In 2011, the Census Bureau reported

In 2011, the Census Bureau reported that the country’s poverty rate was 15.1 percent—the highest rate in nearly 20 years. One policy prescription for this problem is an increase in the federal minimum wage. It’s an intuitive thought: Raise the wages of the lowest paid workers, and poverty rates are sure to fall.

Unfortunately, the empirical evidence hasn’t borne this out. Instead, multiple studies have demonstrated little to no relationship between a higher minimum wage and reductions in poverty.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในปี 2554 สำนักงานสำมะโนรายงานว่า อัตราความยากจนของประเทศอยู่ร้อยละ 15.1 — อัตราสูงสุดในเกือบ 20 ปี ใบสั่งยานโยบายหนึ่งสำหรับปัญหานี้เป็นการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลกลาง จึงคิดว่าการใช้งานง่าย: เพิ่มค่าจ้างของคนรับค่าจ้างต่ำสุด และอัตราความยากจนจะต้องอยู่อับ ประจักษ์หลักฐานยังไม่แบกรับนี้ออก แทน ศึกษาหลายมีสาธิตน้อยถึงไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างค่าจ้างขั้นต่ำที่สูงขึ้นและลดความยากจน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปี 2011 สำนักสำรวจสำมะโนประชากรรายงานว่าอัตราความยากจนของประเทศเป็นร้อยละ 15.1 อัตราที่สูงที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี การกําหนดนโยบายหนึ่งสำหรับปัญหานี้คือการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลกลาง มันเป็นความคิดที่ใช้งานง่าย:. เพิ่มค่าจ้างของแรงงานจ่ายต่ำสุดและอัตราความยากจนแน่ใจว่าจะลดลงแต่น่าเสียดายที่หลักฐานเชิงประจักษ์ยังไม่ได้พัดพาออกนี้ แต่การศึกษาได้แสดงให้เห็นหลาย ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ กับความสัมพันธ์ระหว่างค่าจ้างขั้นต่ำที่สูงขึ้นและการลดความยากจนในไม่มี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใน 2011 , การสำรวจสำมะโนประชากรรายงานว่าอัตราความยากจนของประเทศคือ 15.1 เปอร์เซ็นต์ อัตราสูงสุดในรอบเกือบ 20 ปี หนึ่งในนโยบายของใบสั่งยาสำหรับปัญหานี้คือการเพิ่มขึ้นในค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาลกลาง มันเป็นความคิดที่ชาญฉลาด : เพิ่มค่าจ่ายค่าจ้างของคนงาน และอัตราความยากจนจะตก

ขออภัย ยังไม่ได้รับหลักฐานเชิงประจักษ์นี้ แทนหลายการศึกษาแสดงให้เห็นเพียงเล็กน้อยไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำและการลดความยากจน