According to the experimental proce

According to the experimental procedure (Section 2.3), the
maximum amount of FAEE that can be converted from the lipids
was determined to be 20.33 ± 0.375 mg FAEE/100 mg dry microalgae
biomass. The conversion yield of each experiment could be calculated
by dividing a sample determined FAEE amount by the
maximum FAEE amount.
3.1. Effect of co-solvent on conversion yield of biodiesel
In the direct transesterification study, dried microalgae biomass
was not pre-treated by any other method to destroy the cell wall.
Experiments with petroleum ether, n-Hexane, carbon tetrachloride,
ethyl ether, n-butanol, chloroform and acetone were carried
out to determine the best co-solvent with 75% ethanol for extracting
lipids.
As shown in Fig. 1, petroleum ether, n-hexane and chloroform
all showed a higher efficiency among the chosen solvent. The reason
for these results is that n-hexane and petroleum ethers are
non-polar solvents, which not only were capable of dissolving
long-chain triglycerides, but also are miscible with ethanol, resulting
in homogeneous catalysis. Chloroform with higher polarity was
found to be conducive to disrupting cell wall and extracting lipids
from microalgae cells (Im et al., 2014). Hexane is relatively cheap
in comparison to petroleum ethers and environmentally friendly
compared with chloroform. Therefore, it was used in all experiments
discussed below.
3.2. Influence of reaction factors on the conversion yield of biodiesel
The results of the influence of the n-hexane to 75% ethanol ratio
(v/v), mixed solvent dosage, reaction temperature, time and catalyst
volume on the conversion yield of direct transesterification
were shown in Table 1. It was indicated that a lower ratio of the
n-hexane to 75% ethanol played a positive role on the conversion
yield, assigned to the high content of 75% ethanol in the mixed solvent,
which could help microalgae lipid to be extracted and react
with ethanol. The effect of solvent dosage on the conversion yield
was illustrated in Table 1. The FAEE yield was increased

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตามขั้นตอนการทดลอง (ส่วน 2.3), การจำนวนสูงสุดของ FAEE ที่สามารถแปลงจากโครงการกำหนดเป็น 20.33 ± 0.375 มิลลิกรัม FAEE/100 มิลลิกรัมแห้งสาหร่ายชีวมวล สามารถคำนวณผลการทดลองแต่ละแปลงโดยการหารตัวอย่างกำหนดจำนวน FAEE โดยการวงเงิน FAEE3.1. ผลของตัวทำละลายร่วมในแปลงผลผลิตไบโอดีเซลในการศึกษาเพิ่มโดยตรง ชีวมวลสาหร่ายอบแห้งไม่ล่วงหน้าถือว่าวิธีการทำลายผนังเซลล์การทดลอง ด้วยปิโตรเลียมอีเทอร์ โพ ลี n คาร์บอนเตตระ คลอไรด์เอทิลอีเทอร์ n บิวทานอ คลอโรฟอร์ม และอะซิโตนได้ดำเนินการกำหนดตัวทำละลายร่วมที่ดีที่สุดกับเอทานอล 75% สำหรับการดึงข้อมูลไขมันดังแสดงในรูปที่ 1 ปิโตรเลียมอีเทอร์ เอ็นเฮกเซน และคลอโรฟอร์มทั้งหมดพบว่ามีประสิทธิภาพสูงในตัวทำละลายที่ท่าน เหตุผลผลลัพธ์เหล่านี้เป็นที่เอ็นเฮกเซน และ ethers ปิโตรเลียมตัวทำละลายที่เป็นโพลาร์ ซึ่งไม่เพียงแต่ มีความสามารถในการละลายไตรกลีเซอไรด์สายโซ่ยาว แต่ยังมีกลึงชนิดผสมกับเอทานอล เกิดในการเร่งปฏิกิริยาเนื้อเดียวกัน คลอโรฟอร์ม มีขั้วสูงขึ้นได้พบการรบกวนผนังเซลล์ และแยกไขมันจากเซลล์สาหร่าย (Im et al. 2014) มีเฮกเซนในการเปรียบเทียบ การปิโตรเลียม ethers และสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับคลอโรฟอร์ม ดังนั้น มันถูกใช้ในการทดลองทั้งหมดกล่าวถึงด้านล่าง3.2. อิทธิพลของปัจจัยปฏิกิริยาบนแปลงผลผลิตไบโอดีเซลผลของอิทธิพลของเอ็นเฮกเซนอัตราส่วนเอทานอล 75%(v/v), ผสมตัวทำละลายยา ปฏิกิริยาอุณหภูมิ เวลา และเศษเสียงแปลงผลลบโดยตรงที่แสดงในตารางที่ 1 ระบุที่อัตราส่วนลดเอ็นเฮกเซนเพื่อเอทานอล 75% บทบาทเชิงบวกในการแปลงผลผลิต กำหนดเนื้อหาที่สูงของเอทานอล 75% ในตัวทำละลายผสมซึ่งจะช่วยให้สาหร่ายไขมันถูกแยก และตอบสนองต่อด้วยเอทานอล ผลของตัวทำละลายปริมาณผลผลิตแปลงถูกแสดงในตารางที่ 1 เพิ่มขึ้นจากผลตอบแทน FAEE

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตามขั้นตอนการทดลอง (มาตรา 2.3) ซึ่งเป็น
จำนวนเงินสูงสุดของ FAEE ที่สามารถแปลงจากไขมัน
มุ่งมั่นจะเป็น 20.33 ± 0.375 มิลลิกรัม FAEE / 100 มิลลิกรัมสาหร่ายแห้ง
ชีวมวล อัตราผลตอบแทนของแต่ละแปลงทดลองจะได้รับการคำนวณ
โดยการหารตัวอย่างกำหนดจำนวนเงิน FAEE โดย
จำนวนเงินสูงสุด FAEE.
3.1 ผลของการร่วมตัวทำละลายที่มีต่อผลผลิตแปลงของไบโอดีเซล
ในการศึกษา transesterification โดยตรงชีวมวลสาหร่ายแห้ง
ไม่ได้ก่อนรับการรักษาโดยวิธีการอื่นใดที่จะทำลายผนังเซลล์.
การทดลองกับปิโตรเลียมอีเทอร์ N-เฮกเซนเตตระคลอไรคาร์บอน
เอทิลอีเทอร์ n -butanol คลอโรฟอร์มและอะซีโตนได้ดำเนินการ
ออกไปตรวจสอบที่ดีที่สุดสำหรับตัวทำละลายร่วมกับเอทานอล 75% สำหรับการสกัด
ไขมัน.
ดังแสดงในรูป 1, ปิโตรเลียมอีเทอร์ N-เฮกเซนและคลอโรฟอร์ม
ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพสูงในหมู่ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวทำละลาย เหตุผลก็
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เหล่านี้คือ N-เฮกเซนและปิโตรเลียมอีเทอร์เป็น
ตัวทำละลายไม่มีขั้วซึ่งไม่เพียง แต่มีความสามารถในการละลาย
ไตรกลีเซอไรด์โซ่ยาว แต่ยังมีผสมเอทานอลที่มีผล
ในการเร่งปฏิกิริยาที่เป็นเนื้อเดียวกัน คลอโรฟอร์มกับขั้วสูงขึ้น
พบว่าเป็นที่เอื้อต่อการกระทบกับผนังเซลล์และการสกัดไขมัน
จากเซลล์สาหร่าย (IM et al., 2014) เฮกเซนค่อนข้างถูก
เมื่อเทียบกับอีเทอร์ปิโตรเลียมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เมื่อเทียบกับคลอโรฟอร์ม ดังนั้นจึงถูกนำมาใช้ในการทดลองทั้งหมด
กล่าวถึงด้านล่าง.
3.2 อิทธิพลของปัจจัยการเกิดปฏิกิริยาในอัตราผลตอบแทนการแปลงของไบโอดีเซล
ผลของอิทธิพลของ N-เฮกเซนอัตราส่วน 75% เอทานอล
(v / v) ปริมาณตัวทำละลายผสมอุณหภูมิเวลาและตัวเร่งปฏิกิริยา
ปริมาณผลผลิตแปลง transesterification โดยตรง
ได้ แสดงในตารางที่ 1 มันก็ชี้ให้เห็นว่าอัตราการลดลงของ
n-เฮกเซนถึง 75% เอทานอลมีบทบาทในเชิงบวกต่อการแปลง
อัตราผลตอบแทนที่ได้รับมอบหมายให้เนื้อหาสูงของเอทานอล 75% ในตัวทำละลายผสม
ซึ่งจะช่วยให้ไขมันสาหร่ายไป จะสกัดและตอบสนอง
กับเอทานอล ผลของการใช้ยาตัวทำละลายที่มีต่อผลผลิตแปลง
เป็นตัวอย่างในตารางที่ 1 ให้ผลผลิต FAEE เพิ่มขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตามขั้นตอนการทดลอง ( มาตรา 3 )จำนวนเงินสูงสุดของ faee ที่สามารถแปลงสภาพจากไขมันตั้งใจที่จะเป็น 20.33 ± 0.375 มิลลิกรัม faee / 100 มก. สาหร่ายแห้งชีวมวล การเปลี่ยนแปลงผลผลิตในแต่ละการทดลองจะถูกคำนวณโดยแบ่งกลุ่มตัวอย่าง faee โดยกำหนดจำนวนfaee สูงสุดยอด3.1 . ผลของตัวทำละลายร่วมแปลงผลผลิตไบโอดีเซลในการศึกษากระบวนการทรานส์เอสเทอริฟิเคชั่นโดยตรง ชีวมวลสาหร่ายอบแห้งไม่ก่อนการรักษาโดยวิธีอื่น ๆที่จะทำลายผนังเซลล์การทดลองกับปิโตรเลียมอีเทอร์ , บีบ , คาร์บอนเตตระคลอไรด์ ,เอทิลอีเทอร์ อะซีโตน n-butanol คลอโรฟอร์ม และถูกอุ้มออกเพื่อหาตัวทำละลาย CO ที่ดีที่สุดกับเอทานอล 75% สำหรับการสกัดลิปิดดังแสดงในรูปที่ 1 , ปิโตรเลียมอีเทอร์และคลอโรฟอร์มบีบ ,ทั้งหมด มีค่าประสิทธิภาพของตัวทำละลายที่เลือก เหตุผลผลลัพธ์เหล่านี้คือ ปิโตรเลียมอีเทอร์ บีบ และตัวทำละลายที่ไม่มีขั้ว ซึ่งไม่เพียงมีความสามารถในการละลายเคลือบโซ่ไตรกลีเซอไรด์ แต่ยังได้ผลด้วยเอทานอลในบึ่ง . คลอโรฟอร์มกับขั้วสูงกว่าคือพบเพื่อเอื้อต่อการ ทำลายผนังเซลล์ และสกัดไขมันจากสาหร่ายเซลล์ ( Im et al . , 2010 ) เฮกเซนที่ค่อนข้างราคาถูกในการเปรียบเทียบกับปิโตรเลียม อีเทอร์ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับคลอโรฟอร์ม ดังนั้น มันถูกใช้ในการทดลองกล่าวถึงด้านล่าง3.2 . อิทธิพลของปัจจัยด้านผลผลิตของปฏิกิริยาในการแปลงไบโอดีเซลผลของอิทธิพลของการบีบต่อเอทานอล 75%( v / v ) ผสมตัวทำละลาย ปริมาณตัวเร่งปฏิกิริยาอุณหภูมิและเวลาปริมาณผลผลิตของกระบวนการทรานส์เอสเทอริฟิเคชั่นในการแปลงโดยตรงถูกแสดงในตารางที่ 1 พบว่าอัตราการลดลงของบีบเอทานอล 75% บทบาทในเชิงบวกในการแปลงผลผลิต , มอบหมายให้เนื้อหาสูงของเอทานอล 75% ในตัวทำละลายผสมซึ่งสามารถช่วยให้ไขมันในสาหร่ายที่จะสกัดและการตอบสนองกับเอทานอล ผลของตัวทำละลาย ปริมาณผลผลิตในแปลงแสดงในตารางที่ 1 การ faee ผลผลิตเพิ่มขึ้น