In order to understand what makes a

In order to understand what makes a laser suitable for cutting, one must distinguish its unique
features in comparison to ordinary light.
Conventional light produces waves, which radiate out in all directions to fill up and illuminate a
wide area. The energy intensity rapidly decreases as waves moves away from the source,
just as the sun's intensity is diminished when it finally reaches the earth.
The laser on the other hand provides a stream of collimated, coherent light waves which give
it exceptional intensity and direction ability. Lacking the dispersion of conventional light, a
laser can be easily projected as a beam over relatively long distances while maintaining
nearly all of its useful power output.
The use of lasers for cutting can be thought of in the same way as that of focusing sunlight
with a magnifying glass to produce a concentrated source of heat energy. While this method
only results in a few burned holes in paper, it gives us an illustration that light is indeed a
source of energy with potential material processing capabilities.
A laser can be used for cutting by exposing material to the intense heat energy developed by
its beam. If that heat input to the material is greater than that material's ability to reflect,
conduct, or disperse the added energy, it will cause a sudden rise in temperature of the
material at that point. If the temperature rise is substantial enough, the input heat is capable
of initialising a hole by vaporizing the material. The linear movement of this intense heat
energy with respect to the material provides cutting action.
In most cases the "raw" (unfocused) beam of even high power (multi-kilowatt) industrial lasers
has inadequate energy to do much more than slowly heat a surface. Therefore, the beam is
directed through a focusing lens. This allows the energy to be concentrated into a spot of less
than 0.25 mm thus producing power densities of over a million watts per centimeter squared,
capable of vaporizing many materials.
While intense heat is capable of vaporising material, the control of that heat is essential in
determining quality. The key performance features of a laser are those beam characteristics
that affect the resultant power density as it is directed onto the workpiece.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความเข้าใจในสิ่งที่ทำให้เลเซอร์ที่เหมาะสำหรับตัด หนึ่งต้องแยกความแตกต่างไม่ซ้ำกันลักษณะการทำงาน โดยแสงธรรมดาแสงทั่วไปผลิตคลื่น ซึ่งแผ่ออกทุกทิศทางเพื่อกรอก และแสงสว่างบริเวณกว้าง ความเข้มพลังงานอย่างรวดเร็วลดลงเป็นคลื่นเคลื่อนที่จากแหล่งที่มาเหมือนความเข้มของดวงอาทิตย์จะลดลงเมื่อถึงโลกในที่สุดเลเซอร์คงช่วยให้กระแส collimated, coherent แสงคลื่นซึ่งทำให้เรื่องความสามารถในความเข้มและทิศทางที่ยอดเยี่ยม ขาดการกระจายตัวของแสงธรรมดา การเลเซอร์สามารถจะได้คาดการณ์เป็นแสงระยะค่อนข้างไกลในขณะที่รักษาเกือบทั้งหมดของผลผลิตพลังงานที่เป็นประโยชน์การใช้แสงเลเซอร์สำหรับตัดสามารถคิดในแบบเดียวกับที่เน้นแสงมีแว่นขยายในการผลิตแหล่งความเข้มข้นของพลังงานความร้อน ในขณะที่วิธีนี้ผลลัพธ์เฉพาะในหลุมกี่เขียนในกระดาษ มันทำให้เราภาพที่สว่างเป็นแหล่งพลังงานที่มีความสามารถมีศักยภาพแปรรูปวัสดุเลเซอร์สามารถใช้สำหรับตัดวัสดุกับพลังงานความร้อนโดยเปิดเผยของลำแสง ถ้าความร้อนที่ป้อนเข้าวัสดุมากกว่าวัสดุที่สามารถสะท้อนดำเนินการ หรือกระจายพลังงานเพิ่ม มันจะทำให้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของอุณหภูมิวัสดุณจุดนั้น ถ้าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นจะพบเพียงพอ ความร้อนที่ป้อนเข้ามีความสามารถในของ initialising รูโดย vaporizing วัสดุ การเคลื่อนที่เชิงเส้นของความร้อนนี้ดำเนินการตัดพลังงานกับวัสดุทางในที่สุดกรณีคาน (unfocused) "วัตถุดิบ" ของแสงเลเซอร์อุตสาหกรรมพลังงานยิ่งสูง (หลายกิโลวัตต์)มีพลังงานไม่เพียงพอจะทำช้ามากมากกว่าความร้อนพื้นผิว ดังนั้น เป็นคานโดยตรงผ่านเลนส์มุ่งพัฒนา นี้ช่วยให้พลังงานเพื่อให้เข้มข้นเป็นจุดน้อยกว่า 0.25 มม. ผลิตพลังงานความหนาแน่นของกว่าล้านวัตต์ต่อเซนติเมตรดังนั้น ลอการิทึมความสามารถของ vaporizing หลายวัสดุในขณะที่ความร้อนจะสามารถ vaporising วัสดุ การควบคุมความร้อนที่เป็นสิ่งจำเป็นในกำหนดคุณภาพ คุณลักษณะประสิทธิภาพหลักของเลเซอร์มีลักษณะลำแสงที่ผลต่อความหนาแน่นของพลังงานผลแก่เป็นมันเป็นผู้กำกับไปยังเทคโนโลยี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่ทำให้เลเซอร์ที่เหมาะสมสำหรับการตัดหนึ่งต้องแยกความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณสมบัติในการเปรียบเทียบกับไฟธรรมดา. แสงธรรมดาผลิตคลื่นที่แผ่ออกไปในทุกทิศทุกทางที่จะเติมและแสงสว่างบริเวณกว้าง ความเข้มของพลังงานที่ลดลงอย่างรวดเร็วในขณะที่คลื่นเคลื่อนห่างจากแหล่งที่มาเช่นเดียวกับความรุนแรงของดวงอาทิตย์จะลดน้อยลงเมื่อในที่สุดมันก็มาถึงแผ่นดิน. เลเซอร์ในมืออื่น ๆ ให้กระแสของรังสีคลื่นแสงที่เชื่อมโยงกันซึ่งให้มันเข้มที่โดดเด่นและทิศทางความสามารถ. ขาดการกระจายของแสงธรรมดาเป็นเลเซอร์ที่สามารถคาดการณ์ได้อย่างง่ายดายเป็นลำแสงในระยะทางไกลพอสมควรในขณะที่รักษาเกือบทั้งหมดของการส่งออกพลังงานที่มีประโยชน์. การใช้เลเซอร์สำหรับการตัดสามารถจะคิดในทางเดียวกันกับที่มุ่งเน้นแสงแดดด้วยแว่นขยายในการผลิตเป็นแหล่งที่มีความเข้มข้นของพลังงานความร้อน ในขณะที่วิธีการนี้เท่านั้นที่จะส่งผลในไม่กี่เผาหลุมในกระดาษมันทำให้เราเป็นตัวอย่างว่าแสงย่อมเป็นแหล่งที่มาของพลังงานที่มีความสามารถในการประมวลผลวัสดุที่มีศักยภาพ. เลเซอร์สามารถนำมาใช้สำหรับการตัดโดยการเปิดเผยสาระสำคัญต่อการใช้พลังงานความร้อนที่รุนแรงที่พัฒนาโดยที่คาน ถ้าความร้อนกับวัสดุที่มีค่ามากกว่าความสามารถของวัสดุที่จะสะท้อนให้เห็น, การปฏิบัติหรือการกระจายพลังงานเพิ่มก็จะทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันในอุณหภูมิของวัสดุที่จุดนั้น หากอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากพอร้อนใส่เป็นความสามารถของ initialising หลุมโดย vaporizing วัสดุ การเคลื่อนไหวเชิงเส้นของความร้อนที่รุนแรงนี้พลังงานที่เกี่ยวกับวัสดุที่ให้ตัดการกระทำ. ในกรณีส่วนใหญ่ "ดิบ" (เลื่อนลอย) ลำแสงของแม้กระทั่งพลังงานสูง (หลายกิโลวัตต์) เลเซอร์อุตสาหกรรมมีพลังงานไม่เพียงพอที่จะทำอะไรมากไปกว่าช้าความร้อนพื้นผิว ดังนั้นคานเป็นผู้กำกับผ่านเลนส์โดยมุ่งเน้น นี้จะช่วยให้พลังงานที่จะเข้มข้นเป็นจุดที่น้อยกว่า 0.25 มมจึงผลิตความหนาแน่นพลังงานกว่าล้านวัตต์ต่อเซนติเมตรยืด, ความสามารถในการระเหยวัสดุหลายชนิด. ในขณะที่ความร้อนที่มีความสามารถของวัสดุ vaporising การควบคุมความร้อนที่เป็นสิ่งจำเป็น ในการกำหนดคุณภาพ คุณสมบัติที่สำคัญของผลการดำเนินงานเลเซอร์เป็นลักษณะคานผู้ที่มีผลต่อความหนาแน่นของพลังงานผลลัพธ์ตามที่มีการกำกับลงบนชิ้นงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพื่อที่จะเข้าใจสิ่งที่ทำให้เลเซอร์เหมาะสำหรับตัด ต้องแยกแยะคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ของมันในการเปรียบเทียบกับ แสง ธรรมดา
.
ไฟเดิมสร้างคลื่นที่แผ่ออกทุกทิศทางเพื่อเติมและให้แสงสว่าง
กว้างพื้นที่ ความเข้มพลังงานอย่างรวดเร็วลดลงเป็นคลื่นเคลื่อนออกห่างจากแหล่ง
เช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ ความรุนแรงจะลดลงเมื่อมันมาถึงโลก
เลเซอร์ บนมืออื่น ๆมีลำธารให้สอดคล้องกัน , คลื่นแสง ซึ่งให้ความพิเศษและทิศทาง
มันความสามารถในการ ขาดการกระจายของแสง ธรรมดา ,
เลเซอร์สามารถฉายเป็นคานเหนือระยะทางค่อนข้างยาว ในขณะที่การรักษา
เกือบทั้งหมดของพลังงานมีประโยชน์ .
การใช้เลเซอร์ในการตัดสามารถคิดในแบบเดียวกับที่เน้นแสงแดด
ด้วยแว่นขยายเพื่อผลิตจากแหล่งพลังงานความร้อน ในขณะที่วิธีนี้
เพียงผลในไม่กี่เผาหลุมในกระดาษ มันช่วยให้เรามีภาพประกอบแสงนั้นย่อมเป็นแหล่งพลังงานที่มีความสามารถในการประมวลผล

วัสดุที่อาจเกิดขึ้นเลเซอร์ที่สามารถใช้สำหรับการตัด โดยเปิดเผยวัสดุความร้อนเข้มพลังงานที่พัฒนาโดย
ของบีม ถ้าความร้อนนำเข้าวัสดุมากกว่าวัสดุที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึง
ความประพฤติหรือสลายเป็นพลังงาน ก็จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันในอุณหภูมิของ
วัสดุที่จุดที่ ถ้าอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเป็นรูปธรรมเพียงพอ เข้ามีความสามารถ
ความร้อนของกำลังเริ่มการใช้งานหลุมโดย vaporizing วัสดุ การเคลื่อนไหวเชิงเส้นของพลังงานความร้อนเข้ม
ที่มีต่อวัสดุให้ตัดการกระทำ
ในกรณีส่วนใหญ่ " ดิบ " ( unfocused ) คานของพลังงานสูง ( หลายกิโลวัตต์ ) อุตสาหกรรมพลังงานเลเซอร์
มีมากกว่าเพียงพอที่จะทำช้าๆความร้อนพื้นผิว ดังนั้น แสง
กำกับผ่านเน้นเลนส์นี้จะช่วยให้พลังงานที่จะเน้นในจุดของน้อย
กว่า 0.25 มม. ดังนั้นการผลิตพลังงานหนาแน่นกว่าล้านวัตต์ ต่อเซนติเมตรสี่เหลี่ยม
สามารถ vaporizing วัสดุหลาย .
ในขณะที่ความร้อนที่รุนแรงสามารถ vaporising วัสดุ ควบคุมความร้อนที่จำเป็นใน
กำหนดคุณภาพ คีย์คุณสมบัติที่มีประสิทธิภาพของเลเซอร์เป็นลำแสงลักษณะ
เหล่านั้นที่มีผลต่อความหนาแน่นของพลังงานซึ่งเป็นโดยตรงลงบนชิ้นงาน