Look at the handloom. It has over a

Look at the handloom. It has over a thousand threads that run from top to bottom. These are called the warp. The weaver had to use the foot pedals to raise every other warp thread (half in total) to make a shed (i.e. a gap). The weaver then used his hands to pass a shuttle, carrying one thread (called the weft) through the shed. The upper warp threads were then lowered and the bottom warp threads raised so that the weaver could pass the shuttle back through the new shed.
Kay introduced a stick or leather strap. This was attached to cords so that instead of using their hands to pass the shuttle between the warp threads, the weaver could jerk the stick from side to side to make the shuttle speed back- wards and forwards through the loom.he flying speeded up weaving. It meant a handloom weaver could weave a length of fabric about 3 or 4 metres long in one day. However, one handloom needed a lot more yarn than one spinner could produce. Between four to eight spinners were needed to spin enough yarn to keep one weaver working. Consequently, people began to look for ways to makes spinning faster and in the 1760s two machines were developed which could spin more than one thread at a time.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดูที่ handloom มันมีมากกว่าพันเธรดที่เรียกใช้จากบนลงล่าง เหล่านี้จะเรียกว่าการ warp ช่างทอผ้าที่มีการใช้คันเหยียบเท้าโก่งทุกแปรปรวนเธรดอื่น (ครึ่งรวม) เพื่อให้โรง (เช่นช่องว่าง) ช่างทอผ้าที่แล้วใช้มือของเขาผ่านรถรับส่ง แบกหัวข้อหนึ่ง (มนุษย์เรียกว่า) ผ่านห้องสแตนดาร์ด Warp บนเธรดได้ลดลงแล้ว และเธรดแปรปรวนล่างยกให้ช่างทอผ้าที่สามารถผ่านอินเตอร์เนตกลับผ่านโรงใหม่เคย์นำสายไม้หรือหนัง นี้ถูกแนบกับสายไฟเพื่อให้แทนการใช้มือของพวกเขาผ่านอินเตอร์เนตระหว่างกระทู้แปรปรวน ช่างทอผ้าที่สามารถตวัดติดจากด้านข้างจะทำให้ความเร็วรถ กลับเขตการปกครองและส่งต่อผ่าน loom.he ไป speeded ค่าทอ หมายความว่า ช่างทอผ้า handloom สามารถทอได้ความยาวของผ้าประมาณ 3 หรือ 4 เมตรมีความยาวในหนึ่งวัน อย่างไรก็ตาม handloom หนึ่งจำเป็นมากขึ้น yarn กว่าสปินเนอร์หนึ่งสามารถผลิต ระหว่างสปินเนอร์ 4-8 ถูกต้องปั่นด้ายให้ช่างทอผ้าหนึ่งทำงานเพียงพอ ดังนั้น ผู้คนเริ่มมองหาวิธีที่จะทำให้ปั่นได้เร็วขึ้น และใน 1760s สองเครื่องได้รับการพัฒนาซึ่งสามารถหมุนเธรดมากกว่าหนึ่งครั้ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดูทอ มันมีมากกว่าหนึ่งพันหัวข้อที่ทำงานจากบนลงล่าง เหล่านี้เรียกว่าวิปริต มีผู้ประกอบการใช้เท้าเหยียบที่จะยกด้ายทุกวิปริตอื่น ๆ (ครึ่งหนึ่งของทั้งหมด) ที่จะทำให้การหลั่ง (เช่นช่องว่าง) ช่างทอผ้าแล้วใช้มือของเขาจะผ่านรถรับส่งถือด้าย (เรียกว่าผ้า) ผ่านเพิง หัวข้อวิปริตบนก็ลดลงแล้วและหัวข้อวิปริตล่างยกขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบสามารถผ่านรถรับส่งกลับผ่านเพิงใหม่.
เคย์แนะนำติดหรือสายหนัง ซึ่งติดอยู่กับสายเพื่อให้แทนการใช้มือของพวกเขาที่จะผ่านรถรับส่งระหว่างหัวข้อวิปริตที่ทอจะเหวี่ยงติดจากทางด้านข้างเพื่อให้ความเร็วในการรับส่งคนไข้ภูมิหลังและส่งต่อผ่าน loom.he บินเร่งรัดการทอผ้า . มันหมายถึงผู้ประกอบทอสามารถสานความยาวของผ้าประมาณ 3 หรือ 4 เมตรยาวในหนึ่งวัน แต่หนึ่งทอจำเป็นมากเส้นด้ายมากกว่าหนึ่งเครื่องปั่นด้ายสามารถผลิต ระหว่าง 4-8 เหยื่อเป็นสิ่งที่จำเป็นในการหมุนเส้นด้ายพอที่จะให้ผู้ประกอบการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นคนเริ่มที่จะมองหาวิธีที่จะทำให้การปั่นเร็วขึ้นและในยุค 1760 สองเครื่องได้รับการพัฒนาที่สามารถหมุนมากกว่าหนึ่งหัวข้อที่เวลา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ดู handloom มันมีพันกว่ากระทู้ที่วิ่งจากบนลงล่าง เหล่านี้เรียกว่าวิปริต . วีเวอร์ต้องใช้เท้าเหยียบเพื่อยกทุกบิดด้าย ( ครึ่งหนึ่งของทั้งหมด ) เพื่อให้หลั่ง ( เช่นช่องว่าง ) ประกอบแล้วใช้มือของเขาผ่านรับส่ง มีหัวข้อหนึ่ง ( เรียกว่าผ้า ) ผ่านการหลั่งกระทู้บนแล้วโค้งลดลงและเส้นด้ายบิดก้นยกเพื่อที่ทอผ่านรับส่งถึงโรงใหม่
เคแนะนำติดหรือสายหนัง นี้ติดสายไฟ ดังนั้นแทนที่จะใช้มือผ่านรับส่งระหว่างเส้นยืน หัวข้อวีเวอร์น่าจะกระชากไม้จากด้านข้างเพื่อให้ความเร็วรับส่ง - วอร์ดและส่งต่อผ่าน loom.he บิน speeded ขึ้นทอ มันตั้งใจจะถักทอ handloom ความยาวของผ้าประมาณ 3 หรือ 4 เมตรยาวในวันเดียว แต่หนึ่ง handloom ต้องการมากขึ้นกว่าหนึ่งสามารถผลิตเส้นด้ายสปินเนอร์ .ระหว่างสี่ถึงแปดสปินเนอร์ต้องปั่นเส้นด้ายพอที่จะเก็บเวอร์ทำงาน จากนั้น คนเริ่มมองหาวิธีที่จะทำให้ปั่นได้เร็วขึ้นและในคริสต์ทศวรรษ 1740 ทั้งสองเครื่องถูกพัฒนาซึ่งสามารถหมุนได้มากกว่าหนึ่งกระทู้ในเวลา