CONCLUSIONGenerating evidence, alth

CONCLUSION
Generating evidence, although difficult
enough, is not an end in itself — using that
evidence in practice and possibly even altering
practice is harder still (Walshe et al,
1995). The evaluation of the care provided to
help Maria meet her goals shows that evidence
can be applied to individual practice.
Thus, evidence is not merely theoretical information,
it can be useful in clinical practice
and while this article centred around the
needs of a single individual, it has the potential
to be generalized.
Although it would have been desirable to
develop a protocol for patients requiring palliative
care this is not possible. For patients
with multiple and complex problems there
may never be a single protocol of care as the
problems impact on one another.
Furthermore, this article supports the work
of Hicks and Hennessey (1997) in that an
eclectic approach to evidence-based care is
required and that other forms of evidence
such as that generated by qualitative methods
should not be dismissed. This case study bas
illustrated that empirical evidence is useful,
but also that it has limitations. Other forms
of knowledge, e.g. moral influences, also need
to be taken into account if effective, individualized
care is to be provided. The challenge
for nurses is to act as an advocate for the
Generating
evidence,
although difficult
enough, is not an
end in itself— using
that evidence in
practice and possibly
even altering practice
is harder still...The
evaluation of the
care provided to help
Maria meet her goals
shows that evidence
can be applied to
individual practice.
Thus, evidence is not
merely theoretical
information, it can
be useful in clinical
practice and while
this article centred
around the needs of
a single individual,
it has the
potential to be
generalized.
BunsH JOURNAL OF NURSINCH 1999. VOL 8, No 21 143 3
patient and family at this vulnerable stage of
(he illness m tirder that pain and suffering are
kept to a minimum.
The WHO (IM90) emphasizes thai palliative
care should offer a support system to
help patients to live as actively and creatively
as possil>!e until death. To this end nurses
working in this setting should he aware
of the underpinning theory and research
which informs their clinical practice in
order that the best Liualitv of care can be
provided for patients.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สรุปหลักฐานการสร้างแม้ว่าจะยากพอไม่ได้สิ้นสุดในตัวเอง- ใช้ที่หลักฐานในการปฏิบัติและอาจได้เปลี่ยนแปลงการปฏิบัติยังคงเป็นงานหนัก(Walshe, et al, 1995) การประเมินผลของการดูแลที่มีให้เพื่อช่วยให้มาเรียตอบสนองเป้าหมายของเธอแสดงให้เห็นว่าหลักฐานที่สามารถนำมาใช้กับการปฏิบัติของแต่ละบุคคล. ดังนั้นหลักฐานข้อมูลไม่ทฤษฎีเพียงมันจะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติทางคลินิกและในขณะที่บทความนี้ศูนย์กลางรอบความต้องการของบุคคลเพียงคนเดียวก็มีศักยภาพที่จะได้รับการทั่วไป. แม้ว่ามันจะได้รับพึงปรารถนาที่จะพัฒนาโปรโตคอลสำหรับผู้ป่วยที่ต้องประคับประคองดูแลเป็นไปไม่ได้ สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาที่หลากหลายและซับซ้อนมีอาจจะไม่เคยเป็นโปรโตคอลเดียวของการดูแลในขณะที่ผลกระทบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในอีกคนหนึ่ง. นอกจากนี้บทความนี้สนับสนุนการทำงานของฮิกส์และ Hennessey (1997) ในที่วิธีการผสมผสานกับการดูแลตามหลักฐานที่ถูกต้องและรูปแบบอื่น ๆ ของหลักฐานเช่นที่สร้างโดยวิธีการเชิงคุณภาพไม่ควรจะถูกไล่ออก รูปปั้นกรณีศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าหลักฐานเชิงประจักษ์จะเป็นประโยชน์แต่ยังว่ามันมีข้อ จำกัด รูปแบบอื่น ๆของความรู้ที่มีอิทธิพลต่อศีลธรรมเช่นยังต้องจะต้องนำมาพิจารณาถ้ามีประสิทธิภาพออมสินดูแลที่จะให้ ความท้าทายสำหรับพยาบาลคือการทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนในการที่ผลิตหลักฐานแม้ว่าจะยากพอไม่ได้เป็นที่สิ้นสุดในitself- โดยใช้หลักฐานที่แสดงว่าในทางปฏิบัติและอาจแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติเป็นเรื่องยากที่ยังคง... การประเมินผลการดูแลให้เพื่อช่วยให้มาเรียตอบสนองเป้าหมายของเธอแสดงให้เห็นว่าหลักฐานที่สามารถนำไปใช้กับการปฏิบัติของแต่ละบุคคล. ดังนั้นหลักฐานที่ไม่ได้เป็นทฤษฎีเพียงข้อมูลก็สามารถเป็นประโยชน์ในทางคลินิกปฏิบัติและในขณะที่บทความนี้ศูนย์กลางประมาณความต้องการของแต่ละคนเดียวก็มีศักยภาพที่จะได้รับการทั่วไป. BunsH วารสาร NURSINCH 1999 VOL 8, No 21 143 3 ของผู้ป่วยและครอบครัวที่ขั้นตอนนี้มีช่องโหว่(เขาเจ็บป่วยม tirder เจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ให้น้อยที่สุด. องค์การอนามัยโลก (IM90) เน้นแบบประคับประคองไทยดูแลควรมีการสนับสนุนระบบที่จะช่วยให้ผู้ป่วยที่จะอยู่เป็นอย่างแข็งขันและสร้างสรรค์เป็นPossil>! จจนตาย. ในการพยาบาลด้วยเหตุนี้การทำงานในการตั้งค่านี้เขาควรตระหนักของทฤษฎีหนุนและการวิจัยที่แจ้งการปฏิบัติทางคลินิกในการสั่งซื้อว่าLiualitv ของการดูแลที่ดีที่สุดสามารถให้สำหรับผู้ป่วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สรุปการสร้างหลักฐานยาก

แต่พอไม่เป็นที่สิ้นสุดในตัวเอง การใช้หลักฐานในการปฏิบัติและอาจจะแม้แต่การเปลี่ยนแปลง

ซ้อมอีก ( walshe et al ,
1995 ) การประเมินผลการดูแลให้

ช่วยมาเรียตอบสนองเป้าหมายของเธอแสดงหลักฐานที่สามารถใช้เพื่อฝึก
.
ดังนั้นหลักฐานข้อมูลไม่เพียงทฤษฎี
มันสามารถเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติทางคลินิก และในขณะที่ความต้องการ

บทความนี้เป็นศูนย์กลางรอบของบุคคลเดียว แต่ก็มีศักยภาพที่จะเป็นตัว
.
ถึงแม้ว่ามันจะได้รับถูกใจ
พัฒนาโปรโตคอลสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลแบบประคับประคอง
นี้เป็นไปไม่ได้ สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาซับซ้อน และมีหลาย

อาจจะโสดโปรโตคอลของการดูแล
ปัญหาผลกระทบในอีกแบบหนึ่ง
นอกจากนี้บทความนี้สนับสนุนการทำงานของ ฮิคส์ และ เฮนเนิสซี่

( 1997 ) ในที่แนวทางผสมผสานเพื่อดูแลตามหลักฐานคือ
ที่ต้องการและรูปแบบอื่น ๆเช่นที่สร้างขึ้นโดยหลักฐาน

วิธีการเชิงคุณภาพ ไม่ควรถูกไล่ออก การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าบาส

หลักฐานเชิงประจักษ์เป็นประโยชน์ , แต่มันมีข้อจำกัด
รูปแบบอื่น ๆความรู้ เช่น คุณธรรม จริยธรรม อิทธิพล ยังต้องการที่จะพิจารณา

ถ้าประสิทธิภาพ การดูแลเป็นรายบุคคล ต้องให้ ความท้าทาย
สำหรับพยาบาลคือทำตัวเป็นผู้ให้การสนับสนุนสำหรับ

สร้างหลักฐาน แม้ว่ายาก

พอ ไม่ใช่
-
ที่สิ้นสุดในตัวเอง การใช้หลักฐานในการปฏิบัติและอาจจะแม้แต่การเปลี่ยนแปลง


มีซ้อมอีก . . . . . . .

ดูแลการประเมินเพื่อช่วยให้