Around 5% of children have a signif

Around 5% of children have a significant reading impairment despite normal reading instruction,normalintelligence,andtheabsenceofanyknownneurologicalorpsychological problems. This condition—often called developmental dyslexia (Hulme & Snowling, 2009)—not only affects a child’s academic achievements, but increases their risk for anxiety, depression, conduct disorder, and hyperactivity (Carroll et al., 2005). Thus, it is criticaltodiscoverhowtotreatpoorreadersasearlyandeffectivelyaspossible.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประมาณ 5% ของเด็กที่มีการด้อยค่าการอ่านสำคัญแม้ มีการเรียนการสอนปกติอ่าน normalintelligence, andtheabsenceofanyknownneurologicalorpsychological ปัญหา เงื่อนไขนี้ — มักจะเรียกว่าพัฒนาการดิส (Hulme & Snowling, 2009) — ไม่เพียงแต่มีผลต่อความสำเร็จทางวิชาการของเด็ก แต่เพิ่มความเสี่ยงสำหรับความวิตกกังวล ซึมเศร้า การดำเนินโรค และสมาธิสั้น (คาร์โรลล์ et al. 2005) ดังนั้น มันเป็น criticaltodiscoverhowtotreatpoorreadersasearlyandeffectivelyaspossible

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประมาณ 5% ของเด็กที่มีความบกพร่องในการอ่านอย่างมีนัยสำคัญแม้จะมีการเรียนการสอนการอ่าน normalintelligence ปัญหา andtheabsenceofanyknownneurologicalorpsychological ปกติ สภาพนี้มักจะเรียกว่าดิสพัฒนาการ (Hulme & Snowling 2009) -Not จะมีผลต่อความสำเร็จทางวิชาการของเด็ก แต่จะเพิ่มความเสี่ยงของพวกเขาสำหรับความวิตกกังวล, ซึมเศร้า, ความผิดปกติของการดำเนินการและสมาธิสั้น (แครอล et al., 2005) ดังนั้นจึงเป็น criticaltodiscoverhowtotreatpoorreadersasearlyandeffectivelyaspossible

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประมาณ 5% ของเด็กมีการอ่านบกพร่องสำคัญแม้จะสอนการอ่านปกติ normalintelligence ปัญหา andtheabsenceofanyknownneurologicalorpsychological . เงื่อนไขนี้มักจะเรียกว่าพัฒนาการดิส ( ฮูล์ม & snowling 2009 ) - ไม่เพียงมีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็ก แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงของพวกเขาสำหรับความวิตกกังวล , ซึมเศร้า , ความประพฤติผิดปกติและสมาธิสั้น ( คาร์โรลล์ et al . , 2005 ) ดังนั้น มัน criticaltodiscoverhowtotreatpoorreadersasearlyandeffectivelyaspossible .