Theories of behavior change have be

Theories of behavior change have been used to identify critical factors to target in
health promotion interventions. An assumption of the information–motivation–behavioral
skills (IMB) model, which appears to have many of the active ingredients needed for
health behavior change (see social cognitive theory, Bandura, 1989; theory of planned
behavior, Ajzen, 1991; and theory of reasoned action, Ajzen & Fishbein, 2005), is that
performing a health promotion behavior is a function of how well-informed one is about
the behavior, how motivated one is to perform the behavior (e.g., has positive personal
beliefs and attitudes toward the behavior or outcome and has social support for the
behavior), and whether one has the requisite skills to execute the desired behavior and
has the confidence in one’s own ability to do so across various situations (J. D. Fisher &
Fisher, 2000; W. A. Fisher, Fisher, & Harman, 2003; W. A. Fisher & Schachner, in press).
Essentially, one who is well-informed and motivated to act is considered capable of
developing the skills necessary to enact the behavior at focus and thus reap the health
benefits of doing so (J. D. Fisher & Fisher, 2000; W. A. Fisher et al., 2003; W. A. Fisher
& Schachner, in press). The model’s constructs and the relationships among them have
been well supported across populations and health promotion behaviors (J. D. Fisher &
Fisher, 2000; W. A. Fisher et al., 2003), including diabetes self-care behaviors (Osborn,
2006; Osborn & Egede, 2010).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้เพื่อระบุปัจจัยสำคัญเพื่อเป้าหมายในมาตราการส่งเสริมสุขภาพ อัสสัมมีการข้อมูล – แรงจูงใจพฤติกรรมทักษะ (IMB) รุ่น ซึ่งดูเหมือนจะมีหลายส่วนผสมที่จำเป็นสำหรับเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ (ดูสังคมรับรู้ทฤษฎี Bandura, 1989 ทฤษฎีการวางแผนพฤติกรรม Ajzen, 1991 และทฤษฎีของ reasoned ดำเนิน Ajzen & Fishbein, 2005), คือการมีพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพคือฟังก์ชันหนึ่งทราบดีว่าเกี่ยวกับลักษณะการทำงาน แรงจูงใจวิธีหนึ่งคือการดำเนินการลักษณะการทำงาน (เช่น มีบุคคลบวกความเชื่อและเจตคติพฤติกรรมหรือผลลัพธ์ และมีการสนับสนุนทางสังคมลักษณะการทำงาน), และว่ามีทักษะจำเป็นดำเนินการระบุลักษณะการทำงาน และมีความเชื่อมั่นในตัวเองสามารถทำได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ (J. D. Fisher &ฟิชเชอร์ 2000 W. A. Fisher, Fisher, & Harman, 2003 ปริมาณ A. Fisher & Schachner ในข่าว)หลัก ผู้ทราบดี และแรงจูงใจทำถือว่าเป็นความสามารถในการพัฒนาทักษะจำเป็น การแสดงออกพฤติกรรมที่โฟกัสเรียบสุขภาพดังนั้นประโยชน์ของการทำนั้น (J. D. Fisher & Fisher, 2000 W. A. Fisher et al., 2003 W. A. Fisher& Schachner ในข่าว) โครงสร้างแบบจำลองและความสัมพันธ์ระหว่างกันได้การสนับสนุนประชากรและพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพที่ดี (J. D. Fisher &ฟิชเชอร์ 2000 ปริมาณ A. Fisher et al., 2003), รวมทั้งพฤติกรรมสุขภาพโรคเบาหวาน (ออสบอร์ประกันภัยปี 2006 ออสบอร์ประกันภัย & Egede, 2010)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ใช้ในการระบุปัจจัยสำคัญในการกำหนดเป้าหมายใน
การแทรกแซงการส่งเสริมสุขภาพ ข้อสันนิษฐานของข้อมูลแรงจูงใจพฤติกรรม
ทักษะ (IMB) รุ่นที่ดูเหมือนจะมีหลายส่วนผสมที่ใช้งานที่จำเป็นสำหรับ
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ (ดูทฤษฎีองค์ความรู้ทางสังคม Bandura, 1989; ทฤษฎีของการวางแผน
พฤติกรรม Ajzen, 1991 และทฤษฎี เหตุผลของการกระทำ, Ajzen & Fishbein, 2005) นั่นคือ
การแสดงพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพเป็นหน้าที่ของวิธีสันทัดกรณีหนึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ
พฤติกรรมแรงจูงใจวิธีหนึ่งคือการดำเนินการการทำงาน (เช่นมีส่วนบุคคลบวก
ความเชื่อและทัศนคติที่มีต่อ พฤติกรรมหรือผลและมีการสนับสนุนทางสังคมสำหรับ
พฤติกรรม) และไม่ว่าจะเป็นคนมีทักษะที่จำเป็นในการดำเนินพฤติกรรมที่ต้องการและ
มีความเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองที่จะทำทั่วสถานการณ์ต่างๆ (JD ฟิชเชอร์และ
ฟิชเชอร์, 2000; WA ฟิชเชอร์ ฟิชเชอร์และ Harman 2003. WA ฟิชเชอร์และ Schachner, ในการกด)
เป็นหลักเป็นผู้หนึ่งที่เป็นที่ทราบและมีแรงจูงใจที่จะทำหน้าที่เป็นที่ยอมรับว่ามีความสามารถใน
การพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการออกกฎหมายลักษณะการทำงานที่มุ่งเน้นและทำให้สุขภาพเก็บเกี่ยวผล
ประโยชน์ของการทำ ดังนั้น (JD ฟิชเชอร์และฟิชเชอร์, 2000; WA ฟิชเชอร์, et al, 2003. WA ฟิชเชอร์
และ Schachner, ในการกด) สร้างรูปแบบและความสัมพันธ์ในหมู่พวกเขาได้
รับการสนับสนุนอย่างดีทั่วประชากรและพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพ (JD ฟิชเชอร์และ
ฟิชเชอร์, 2000. WA ฟิชเชอร์, et al, 2003) รวมทั้งพฤติกรรมที่เป็นโรคเบาหวานการดูแลตนเอง (ออสบอร์
2006 ออสบอร์และ Egede, 2010)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้ถูกใช้เพื่อระบุปัจจัยที่สำคัญเพื่อเป้าหมายใน
ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ สมมติฐานของข้อมูล–แรงจูงใจ–พฤติกรรมศาสตร์
ทักษะ ( IMB ) รุ่น ซึ่งปรากฏมีหลายของส่วนผสมที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
( เห็นปัญญาทางสังคมทฤษฎีของแบนดูรา , 1989 ; ทฤษฎีการวางแผนพฤติกรรม , Ajzen , 1991 ; และทฤษฎีให้เหตุผลการกระทำ& Ajzen Fishbein , 2005 ) , คือว่า
การปฏิบัติพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ เป็นฟังก์ชันของข้อมูลหนึ่งคือ
พฤติกรรม วิธีหนึ่งคือการกระตุ้นพฤติกรรม เช่น มีความเชื่อส่วนตัว
บวกและทัศนคติต่อพฤติกรรมหรือผล และมีแรงสนับสนุนทางสังคมกับพฤติกรรม ) , และว่าหนึ่ง มีทักษะที่จำเป็นเพื่อดำเนินการและพฤติกรรมที่ต้องการ
มีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองที่จะทำในสถานการณ์ต่างๆ ( J . D . Fisher &
Fisher , 2000 ; W . A . ฟิชเชอร์ ฟิชเชอร์ & Harman , 2003 ; W . A . Fisher & schachner ในกด ) .
เป็นหลัก ใครสันทัดกรณีและแรงจูงใจที่จะทำคือการพิจารณาความสามารถของ
พัฒนาทักษะ ต้องทำพฤติกรรมที่มุ่งเน้นและจึงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของการทำเพื่อสุขภาพ
( J . D .&ฟิชเชอร์ฟิชเชอร์ , 2000 ; W . A . Fisher et al . , 2003 ; W . A . Fisher
& schachner ในกด ) รูปแบบของโครงสร้างและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาได้รับการสนับสนุนอย่างดี
ข้ามประชากรและพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ ( J . D . Fisher &
Fisher , 2000 ; W . A . Fisher et al . , 2003 ) ได้แก่ พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ( ออสบอร์นออสบอร์น& egede
, 2006 ; 2010 )