ดังนั ้นจึงสรุปได้ว่าอุณหภูมิของน ้าร้อนที่ผลิตได้ขึ ้นอยู่กับอัตราการไหลของน ้าร้อนในลักษณะแปรผกผัน แต่ทั ้งนี ้ทั ้งนั ้น
เมื่อเพิ่มอัตราการไหลของน ้าร้ อนถึงค่าค่าหนึ่ง อุณหภูมิของน ้าร้ อนที่ผลิตได้จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงตามอัตราการไหล
ของน ้าร้อนที่เพิ่มขึ ้น และอุณหภูมิของน ้าร้อนก็จะมีแนวโน้มลู่เข้าสู่ค่าค่าหนึ่ง และในทิศทางเดียวกันก าลังไฟฟ้ าของระบบ
ฮีตปั๊มก็จะแปรผกผันตามอัตราการไหลของน ้าร้อนที่เพิ่มขึ ้นในลักษณะเช่นเดียวกับอุณหภูมิของน ้าร้อน
0.000
2.000
4.000
6.000
8.000
10.000
0.000 2.000 4.000 6.000 8.000 10.000 12.000 14.000 16.000 18.000
ภาระการท าความเย็น (kW)
อัตราการไหลของน ้าร้ อน (l/min)
ไม่เปิ ดขดลวดความร้ อน เปิ ดขดลวดความร้ อน 1ขด เปิ ดขดลวดความร้ อน 2ขด
0.0
2.0
4.0
6.0
8.0
10.0
0 2 4 6 8 10 12 14 16 18
COP
อัตราการไหลของน ้า (l/min)
ไม่เปิ ดขดลวดความร้ อน (ระบบท าความเย็น) เปิ ดขดลวดความร้ อน 1ขด (ระบบท าความเย็น)
เปิ ดขดลวดความร้ อน 2ขด (ระบบท าความเย็น) ไม่เปิ ดขดลวดความร้ อน (ระบบฮีตปั๊ม)
เปิ ดขดลวดความร้ อน 1ขด (ระบบฮีตปั๊ม) เปิ ดขดลวดความร้ อน 2ขด (ระบบฮีตปั๊ม)
รูปที่6 ภำระกำรทำ ควำมเยน็ของระบบทำ ควำมเยน็แปรตำมอตัรำกำรไหลของน้ำ ร้อน
รูปที่7 ค่ำสมั ประสิทธ์ิสมรรถนะของระบบแปรตำมอตัรำกำรไหลของน้ำ ร้อน58 วารสารวิจัยพลังงาน ปี ที่9 ฉบับที่ 2555/2
เมื่อน าผลการทดลองที่ได้เปรียบเทียบกับความสามารถของระบบท าความเย็นเดิมก่อนการปรับปรุงพบว่า ระบบท า
ความเย็นใช้ก าลังไฟฟ้ าในการอัดไอลดลงร้ อยละ 20.53 และค่าสมั ประสิทธิ์สมรรถนะของระบบท าความเย็นมีค่าเพิ่มขึ ้น
ร้อยละ 48.15ซึ่งหลังจากปรับปรุงระบบท าความเย็นนั ้น ความดันด้านสูงในระบบจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 15.8 bar และระบบ
สามารถผลิตน ้าเย็นจ่ายให้กับเครื่องเป่ าลมเย็นที่อุณหภูมิเฉลี่ยเท่ากับ 7.5°C
มีข้อเสนอแนะว่า ในทางปฏิบัติควรมีระบบถ่ายเทความร้ อนภายในเครื่องแลกเปลี่ยนความร้ อน ในกรณีที่ไม่มีการใช้
น ้าร้ อน เพราะเนื่องจากการติดตั ้งเครื่องแลกเปลี่ยนความร้ อนที่แทรกเข้าไประหว่างเครื่องอัดไอและเครื่องควบแน่นใน
ระบบท าความเย็นนั ้น จะส่งผลให้อัตราการไหลของสารท าความเย็นลดลง และสร้ างความดันตกคร่อมในท่อทางด้านอัด
ของระบบท าความเย็น ส่งผลให้ระบบมีความดันสูงขึ ้น และใช้ก าลังในการอัดไอเพิ่มมากขึ ้น
VI. กิตติกรรมประกาศ
คณะผู้วิจัยขอขอบคุณภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่สนับสนุน
สถานที่ ขอขอบคุณส านักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติและสถาบันวิจัยพลังงานจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัยที่สนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ ที่อ านวยความสะดวกในการด าเนินงานวิจัยน