆ กับ 30 หินขนาดยักษ์ในรูปแบบวงกลม หินใหญ่หนักถึง 50 ตัน ด้านบนของทุกสองหิน มีหินสามสโตนเฮนจ์เป็นประมาณ 5 , 000 ปี ไม่มีใครรู้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมาทำไม ทฤษฎีหนึ่งก็คือหินเชื่อมต่อกับดาราศาสตร์ พวกเขาอยู่ในนั้นจะบอกผู้คนเกี่ยวกับฤดูกาลของปีถ้าคุณกำลังที่สโตนเฮนจ์ทุกประการที่พระอาทิตย์ขึ้นบนที่ยาวที่สุดของวันฤดูร้อนหรือในวันที่สั้นที่สุดในฤดูหนาว คุณจะเห็นดวงอาทิตย์ส่องแสงอยู่เสมอในสถานที่เดียวกันบนหินพิเศษ