Primary Theory (No Cross-Sectional

Primary Theory (No Cross-Sectional Distortion)
This theory has at times been referred to as the membrane theory but
in light of the familiarity that American engineers have with the primary
and secondary analysis of structures, it is thought that this terminology
would be very appropriate. The first Primary Theory published was by
G. Ehlers and H. Craemer (3,4) in Germany in 1930, and later the theory
was further developed by E. Gruber (7) and others, mostly German. Insofar
as all of their theories made the same simplifying assumption of no rela
tive deflection between the ridges, the only difference between theories
was in the manner of computing the unknown stresses and moments.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีหลัก (ไม่บิดเบือนหน้าตัด) ทฤษฎีนี้ได้ในบางครั้งถูกเรียกว่าทฤษฎีเยื่อ แต่ ในแง่ความคุ้นเคยที่มีวิศวกรชาวอเมริกันกับหลัก และรองวิเคราะห์โครงสร้าง มันเป็นความคิดที่ศัพท์นี้ จะเหมาะสมมาก ทฤษฎีหลักแรกที่เผยแพร่ได้โดย G. Ehlers และ H. Craemer (3, 4) ในเยอรมนี ในปี 1930 และใหม่กว่าทฤษฎี เพิ่มเติมถูกพัฒนาขึ้น โดย E. Gruber (7) และอื่น ๆ ส่วนใหญ่เยอรมัน ในเรื่องการ เป็นทฤษฎีของพวกเขาทำสมมติฐานเกี่ยวกับเดียวกันซับซ้อนไม่เบtive โก่งระหว่างสัน ความแตกต่างระหว่างทฤษฎี ในลักษณะของคอมพิวเตอร์ที่ไม่รู้จักความเครียดและช่วงเวลาได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีหลัก (ไม่ตัด Distortion)
ทฤษฎีนี้ได้ในช่วงเวลาที่ถูกเรียกว่าทฤษฎีเมมเบรน แต่
ในแง่ของความคุ้นเคยที่วิศวกรชาวอเมริกันมีกับหลัก
วิเคราะห์และมัธยมศึกษาของโครงสร้างก็คิดว่าศัพท์นี้
จะมีความเหมาะสมมาก . ทฤษฎีประถมศึกษาตีพิมพ์ครั้งแรกโดย
จี Ehlers และเอช CRAEMER (3,4) ในประเทศเยอรมนีในปี 1930 และต่อมาทฤษฎีที่
ได้รับการพัฒนาต่อไปโดย (7) และ E. Gruber คนอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมัน ตราบเท่า
เป็นทั้งหมดของทฤษฎีของพวกเขาทำสมมติฐานการลดความซับซ้อนเดียวกันของจริงไม่มี
การโก่ง Tive ระหว่างสันเขาที่แตกต่างระหว่างทฤษฎี
เป็นในลักษณะของการคำนวณความเครียดที่ไม่รู้จักและช่วงเวลา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีหลัก ( ไม่มีการตัดข้าม )ทฤษฎีนี้บางครั้งถูกเรียกว่าทฤษฎีแผ่นแต่ในแง่ของความคุ้นเคยที่วิศวกรชาวอเมริกันได้ด้วยหลักและการวิเคราะห์ระดับของโครงสร้าง มันเป็นความคิดที่ว่านี้ศัพท์จะเหมาะสมที่สุด หลักทฤษฎีที่ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกโดยG และ H . craemer Ehlers ( 3 , 4 ) ในเยอรมัน ในปี 1930 และต่อมาทฤษฎีถูกพัฒนาโดย กรูเบอร์ ( 7 ) และอื่น ๆ ส่วนใหญ่ของเยอรมัน ลดเป็นทฤษฎีทั้งหมดของพวกเขาทำแบบเดียวกัน ทำให้สมมติฐานไม่จริงมุม tive ระหว่างสันเขา ความแตกต่างระหว่างทฤษฎีในลักษณะของการคำนวณความเค้นที่ไม่รู้จักและช่วงเวลา