นครสวรรค์เป็นเมืองโบราณซึ่งสันนิษฐา

นครสวรรค์เป็นเมืองโบราณซึ่งสันนิษฐานว่าตั้งขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี โดยมีปรากฏชื่อในศิลาจารึกเรียกว่า เมืองพระบาง เป็นเมืองหน้าด่านสำคัญในการทำศึกสงครามมาทุกสมัย ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กรุงธนบุรี จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ตัวเมืองดั้งเดิมตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาขาด(เขาฤาษี) จรดวัดหัวเมือง(วัดนครสวรรค์) ยังมีเชิงเทินดินเป็นแนวปรากฏอยู่ เมืองพระบาง ต่อมาได้เป็น เมืองชอนตะวัน เพราะตัวเมืองตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา และหันหน้าเมืองไปทางแม่น้ำซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกทำให้แสงอาทิตย์ส่องเข้าหน้าเมืองตลอดเวลา แต่ภายหลังได้เปลี่ยนเป็น เมืองนครสวรรค์ เป็นศุภนิมิตอันดี
ปากน้ำโพ
นครสวรรค์ มีชื่อเรียกเป็นที่รู้จักแพร่หลายมาแต่เดิมว่า ปากน้ำโพ โดยปรากฏเรียกกันมาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตามประวัติศาสตร์ในคราวที่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาครั้งสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กองทัพเรือจากกรุงศรีอยุธยาได้ยกไปรับทัพข้าศึกที่ปากน้ำโพ แต่ด้านทัพข้าศึกไม่ไหว จึงล่าถอยกลับไป

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่มาของคำว่า ปากน้ำโพ สันนิษฐานได้ 2 ประการ คือ อาจมาจากคำว่า ปากน้ำโผล่ เพราะเป็นที่ปากน้ำปิง ยม และน่าน มาโผล่รวมกันเป็น ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา หรืออีกประการหนึ่ง คือ มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่อยู่ตรงปากน้ำในบริเวณวัดโพธิ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งศาลเจ้าพ่อกวนอูในปัจจุบัน จึงเรียกกันว่า ปากน้ำโพธิ์ ก็อาจเป็นได้

ในสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงนำพระพุทธรูป ชื่อ พระบาง มาค้างไว้ที่เมืองนี้ ต่อมาไทยรบทัพจับศึกกับพม่าและปราบหัวเมืองฝ่ายเหนือที่แข็งเมืองยกมาตีกรุงศรีอยุธยาและตอนต้นกรุงเทพฯ กองทัพไทยได้ยกเคลือนที่ขึ้นมาเลือกนครสวรรค์ที่เคยเป็นโรงทหารเก่าหลังโรงเหล้าปัจจุบัน เป็นที่ตั้งทัพหลวงแล้วดัดแปลงขุดคูประตูหอรบจากตะวันตกตลาดสะพานดำ ไปบ้านสันคู ไปถึงทุ่งสันคู เดี๋ยวนี้ ยังปรากฏแนวคูอยู่ เมื่อข้าศึกยกลงมาจากทุ่งหนองเบน หนองสังข์ สลกบาตร และตะวันออกเฉียงใต้ของลาดยาวมาเหนือทุ่งสันคุ เมื่อฤดูแล้งเป็นที่ดอนขาดน้ำ ถ้าฝนตกน้ำก็หลากเข้ามาอย่างแรงท่วมข้าศึก ไทยยกทัพตีตลบหลัง พม่าวิ่งหนีผ่านช่องเขานี้จึงได้ชื่อว่า เขาช่องขาด มาจนบัดนี้

เมืองนครสวรรค์เป็นหัวเมืองชั้นตรีซึ่งปรากฏอยู่ตามกฎหมายเก่าในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรถ ราว พ.ศ.2100 ว่าด้วยเรื่องดวงตราประทับหนังสือที่ให้เสนาบดีเจ้ากระทรวงใช้ในราชการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยมีปรากฏชื่อในศิลาจารึกเรียกว่าเมืองพระบาง ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยกรุงธนบุรีจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ จรดวัดหัวเมือง (วัดนครสวรรค์) ยังมีเชิงเทินดินเป็นแนวปรากฏอยู่เมืองพระบางต่อมาได้เป็นเมืองชอนตะวัน แต่ภายหลังได้เปลี่ยนเป็นเมืองนครสวรรค์ ปากน้ำโพ แต่ด้านทัพข้าศึกไม่ไหว ที่มาของคำว่าปากน้ำโพสันนิษฐานได้ 2 ประการคืออาจมาจากคำว่าปากน้ำโผล่เพราะเป็นที่ปากน้ำปิงยมและน่านมาโผล่รวมกันเป็นต้นแม่น้ำเจ้าพระยาหรืออีกประการหนึ่งคือ เรียกกันจึงว่าได้ปากน้ำโพธิ์ก็อาจเป็นได้ในสมัย​​ ได้ทรงนำพระพุทธรูปชื่อพระบางมาค้างไว้ที่เมืองนี้ ไปบ้านสันคูไปถึงทุ่งสันคูเดี๋ยวนี้ยังปรากฏแนวคูอยู่เมื่อข้าศึกยกลงมาจากทุ่งหนองเบนหนองสังข์สลกบาตร เมื่อฤดูแล้งเป็นที่ดอนขาดน้ำ ไทยยกทัพตีตลบหลัง เขาช่องขาด ราว พ.ศ. 2100

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นครสวรรค์เป็นเมืองโบราณซึ่งสันนิษฐานว่าตั้งขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีโดยมีปรากฏชื่อในศิลาจารึกเรียกว่าเมืองพระบางเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญในการทำศึกสงครามมาทุกสมัยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตัวเมืองดั้งเดิมตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาขาด ( เขาฤาษี ) จรดวัดหัวเมือง ( วัดนครสวรรค์ ) ยังมีเชิงเทินดินเป็นแนวปรากฏอยู่เมืองพระบางต่อมาได้เป็นเมืองชอนตะวันและหันหน้าเมืองไปทางแม่น้ำซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกทำให้แสงอาทิตย์ส่องเข้าหน้าเมืองตลอดเวลาแต่ภายหลังได้เปลี่ยนเป็นเมืองนครสวรรค์เป็นศุภนิมิตอันดี
ปากน้ำโพ
นครสวรรค์มีชื่อเรียกเป็นที่รู้จักแพร่หลายมาแต่เดิมว่าปากน้ำโพโดยปรากฏเรียกกันมาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยากองทัพเรือจากกรุงศรีอยุธยาได้ยกไปรับทัพข้าศึกที่ปากน้ำโพแต่ด้านทัพข้าศึกไม่ไหวจึงล่าถอยกลับไป

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่มาของคำว่าปากน้ำโพสันนิษฐานได้ 2 ประการความอาจมาจากคำว่าปากน้ำโผล่เพราะเป็นที่ปากน้ำปิงยมและน่านมาโผล่รวมกันเป็นต้นแม่น้ำเจ้าพระยาหรืออีกประการหนึ่งความซึ่งเป็นที่ตั้งศาลเจ้าพ่อกวนอูในปัจจุบันจึงเรียกกันว่าปากน้ำโพธิ์ก็อาจเป็นได้