Thus, on a premise that the land to

Thus, on a premise that the land to be cultivated is 15 rai, it can be roughly divided into:

5 rai for rice field


5 rai for field crops


3 rai for a pond, 4 meters deep with a capacity to store about 19,000 cubic meters of water, the amount sufficient for use in the dry season


2 rai for accommodation and other purposes, bringing the total up to 15 rai.



However, the size of the pond depends on the topography and the environment as follows:

- If the land is to be used for cultivation that relies on rainwater, then the pond should be deep to prevent water from evaporating too much, so there will be enough water for the whole year.

- If the land is in an irrigated area, then the pond can be deep or shallow, and narrow or wide as may be suitable, since there is a continual supply of water.

The reason for the pond is for the farmers to have water for use all year round on a regular basis (His Majesty calls this a ‘regulator,’ meaning a good control with a continual water circulation system for cultivation), especially in the dry season and during dry spells. However, it does not mean that farmers can grow off- season paddy since if the amount of water in the pond is insufficient, then water has to be conveyed from a nearby dam, if there is one, which may cause the water in the dam to be depleted. Farmers should grow rice in the rainy season. In the dry season or during dry spells they should use the stored water to the highest benefit agriculturally by growing crops suitable to the seasons in order to have other produce for consumption and also for sale all year round.

His Majesty’s division of land to achieve the highest benefit has been calculated and considered from the rate of land tenure of 15 rai per household. However, farmers with less or more land can also apply the ratio of 30:30:30:10 to their land as follows.
The first 30% is used to dig a pond (where fish can be raised and aquatic plants such as morning glory can be grown). Above the pond chicken coops can be built and along the banks of the pond perennial trees that do not need much water to subsist can also be grown.

The second 30% is used for rice farming.

The third 30% is used to grow field crops and orchard trees (fruit trees, perennial trees, trees whose wood can be used for general purposes, for firewood, or for construction, field crops, vegetables, and herbs).

The final 10% is for accommodation and other purposes (paths, levees, haystacks, space for drying compost, sheds, for mushroom culture, animal pens, flower and ornamental plants, and a kitchen garden).

Nevertheless, the above ratio is only a rough formula or principle that can be changed or improved depending on the conditions of the terrain, the amount of rainfall, and the environment. For example, in the South where it rains constantly or in areas where water sources are available to refill the pond, the size of the pond can be reduced to make room for other uses.

There are several factors involved in carrying out the New Theory depending on the topography and the environment of each locality. Therefore, farmers should be advised by officials. The most significant thing is the cost of investment is rather high, especially for digging the pond. Farmers must receive help from the government, foundations, and the private sector.
While the pond is being dug, the topsoil which is fertile should be piled aside to be used for growing plants later on by spreading it over the lower level soil which is less fertile, or it can be otherwise utilized to build the edge of the pond or beds to grow fruit trees.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดังนั้น รื่นรมย์ที่ว่าที่ดินที่จะปลูก 15 ไร่ มันสามารถแบ่งคร่าว ๆ ได้เป็น:นาข้าว 5 ไร่5 ไร่พืชไร่ไร่ 3 บ่อ มีความจุประมาณ 19000 ลูกบาศก์เมตรของน้ำ ยอดเงินเพียงพอสำหรับใช้ในฤดูแล้งเก็บลึก 4 เมตรเชียงราย 2 ที่พักและเพื่อวัตถุประสงค์อื่น นำผลรวมได้ 15 ไร่ อย่างไรก็ตาม ขนาดของบ่อขึ้นอยู่กับภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อมเป็นดังนี้:-ถ้าที่ดินจะใช้สำหรับการเพาะปลูกที่อาศัยแบบสายฝน แล้วบ่อควรลึกเพื่อ ป้องกันไม่ให้น้ำระเหยมากเกินไป จึงจะมีน้ำเพียงพอตลอดทั้งปี-ถ้าที่ดินอยู่ในพื้นที่ยาม แล้วบ่อได้ลึก หรือ ตื้น และแคบ หรือความกว้างอาจเหมาะ เนื่องจากมีอุปทานอย่างต่อเนื่องของน้ำเหตุผลสำหรับบ่อเป็นเกษตรกร มีน้ำใช้ตลอดทั้งปีเป็นประจำ (สมเด็จพระเรียกนี้เป็น 'เครื่องปรับลม หมายถึง การควบคุมที่ดี มีระบบหมุนเวียนน้ำอย่างต่อเนื่องสำหรับการเพาะปลูก), โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฤดูแล้ง และใน ระหว่างที่ spells แห้ง อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้หมายความ ว่า เกษตรกรสามารถปลูกนาปิดฤดูกาลตั้งแต่ถ้าปริมาณของน้ำในบ่อไม่เพียงพอ แล้วเป็นเลียงจากเขื่อนใกล้เคียง ถ้ามี ซึ่งอาจทำให้น้ำในเขื่อนจะมีพร่อง น้ำ เกษตรกรควรปลูกข้าวในฤดูฝน ในฤดูแล้ง หรือ ระหว่าง spells แห้งควรใช้น้ำที่เก็บไว้เพื่อประโยชน์สูงสุดเกษตรกรรมโดยเติบโตขยายเหมาะกับซีซั่นที่การผลิตอื่น ๆ สำหรับปริมาณการใช้ และขายได้ตลอดทั้งปีส่วนของพระของแผ่นดินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้รับการคำนวณ และพิจารณาจากอายุงานที่ดิน 15 ไร่ต่อครัวเรือนอัตราการ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรที่ มีที่ดินน้อยกว่า หรือมากกว่ายังสามารถใช้อัตราส่วนของ 30:30:30:10 กับที่ดินดังนั้นใช้ครั้งแรก 30% ขุดสระน้ำ (ซึ่งปลาสามารถยก และน้ำพืชเช่นสามารถปลูก) ข้างบนบ่อไก่ coops สามารถสร้าง และของต้นไม้ยืนต้นบ่อน้ำที่ไม่ต้องการน้ำมากเพื่อ subsist สามารถยังสามารถเติบโตขึ้นที่สอง 30% ใช้สำหรับทำนาข้าวที่สาม 30% จะใช้ในการปลูกพืชไร่และสวนต้นไม้ (ต้นไม้ ต้นไม้ยืนต้น ไม้ไม้ที่ใช้ สำหรับวัตถุประสงค์ทั่วไป ฟืน หรือ การก่อสร้าง พืชไร่ ผัก สมุนไพร)10% สุดท้ายเป็นสถานที่พักและเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ (เส้นทาง levees เกรด อาวุธ พื้นที่สำหรับปุ๋ยแห้ง sheds วัฒนธรรมเห็ด ปากกาสัตว์ ดอกไม้ไม้ดอกไม้ประดับ และสวนครัว)อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนข้างต้นเป็นเพียงสูตรคร่าว ๆ หรือหลักการที่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงตามสภาพของภูมิประเทศ ปริมาณน้ำฝน และสิ่งแวดล้อม ตัวอย่าง ในภาคใต้ที่ฝนตกตลอดเวลา หรือ ในพื้นที่ว่างเพื่อเติมบ่อแหล่งน้ำ ขนาดของบ่อสามารถลดทำสำหรับใช้งานอื่น ๆมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้องกับการดำเนินการทฤษฎีใหม่ตามภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่น ดังนั้น เกษตรกรควรทราบ โดยเจ้าหน้าที่ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้นทุนของการลงทุนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับขุดบ่อ เกษตรกรต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล มูลนิธิ และภาคเอกชนในขณะที่มีการขุดบ่อ ควรชั้น topsoil ที่อุดมสมบูรณ์ไว้ใช้สำหรับปลูกพืชในภายหลังโดยแพร่กระจายผ่านดินระดับล่างซึ่งเป็นที่อุดมสมบูรณ์น้อย หรือมันสามารถถูกหรือใช้สร้างขอบบ่อหรือเตียงเพื่อปลูกต้นไม้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดังนั้นบนสมมติฐานว่าที่ดินที่จะปลูก 15 ไร่ก็สามารถแบ่งออกเป็น: 5 ไร่นาข้าว5 ไร่พืชไร่3 ไร่บ่อลึก 4 เมตรมีความจุในการจัดเก็บประมาณ 19,000 ลูกบาศก์เมตร น้ำในปริมาณที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในฤดูแล้ง. 2 ไร่ที่พักและวัตถุประสงค์อื่น ๆ นำไปรวมถึง 15 ไร่อย่างไรก็ตามขนาดของบ่อขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมดังนี้- ถ้าที่ดินเป็น ที่จะใช้สำหรับการเพาะปลูกที่อาศัยน้ำฝนแล้วบ่อควรจะลึกเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากการระเหยมากเกินไปดังนั้นจะมีน้ำเพียงพอตลอดทั้งปี. - หากที่ดินที่อยู่ในเขตชลประทานแล้วบ่อสามารถ ลึกหรือตื้นและแคบหรือกว้างอาจจะเหมาะสมเนื่องจากมีอุปทานอย่างต่อเนื่องของน้ำ. เหตุผลสำหรับบ่อสำหรับเกษตรกรที่จะมีน้ำใช้ตลอดทั้งปีเป็นประจำ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรียกพระองค์นี้ ควบคุม 'หมายถึงการควบคุมที่ดีด้วยระบบการไหลเวียนของน้ำสำหรับการเพาะปลูกอย่างต่อเนื่อง) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูแล้งและในช่วงแล้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเกษตรกรจะสามารถเติบโตได้ข้าวนอกฤดูกาลเพราะถ้าปริมาณน้ำในบ่อไม่เพียงพอแล้วน้ำจะต้องมีการถ่ายทอดจากเขื่อนในบริเวณใกล้เคียงหากมีหนึ่งซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำในเขื่อน ที่จะหมดลง เกษตรกรควรปลูกข้าวในฤดูฝน ในฤดูแล้งหรือในช่วงแล้งพวกเขาควรจะใช้น้ำที่เก็บไว้เพื่อประโยชน์สูงสุดอู่ข้าวอู่น้ำโดยปลูกพืชที่เหมาะสมกับฤดูกาลเพื่อให้มีการผลิตอื่น ๆ เพื่อการบริโภคและการขายตลอดทั้งปี. ส่วนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของที่ดินที่จะบรรลุ ประโยชน์สูงสุดได้รับการคำนวณและพิจารณาจากอัตราการถือครองที่ดิน 15 ไร่ต่อครัวเรือน อย่างไรก็ตามเกษตรกรที่มีที่ดินน้อยลงหรือมากขึ้นนอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้อัตราส่วน 30: 30: 30: 10 ไปยังดินแดนของพวกเขาดังต่อไปนี้. ครั้งแรกที่ 30% จะใช้ในการขุดบ่อ (ที่ปลาสามารถยกและพืชน้ำเช่นผักบุ้ง สามารถปลูกได้) ดังกล่าวข้างต้นเล้าไก่บ่อสามารถสร้างและริมฝั่งของต้นไม้บ่อยืนต้นที่ไม่ต้องการน้ำมากในการดำรงชีวิตนอกจากนี้ยังสามารถเติบโต. ที่สอง 30% จะใช้สำหรับการทำนา. ที่สาม 30% จะใช้ในการปลูกพืชไร่ และต้นไม้ที่สวนผลไม้ (ไม้ผลไม้ยืนต้นเป็นต้นไม้ที่ไม้สามารถนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไปฟืนหรือสำหรับการก่อสร้างพืชไร่พืชผักและสมุนไพร). สุดท้าย 10% สำหรับห้องพักและวัตถุประสงค์อื่น ๆ (เส้นทางเขื่อน , ฟาง, พื้นที่สำหรับปุ๋ยหมักแห้งโรงเรือนสำหรับการเพาะเลี้ยงเห็ด, ปากกาสัตว์ดอกไม้และไม้ประดับและสวนครัว). อย่างไรก็ตามอัตราส่วนดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงสูตรขรุขระหรือหลักการที่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ ของภูมิประเทศปริมาณของปริมาณน้ำฝนและสภาพแวดล้อม ยกตัวอย่างเช่นในภาคใต้ที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่องหรือในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำที่มีอยู่เพื่อเติมบ่อขนาดของบ่อจะลดลงเพื่อให้มีความหมายอื่น. มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการดำเนินทฤษฎีใหม่ขึ้นอยู่เป็น ในภูมิประเทศและสภาพแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่น ดังนั้นเกษตรกรควรให้คำแนะนำโดยเจ้าหน้าที่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้นทุนของเงินลงทุนค่อนข้างสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการขุดบ่อ เกษตรกรจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลมูลนิธิและภาคเอกชน. ในขณะที่บ่อจะถูกขุดดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ควรจะซ้อนกันที่จะใช้สำหรับการปลูกพืชในภายหลังโดยการกระจายมันมากกว่าดินชั้นล่างซึ่งน้อย อุดมสมบูรณ์หรือสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นที่จะสร้างขอบบ่อหรือเตียงที่จะปลูกต้นไม้ผลไม้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ดังนั้น ในสถานที่ตั้งที่ที่ดินที่จะปลูกเป็น 15 ไร่ สามารถประมาณแบ่งออกเป็น :

5 ไร่ นาข้าว


5 ไร่ พืชไร่


3 ไร่เป็นบ่อลึก 4 เมตร มีความจุเก็บประมาณ 19 , 000 ลูกบาศก์เมตร ปริมาณที่เพียงพอ เพื่อใช้ในฤดูแล้ง


2 ไร่ และที่พักอื่น ๆวัตถุประสงค์ รวมทั้งสิ้นถึง 15 ไร่ .



อย่างไรก็ตามขนาดของบ่อ ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศ และสิ่งแวดล้อมดังนี้

- ถ้าที่ดินถูกใช้สำหรับการปลูกที่อาศัยน้ำฝน แล้วบ่อควรลึกเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากการระเหยมาก ดังนั้นจะมีน้ำเพียงพอตลอดปี

- ถ้าที่ดินในเขตชลประทาน ก็บ่อได้ลึกหรือตื้น และแคบ หรือกว้าง เช่น อาจจะเหมาะสมเนื่องจากมีอุปทานอย่างต่อเนื่องของน้ำ

เหตุผลที่บ่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้ทั้งปี เป็นประจำ ( พระสายนี้ ' ควบคุม ' ความหมายดี ควบคุมด้วยระบบน้ำหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง สำหรับการเพาะปลูก ) โดยเฉพาะในฤดูฝนและในคาถา แห้ง อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่า เกษตรกรสามารถปลูกข้าวตั้งแต่ปิดฤดูกาล หากปริมาณน้ำในบ่อมีน้ำไม่เพียงพอ ก็ต้องได้รับการถ่ายทอดจากเขื่อนที่อยู่ใกล้เคียง หากมีคนหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้น้ำในเขื่อนให้หมด เกษตรกรควรปลูกข้าวในฤดูฝนในฤดูแล้ง หรือในระหว่าง spells แห้งควรใช้เก็บน้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเกษตร โดยการปลูกพืชให้เหมาะสมกับฤดูกาล เพื่อที่จะได้ผลิตอื่น ๆเพื่อการบริโภค และยังขายได้ตลอดทั้งปี

ของฝ่าบาท กองที่ดินเพื่อให้บรรลุประโยชน์สูงสุดได้ถูกคำนวณและพิจารณาจากอัตรา การถือครองที่ดิน 15 ไร่ต่อครัวเรือน อย่างไรก็ตามเกษตรกรที่มีที่ดินน้อยกว่าหรือมากกว่านอกจากนี้ยังใช้อัตราส่วนของ 30:30:30:10 กับที่ดินของตน ดังนี้
ก่อน 30 % ใช้ในการขุดบ่อ ( ที่สามารถเลี้ยงปลา และพืชน้ำ เช่น ผักบุ้งก็ปลูก ) เหนือบ่อเล้าไก่สามารถสร้าง และตามธนาคารของสระน้ำ ไม้ยืนต้น ไม้ที่ไม่ต้องการน้ำมาก เรายังสามารถโต

วินาทีที่ 30 % ใช้สำหรับทำนา

3 30% ใช้ปลูกพืชไร่และสวนผลไม้ ต้นไม้ ( ไม้ผล ไม้ยืนต้น ไม้ ต้นไม้ ต้นไม้ที่สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไป ฟืน หรือเพื่อการก่อสร้าง พืชไร่ พืชผัก และสมุนไพร ) .

สุดท้าย 10% สำหรับที่พัก และวัตถุประสงค์อื่น ๆ ( เส้นทางเขื่อนฟาง , พื้นที่ , ปุ๋ยหมักแห้งหาย สำหรับเพาะเห็ดคอกสัตว์ , ดอกไม้และไม้ประดับและสวนครัว ) .

อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวเป็นเพียงคร่าวๆ สูตรหรือหลักการที่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุง ขึ้นอยู่กับสภาพของภูมิประเทศ ปริมาณน้ำฝน และสภาพแวดล้อม ตัวอย่างเช่น ในภาคใต้ที่มีฝนตกตลอดเวลา หรือในพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำพร้อมเติมสระขนาดของบ่อจะลดลงเพื่อให้ห้องพักสำหรับการใช้อื่น ๆ .

มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามทฤษฎีใหม่ ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศ และสิ่งแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่น ดังนั้นเกษตรกรควรทราบ โดยเจ้าหน้าที่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้นทุนของการลงทุนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการขุดบ่อ เกษตรกรจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลมูลนิธิ และภาคเอกชน ขณะที่การขุดบ่อ
, ดินที่อุดมสมบูรณ์ ควรจะใส่ไว้ เพื่อใช้สำหรับปลูกพืชในภายหลังโดยการแพร่กระจายทางลดระดับดินที่อุดมสมบูรณ์น้อยลง หรืออาจจะอย่างอื่นใช้เพื่อสร้างขอบบ่อหรือเตียงปลูกไม้ผล