และแล้วก็มาถึงอันดับ 1 ของเรา “ฝังท

และแล้วก็มาถึงอันดับ 1 ของเรา “ฝังทั้งเป็น” เรื่องนี้ผมอ่านแล้วน่ากลัวมาก เรื่องเล่ากันว่ามีหญิงชาย
คู่หนึ่งแต่งงานกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั้งแก่เฒ่า จนกระทั้งวันหนึ่งภรรยาของเขา
ได้จากไป เขาจัดพิธีศพตามหลักศาสนาคริสต์ คือนำศพของเธอมาฝังในโลงศพอย่างดีมาฝังในสุสาน
เพื่อให้เธอพักผ่อนถาวร

เรื่องคงจบแต่เพียงเท่านี้ หากแต่ไม่ เมื่อดึกคืนหนึ่งในขณะที่ฝ่ายชายนอนหลับ เขาได้ฝันน่ากลัวเข้า
เมื่อเขาเห็นภรรยาที่อยู่ในโลงศพลืมตาดื่นขึ้น เธอพยายามตะเกียดตะกายเพื่อออกจากโลงที่ถูกฝัง
ในดิน ความมืด ความแคบ อาการน้อยลงทุกที ทำให้เธอกลายเป็นบ้า เธอกำลังร้องชื่อเขาเพื่อมา
ช่วยเหลือเธอ

ฝ่ายชายฝันร้ายแบบนี้ทุกค่ำคืน จนกระทั้งทนไม่ไหว เขาเลยร้องขอให้แพทย์และหน่วยงานท้องถิ่น
นำโลงศพของภรรยาของเขาออกมา และเมื่อทั้งหมดเปิดฝาโลงก็ตะลึงเมื่อศพภรรยาของเขาไม่ได้
เน่าเบื่อ ซ้ำที่เบิกตาโพลง ทำหน้าตาหวาดกลัว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ที่เล็บมีเลือดเกรอะกรัง
และที่ฝาโลงด้านในมีรอยขีดข่วนชัดเจน ..........

มันเป็นจริงซะงั้น! เรื่องของศพที่คิดว่าตายแล้วนำมาฝังตามพิธีกรรมทางศาสนา หากแต่ต่อมากลับ
พบว่าผู้ตายนั้นไม่ได้ตายจริง และกลับมาคืนชีพในโลงศพและพยายามตะเกียดตะกายเอาชีวิตรอด
เรื่องราวเหล่านี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สยองขวัญมากมาย แต่ที่น่าแปลกคือเรื่องเหล่านี้กลาย
เป็นจริงอีกทั้งมีมากกว่าหนึ่งกรณี สาเหตุง่ายมากก็เพราะสมัยก่อนนั้นการตรวจสอบผู้ตายนั้นตายจริง
หรือไม่ นั้นไม่ค่อยทันสมัย ทำให้มีการฝังในโลงศพทั้งๆ ที่ผู้ตายคนนั้นแค่ตายชั่วขณะ และนี้คือ
ตัวอย่าง ของผู้มีประสบการณ์ฝังทั้งเป็นที่ฟื้นคืนชีพในโลงศพที่ถึงฝังในดินอย่างน่าสยดสยอง

ปี 1851 เวอรจิเนีย เเมคโดเนล (Virginia Macdonald) อาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเธอในนิวยอร์กซิตี้
และป่วยตาย เธอถูกนำไปฝังในสุสานกรีนวู๊ด (Greenwood) บรู๊คลิน นิวยอร์ค อเมริกา หลังจากพิธี
ฝังศพผ่านไป แม่ของเธอกลับบอกคนอื่นว่าเธอเชื่อว่าลูกของเธอไม่ตาย เธอพูดแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนครอบครัวของเธอทนไหมไหวเลยต้องขุดโลงศพเปิดฝาโลงให้แม่ของเธอหายข้อข้องใจซะ แต่
ปรากฏว่าพวกเขาพบว่าศพของเวอจิเนียนั้นยังไม่เน่า เธอคืนชีพในโลงและพยายามตะเกียดตะกาย
ที่มือของเธอนั้นสภาพเละอย่างไม่มีชิ้นดี แสดงให้เห็นว่าเธอพยายามทำลายโลง แต่ล้มเหลวและ
ขาดใจตายไปเสียก่อน (ปล. หลังจากนั้นป่าช้าแห่งนี้ได้ถูกย้ายไปที่แห่งใหม่ หลายโรงถูกนำมาตรวจ
สอบก็พบว่ามีศพหลายศพที่ถูกฝังทั้งเป็นจำนวนมาก)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

และแล้วก็มาถึงอันดับ 1 ของเรา "ฝังทั้งเป็น" เรื่องนี้ผมอ่านแล้วน่ากลัวมากเรื่องเล่ากันว่ามีหญิงชายคู่หนึ่งแต่งงานกันและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจนกระทั้งแก่เฒ่าจนกระทั้งวันหนึ่งภรรยาของเขาได้จากไปเขาจัดพิธีศพตามหลักศาสนาคริสต์คือนำศพของเธอมาฝังในโลงศพอย่างดีมาฝังในสุสานเพื่อให้เธอพักผ่อนถาวรเรื่องคงจบแต่เพียงเท่านี้หากแต่ไม่เมื่อดึกคืนหนึ่งในขณะที่ฝ่ายชายนอนหลับเขาได้ฝันน่ากลัวเข้าเมื่อเขาเห็นภรรยาที่อยู่ในโลงศพลืมตาดื่นขึ้นเธอพยายามตะเกียดตะกายเพื่อออกจากโลงที่ถูกฝังในดินความมืดความแคบอาการน้อยลงทุกทีทำให้เธอกลายเป็นบ้าเธอกำลังร้องชื่อเขาเพื่อมาช่วยเหลือเธอฝ่ายชายฝันร้ายแบบนี้ทุกค่ำคืนจนกระทั้งทนไม่ไหวเขาเลยร้องขอให้แพทย์และหน่วยงานท้องถิ่นนำโลงศพของภรรยาของเขาออกมาและเมื่อทั้งหมดเปิดฝาโลงก็ตะลึงเมื่อศพภรรยาของเขาไม่ได้เน่าเบื่อซ้ำที่เบิกตาโพลงทำหน้าตาหวาดกลัวใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนที่เล็บมีเลือดเกรอะกรังและที่ฝาโลงด้านในมีรอยขีดข่วนชัดเจน...มันเป็นจริงซะงั้น เรื่องของศพที่คิดว่าตายแล้วนำมาฝังตามพิธีกรรมทางศาสนาหากแต่ต่อมากลับพบว่าผู้ตายนั้นไม่ได้ตายจริงและกลับมาคืนชีพในโลงศพและพยายามตะเกียดตะกายเอาชีวิตรอดเรื่องราวเหล่านี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สยองขวัญมากมายแต่ที่น่าแปลกคือเรื่องเหล่านี้กลายเป็นจริงอีกทั้งมีมากกว่าหนึ่งกรณีสาเหตุง่ายมากก็เพราะสมัยก่อนนั้นการตรวจสอบผู้ตายนั้นตายจริงหรือไม่นั้นไม่ค่อยทันสมัยทำให้มีการฝังในโลงศพทั้ง ๆ ที่ผู้ตายคนนั้นแค่ตายชั่วขณะและนี้คือตัวอย่างของผู้มีประสบการณ์ฝังทั้งเป็นที่ฟื้นคืนชีพในโลงศพที่ถึงฝังในดินอย่างน่าสยดสยองปี 1851 เวอรจิเนียเเมคโดเนล (เวอร์จิเนียแมคโดนัลด์) อาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเธอในนิวยอร์กซิตี้และป่วยตายเธอถูกนำไปฝังในสุสานกรีนวู๊ด (Greenwood) บรู๊คลินนิวยอร์คอเมริกาหลังจากพิธีฝังศพผ่านไปแม่ของเธอกลับบอกคนอื่นว่าเธอเชื่อว่าลูกของเธอไม่ตายเธอพูดแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนครอบครัวของเธอทนไหมไหวเลยต้องขุดโลงศพเปิดฝาโลงให้แม่ของเธอหายข้อข้องใจซะแต่ปรากฏว่าพวกเขาพบว่าศพของเวอจิเนียนั้นยังไม่เน่าเธอคืนชีพในโลงและพยายามตะเกียดตะกายที่มือของเธอนั้นสภาพเละอย่างไม่มีชิ้นดีแสดงให้เห็นว่าเธอพยายามทำลายโลงแต่ล้มเหลวและขาดใจตายไปเสียก่อน (ปล. หลังจากนั้นป่าช้าแห่งนี้ได้ถูกย้ายไปที่แห่งใหม่หลายโรงถูกนำมาตรวจสอบก็พบว่ามีศพหลายศพที่ถูกฝังทั้งเป็นจำนวนมาก)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

และแล้วก็มาถึงอันดับ 1 ของเรา "ฝังทั้งเป็น" เรื่องนี้ผมอ่านแล้วน่ากลัวมาก
และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจนกระทั้งแก่เฒ่า
เขาจัดพิธีศพตามหลักศาสนาคริสต์ หาก แต่ไม่ ความมืดความแคบอาการน้อยลงทุกทีทำให้เธอกลายเป็นบ้า จนกระทั้งทนไม่ไหว ซ้ำที่เบิกตาโพลงทำหน้าตาหวาดกลัวใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน .......... มันเป็นจริงซะงั้น! นั้นไม่ค่อยทันสมัยทำให้มีการฝังในโลงศพทั้งๆที่ผู้ตายคนนั้นแค่ตายชั่วขณะและนี้คือตัวอย่าง 1851 เวอรจิเนียเเมคโดเนล (เวอร์จิเนีย Macdonald) เธอถูกนำไปฝังในสุสานกรีนวู๊ด (กรีนวูด) บรู๊คลินนิวยอร์คอเมริกาหลังจากพิธีฝังศพผ่านไป แสดงให้เห็นว่าเธอพยายามทำลายโลง แต่ล้มเหลวและขาดใจตายไปเสียก่อน (ปล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

และแล้วก็มาถึงอันดับ 1 running mate " ฝังทั้งเป็น " เรื่องนี้ผมอ่านแล้วน่ากลัวมากเรื่องเล่ากันว่ามีหญิงชายและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขจนกระทั้งแก่เฒ่าจนกระทั้งวันหนึ่งภรรยาของเขา

คู่หนึ่งแต่งงานกันได้จากไปเขาจัดพิธีศพตามหลักศาสนาคริสต์คือนำศพของเธอมาฝังในโลงศพอย่างดีมาฝังในสุสาน

เพื่อให้เธอพักผ่อนถาวรเรื่องคงจบแต่เพียงเท่านี้หากแต่ไม่เมื่อดึกคืนหนึ่งในขณะที่ฝ่ายชายนอนหลับเขาได้ฝันน่ากลัวเข้าเธอพยายามตะเกียดตะกายเพื่อออกจากโลงที่ถูกฝัง

เมื่อเขาเห็นภรรยาที่อยู่ในโลงศพลืมตาดื่นขึ้นในดินความมืดความแคบอาการน้อยลงทุกทีทำให้เธอกลายเป็นบ้าเธอกำลังร้องชื่อเขาเพื่อมา



ช่วยเหลือเธอฝ่ายชายฝันร้ายแบบนี้ทุกค่ำคืนจนกระทั้งทนไม่ไหวเขาเลยร้องขอให้แพทย์และหน่วยงานท้องถิ่นนำโลงศพของภรรยาของเขาออกมาและเมื่อทั้งหมดเปิดฝาโลงก็ตะลึงเมื่อศพภรรยาของเขาไม่ได้ซ้ำที่เบิกตาโพลงทำหน้าตาหวาดกลัวใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนที่เล็บมีเลือดเกรอะกรัง

เน่าเบื่อและที่ฝาโลงด้านในมีรอยขีดข่วนชัดเจน .

มันเป็นจริงซะงั้น ! เรื่องของศพที่คิดว่าตายแล้วนำมาฝังตามพิธีกรรมทางศาสนาหากแต่ต่อมากลับ
พบว่าผู้ตายนั้นไม่ได้ตายจริงและกลับมาคืนชีพในโลงศพและพยายามตะเกียดตะกายเอาชีวิตรอดแต่ที่น่าแปลกคือเรื่องเหล่านี้กลาย

เรื่องราวเหล่านี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สยองขวัญมากมายเป็นจริงอีกทั้งมีมากกว่าหนึ่งกรณีสาเหตุง่ายมากก็เพราะสมัยก่อนนั้นการตรวจสอบผู้ตายนั้นตายจริงนั้นไม่ค่อยทันสมัยทำให้มีการฝังในโลงศพทั้งๆที่ผู้ตายคนนั้นแค่ตายชั่วขณะและนี้คือ

หรือไม่ตัวอย่างของผู้มีประสบการณ์ฝังทั้งเป็นที่ฟื้นคืนชีพในโลงศพที่ถึงฝังในดินอย่างน่าสยดสยอง

. 1851 เวอรจิเนียเเมคโดเนล ( เวอร์จิเนีย แม็คโดนัลด์ ) อาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเธอในนิวยอร์กซิตี้
และป่วยตายเธอถูกนำไปฝังในสุสานกรีนวู๊ด ( Greenwood ) บรู๊คลินนิวยอร์คอเมริกาหลังจากพิธีแม่ของเธอกลับบอกคนอื่นว่าเธอเชื่อว่าลูกของเธอไม่ตายเธอพูดแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ฝังศพผ่านไปจนครอบครัวของเธอทนไหมไหวเลยต้องขุดโลงศพเปิดฝาโลงให้แม่ของเธอหายข้อข้องใจซะเธอคืนชีพในโลงและพยายามตะเกียดตะกาย
A
ปรากฏว่าพวกเขาพบว่าศพของเวอจิเนียนั้นยังไม่เน่าที่มือของเธอนั้นสภาพเละอย่างไม่มีชิ้นดีแสดงให้เห็นว่าเธอพยายามทำลายโลงแต่ล้มเหลวและ
ขาดใจตายไปเสียก่อน ( ปล . หลังจากนั้นป่าช้าแห่งนี้ได้ถูกย้ายไปที่แห่งใหม่หลายโรงถูกนำมาตรวจ
สอบก็พบว่ามีศพหลายศพที่ถูกฝังทั้งเป็นจำนวนมาก )