The distance of disparagement - eth

The distance of disparagement - ethnocentric people might try to avoid having contact with people of others by calling them names. For example, in the U.S., the African-Americans were and are still called "nigger," the Japanese were occasionally called "nip," and the Chinese were called "chink."
Communicative distance through the ethnocentric speech can occur anywhere in the world. Gudykunst says that everyone is ethnocentric to some degree. Thid view is supported by Segall (1994) who says ethnocentrism is now recognized as a universal phenomenon experienced in all cultures. Therefore, because of the way is brought up in the society, s/he finally grows up to be more or less ethnocentric.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระยะห่างของ disparagement - ethnocentric คนอาจพยายามหลีกเลี่ยงการติดต่อกับคนอื่น โดยการเรียกชื่อพวกเขา ตัวอย่าง ในสหรัฐ แอฟริกันอเมริกันได้ และจะยังคงเรียกว่า "nigger ญี่ปุ่นได้บางครั้งเรียกว่า"nip" และจีนเรียกว่า"chink "ระยะสื่อสารผ่านเสียง ethnocentric สามารถเกิดขึ้นที่ใดก็ได้ในโลก Gudykunst บอกทุกคนว่า ethnocentric ไปบางส่วน ดู Thid ได้รับการสนับสนุน โดย Segall (1994) ที่กล่าวว่า ethnocentrism ขณะนี้ได้รับการยอมรับเป็นปรากฏการณ์สากลที่มีประสบการณ์ในวัฒนธรรมทั้งหมด ดังนั้น เนื่องจากวิธีการนำค่าในสังคม หล่อสุดท้ายเติบโตขึ้นจะมากหรือน้อย ethnocentric

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระยะทางของการดูถูก - ethnocentric คนอาจพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการติดต่อกับบุคคลของผู้อื่นโดยการเรียกพวกเขาชื่อ ตัวอย่างเช่นในสหรัฐอเมริกา , แอฟริกาอเมริกันและยังเรียกว่า " นิโกร " ญี่ปุ่นบางครั้งเรียกว่า " หนีบ " และจีนเรียกว่า " รอยร้าว "
ระยะทางเพื่อการสื่อสารโดยการพูด ethnocentric สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ในโลกgudykunst บอกว่าทุกคน ethnocentric ไปบางส่วน ทิดวิวได้รับการสนับสนุนโดยเซกัล ( 1994 ) ที่บอกว่า การหลงชาติพันธุ์คือตอนนี้รู้จักเป็นสากลปรากฏการณ์ที่มีประสบการณ์ในทุกวัฒนธรรม ดังนั้น การที่จะนำขึ้นในสังคม , s / เขาก็เติบโตขึ้น ethnocentric จะมากขึ้นหรือน้อยลง