Most rain gauges generally measure

Most rain gauges generally measure the precipitation in millimeters equivalent to liters per square meter. The level of rainfall is sometimes reported as inches or centimeters.

Rain gauge amounts are read either manually or by automatic weather station (AWS). The frequency of readings will depend on the requirements of the collection agency. Some countries will supplement the paid weather observer with a network of volunteers to obtain precipitation data (and other types of weather) for sparsely populated areas.

In most cases the precipitation is not retained, however some stations do submit rainfall (and snowfall) for testing, which is done to obtain levels of pollutants.

Rain gauges have their limitations. Attempting to collect rain data in a hurricane can be nearly impossible and unreliable (even if the equipment survives) due to wind extremes. Also, rain gauges only indicate rainfall in a localized area. For virtually any gauge, drops will stick to the sides or funnel of the collecting device, such that amounts are very slightly underestimated, and those of .01 inches or .25 mm may be recorded as a trace.

Another problem encountered is when the temperature is close to or below freezing. Rain may fall on the funnel and ice or snow may collect in the gauge, blocking subsequent rain.

Rain gauges should be placed in an open area where there are no obstacles, such as buildings or trees, to block the rain. This is also to prevent the water collected on the roofs of buildings or the leaves of trees from dripping into the rain gauge after a rain, resulting in inaccurate readings.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มาตรวัดฝนมากที่สุดวัดโดยทั่วไปในการเร่งรัดมิลลิเมตรเท่ากับลิตรต่อตารางเมตร ระดับของปริมาณน้ำฝนมีรายงานบางครั้งก็เป็นนิ้วหรือเซนติเมตร. วัดปริมาณฝนจะอ่านด้วยตนเองหรือโดยสถานีอากาศอัตโนมัติ (AWS) ความถี่ของการอ่านจะขึ้นอยู่กับความต้องการของหน่วยงานจัดเก็บ บางประเทศจะเสริมสังเกตการณ์สภาพอากาศที่ชำระเงินที่มีเครือข่ายอาสาสมัครเพื่อให้ได้ข้อมูลการตกตะกอน (และประเภทอื่น ๆ ของสภาพอากาศ) สำหรับพื้นที่ที่มีประชากรเบาบาง. ในกรณีส่วนใหญ่ฝนจะไม่ถูกเก็บ แต่บางสถานีจะส่งปริมาณน้ำฝน (และหิมะ) สำหรับการทดสอบ ซึ่งจะทำเพื่อให้ได้ระดับของสารมลพิษ. มาตรวัดฝนมีข้อ จำกัด ความพยายามที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลฝนในพายุเฮอริเคนอาจเป็นไปไม่ได้เกือบและไม่น่าเชื่อถือ (แม้ว่าอุปกรณ์มีชีวิตอยู่) เนื่องจากลมสุดขั้ว นอกจากนี้เครื่องวัดฝนเพียงบ่งบอกถึงปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ที่มีการแปล สำหรับแทบวัดใด ๆ ที่จะติดลดลงไปที่ด้านข้างหรือช่องทางของอุปกรณ์จัดเก็บภาษีดังกล่าวว่าจำนวนเงินที่ได้รับการประเมินเล็กน้อยและบรรดา 0.01 นิ้วหรือ 0.25 มมอาจถูกบันทึกเป็นร่องรอย. ปัญหาที่พบก็คือเมื่ออุณหภูมิ อยู่ใกล้กับหรือต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ฝนอาจจะตกอยู่ในช่องทางและน้ำแข็งหรือหิมะอาจจะเก็บรวบรวมในวัด, การปิดกั้นฝนที่ตามมา. มาตรวัดฝนควรจะอยู่ในพื้นที่เปิดโล่งที่มีอุปสรรคไม่เช่นอาคารหรือต้นไม้เพื่อป้องกันฝน และนี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำที่เก็บรวบรวมบนหลังคาของอาคารหรือใบของต้นไม้จากหยดลงไปในวัดปริมาณน้ำฝนหลังฝนตกส่งผลให้ในการอ่านที่ไม่ถูกต้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ฝนตกมากที่สุดวัดโดยทั่วไปจะวัดการตกตะกอนในมิลลิเมตรเท่ากับลิตรต่อตารางเมตร ระดับปริมาณน้ำฝนบางครั้งรายงานเป็นนิ้วหรือเซนติเมตร ปริมาณฝนวัด

อ่านทั้งด้วยตนเองหรือโดยอัตโนมัติสถานี ( AWS ) ความถี่ของการอ่านจะขึ้นอยู่กับความต้องการของหน่วยงานคอลเลกชันบางประเทศจะเสริมจ่ายอากาศสังเกตการณ์ด้วยเครือข่ายอาสาสมัครเพื่อให้ได้ข้อมูลการตกตะกอน ( และชนิดอื่น ๆของอากาศ ) สำหรับพื้นที่ที่มีประชากรเบาบาง .

ในกรณีส่วนใหญ่ การไม่สะสม แต่บางสถานีส่งน้ำ ( หิมะ ) สำหรับการทดสอบ ซึ่งจะทำเพื่อให้ได้ระดับของมลพิษ .

เกจฝนมีข้อจำกัดพยายามที่จะเก็บข้อมูลฝนตกในพายุเฮอริเคนสามารถเกือบเป็นไปไม่ได้และไม่น่าเชื่อถือ ( แม้ว่าอุปกรณ์ที่มีชีวิตอยู่ ) เนื่องจากลมสุดขั้ว นอกจากนี้ ฝนวัดบ่งชี้เฉพาะถิ่นปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ สำหรับความจริงใด ๆ วัด หยด จะติดด้านข้าง หรือ ช่องทางของการจัดเก็บอุปกรณ์ เช่น จํานวนมากเกินไปเล็กน้อย และผู้ ใช้นิ้ว หรือ25 มิลลิเมตร อาจถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐาน อีกปัญหาที่พบคือ

เมื่ออุณหภูมิใกล้เคียงหรือต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ฝนอาจจะตกบนน้ำแข็งหรือหิมะช่องทางและอาจเก็บในวัด , บังฝนตามมา

เกจฝนควรอยู่ในพื้นที่เปิดที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง เช่น อาคาร หรือต้นไม้ เพื่อป้องกันฝนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำสะสมบนหลังคาของอาคาร หรือใบของต้นไม้ในวัด จากหยดฝนหลังฝนตก เป็นผลในความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง