ประวัติของรัชกาลที่ 1-9     พระราชประวัติรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรีพ การแปล - ประวัติของรัชกาลที่ 1-9     พระราชประวัติรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรีพ ไทย วิธีการพูด

ประวัติของรัชกาลที่ 1-9 พระราชป

ประวัติของรัชกาลที่ 1-9




พระราชประวัติรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช(ประสูติ พ.ศ. 2279 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2325 - พ.ศ. 2352)
มีพระนามเดิมว่า ทองด้วง
พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี
ทรงพระนามเต็มว่า
" พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์
ธรณินทราธิราชรัตนากาศภาสกรวงศ์องค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตรวรนารถนายก ดิลกรัตน
ชาติอาชาวศรัย สมุทัยวโรมนต์สกลจักรฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทรหริหรินทรธาดาธิ
บดี ศรีสุวิบุลยคุณธขนิษฐ์ ฤทธิราเมศวรมหันต์บรมธรรมิกราชาธิราชเดโชไชย พรหมเทพา
ดิเทพนฤดินทร์ภูมินทรปรามาธิเบศร โลกเชฎฐวิสุทธิ์รัตนมกุฎประเทศคตามหาพุทธางกูร
บรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว "


ทรงประสูติเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 พระราชบิดาทรงพระนามว่า ออกอักษรสุนทร
ศาสตร์ พระราชมารดาทรงพระนามว่า ดาวเรือง มีบุตรและธิดารวมทั้งหมด 5 คน คือ
คนที่ 1 เป็นหญิงชื่อ "สา" ( ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าพี่นางเธอกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี )


คนที่ 2 เป็นชายชื่อ "ขุนรามนรงค์" ( ถึงแก่กรรมก่อนที่จะเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าครั้งที่ 2 )


คนที่ 3 เป็นหญิงชื่อ "แก้ว" ( ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าพี่นางเธอกรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ )


คนที่ 4 เป็นชายชื่อ "ด้วง" (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช )


คนที่ 5 เป็นชายชื่อ "บุญมา" ( ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท สมเด็จพระอนุชาธิราช )
เมื่อเจริญวัยได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอุทุมพร
พระชนมายุ 21 พรรษา ออกบวชที่วัดมหาทลาย แล้วกลับมาเป็นมหาดเล็กหลวงในแผ่นดินพระเจ้าอุทุมพร
พระชนมายุ 25 พรรษา ได้รับตัวแหน่งเป็นหลวงยกกระบัตร ประจําเมืองราชบุรีในแผ่นดินพระที่นั่งสุริยามรินทร์ พระองค์ได้วิวาห์กับธิดานาค ธิดาของท่านเศรษฐี
ทองกับส้ม
พระชนมายุ 32 พรรษา ในระหว่างที่รับราชการอยู่กับพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้เลื่อน
ตําแหน่งดังนี้
พระชนมายุ 33 พรรษา พ.ศ. 2312 ได้เลื่อนเป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์ เมื่อพระเจ้า
กรุงธนบุรีปราบชุมนุมเจ้าพิมาย
พระชนมายุ 34 พรรษา พ.ศ. 2313 ได้เลื่อนเป็นพระยายมราชที่สมุหนายก
เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีไปปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง
พระชนมายุ 35 พรรษา พ.ศ. 2314 ได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาจักรี เมื่อคราวเป็น
แม่ทัพไปตีเขมรครั้งที่ 2
พระชนมายุ 41 พรรษา พ.ศ. 2321 ได้เลื่อนเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
เมื่อคราวเป็นแม่ทัพใหญ่ไปตีเมืองลาวตะวันออก
พ.ศ. 2323 เป็นครั้งสุดท้ายที่ไปปราบเขมร ขณะเดียวกับที่กรุงธนบุรีเกิดจลาจล
จึงเสด็จยกกองทัพกลับมากรุงธนบุรี เมื่อ พ.ศ. 2325 พระองค์ทรงปราบปราม
เสี้ยนหนามแผ่นดินเสร็จแล้วจึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติปราบดาภิเษก แล้วได้มี
พระราชดํารัสให้ขุดเอาหีบพระบรมศพของพระเจ้ากรุงธนบุรีขึ้นตั้ง ณ เมรุวัดบาง
ยี่เรือพระราชทานพระสงฆ์บังสุกุลแล้วถวายพระเพลิงพระบรมศพ เสร็จแล้วให้มี
การมหรสพ

พระราชประวัติรัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
(ประสูติ พ.ศ. 2310 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2353 - พ.ศ. 2367)
มีพระนามเดิมว่า ฉิม


พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงประสูติเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 7 คํ่า เดือน 3 ปีกุน มีพระนามเดิมว่า "ฉิม" พระองค์ทรงเป็นพระบรมราชโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประสูติ ณ บ้านอัมพวา แขวงเมืองสมุทรสงคราม ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นหลวงยกกรับัตรเมืองราชบุรี พระบิดาได้ให้เข้าศึกษากับสมเด็จพระวันรัต ( ทองอยู่ ) ณ วัดบางหว้าใหญ่ พระองค์ทรงมีพระชายาเท่าที่ปรากฎ
1. กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระอัครมเหสี
2. กรมสมเด็จพระศรีสุราลัย พระสนมเอก ขณะขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2352 มีพระชนมายุได้ 42 พรรษา
พระราชกรณียกิจที่สําคัญ
พ.ศ. 2317 ขณะที่เพิ่งมีพระชนมายุได้ 8 พรรษา ได้ติดตามไปสงครามเชียงใหม่ อยู่ในเหตุการณ์ครั้งที่บิดามีราชการไปปราบปรามเมืองนางรอง นครจําปาศักดิ์ และบางแก้ว ราชบุรี จนถึงอายุ 11 พรรษา
พ.ศ. 2322 พระราชบิดาไปราชการสงครามกรุงศรีสัตนาคนหุต ก็ติดตามไป
พ.ศ. 2323 พระชนมายุ 13 พรรษา ได้เข้าเป็นศิษย์สมเด็จพระวันรัต (ทองอยู่ )
พ.ศ. 2324 พระราชบิดาได้เลื่อนเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ ไปร่วมปราบปรามเขมรกับพระบิดา
พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ปราบดาภิเษกแล้วได้ทรงสถาปนาขึ้นเป็น "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร"
พ.ศ. 2329 พระชนมายุ 19 พรรษา ได้โดยเสด็จสมเด็จพระบรมชนกนาถ ไปสงครามตําบลลาดหญ้า และทางหัวเมืองฝ่ายเหนือ
พ.ศ. 2330 ได้โดยเสด็จพระบรมชนกนาถ ไปสงครามที่ตําบลท่าดินแดง และตีเมืองทวาย
พ.ศ. 2331 ทรงผนวชเป็นพระภิกษุในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นพระองค์แรกที่อุปสมบทในวัดนี้ เสด็จไปจําพรรษา เมื่อครบสามเดือน ณ วัดสมอราย ปัจจุบันคือวัดราชาธิราช ครั้นทรงลาผนวชในปีนั้น ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จเจ้าหญิงบุญรอด พระธิดาในพระพี่นางเธอ สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรมพระศรีสุดารักษ์
พ.ศ. 2336 โดยเสด็จพระราชบิดาไปตีเมืองทวาย ครั้งที่ 2
พ.ศ. 2349 ( วันอาทิตย์ เดือน 8 ขึ้น 7 คํ่า ปีขาล ) ทรงพระชนมายุได้ 40 พรรษาได้รับสถาปนาเป็น "กรมพระราชวังบวรสถานมงคล" ซึ่งดํารงตําแหน่งพระมหาอุปราชขึ้นแทน กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท ที่ได้สวรรคตแล้วเมื่อ พ.ศ. 2346



พระราชประวัติรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
(ประสูติ พ.ศ. 2330 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2367 - พ.ศ. 2394)
มีพระนามเดิมว่า พระองค์ชายทับ
พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และสมเด็จพระศรีสุราลัย ( เจ้าจอมมารดาเรียม ) ประสูติ ณ วันจันทร์ เดือน 4 แรม 10 คํ่า ปีมะแม ตรงกับวันที่ 31 มีนาคม พุทธศักราช 2330 มีพระนามเดิมว่า "พระองค์ชา
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติของรัชกาลที่ 1-9 พระราชประวัติรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช(ประสูติ พ.ศ. 2279 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2325 - พ.ศ. 2352)มีพระนามเดิมว่า ทองด้วง พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรีทรงพระนามเต็มว่า" พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ธรณินทราธิราชรัตนากาศภาสกรวงศ์องค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตรวรนารถนายก ดิลกรัตนชาติอาชาวศรัย สมุทัยวโรมนต์สกลจักรฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทรหริหรินทรธาดาธิบดี ศรีสุวิบุลยคุณธขนิษฐ์ ฤทธิราเมศวรมหันต์บรมธรรมิกราชาธิราชเดโชไชย พรหมเทพาดิเทพนฤดินทร์ภูมินทรปรามาธิเบศร โลกเชฎฐวิสุทธิ์รัตนมกุฎประเทศคตามหาพุทธางกูรบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว "ทรงประสูติเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 พระราชบิดาทรงพระนามว่า ออกอักษรสุนทรศาสตร์ พระราชมารดาทรงพระนามว่า ดาวเรือง มีบุตรและธิดารวมทั้งหมด 5 คน คือคนที่ 1 เป็นหญิงชื่อ "สา" ( ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าพี่นางเธอกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี )คนที่ 2 เป็นชายชื่อ "ขุนรามนรงค์" ( ถึงแก่กรรมก่อนที่จะเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าครั้งที่ 2 )คนที่ 3 เป็นหญิงชื่อ "แก้ว" ( ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าพี่นางเธอกรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ )คนที่ 4 เป็นชายชื่อ "ด้วง" (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช )คนที่ 5 เป็นชายชื่อ "บุญมา" ( ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท สมเด็จพระอนุชาธิราช )เมื่อเจริญวัยได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอุทุมพรพระชนมายุ 21 พรรษา ออกบวชที่วัดมหาทลาย แล้วกลับมาเป็นมหาดเล็กหลวงในแผ่นดินพระเจ้าอุทุมพรพระชนมายุ 25 พรรษา ได้รับตัวแหน่งเป็นหลวงยกกระบัตร ประจําเมืองราชบุรีในแผ่นดินพระที่นั่งสุริยามรินทร์ พระองค์ได้วิวาห์กับธิดานาค ธิดาของท่านเศรษฐีทองกับส้มพระชนมายุ 32 พรรษา ในระหว่างที่รับราชการอยู่กับพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้เลื่อนตําแหน่งดังนี้พระชนมายุ 33 พรรษา พ.ศ. 2312 ได้เลื่อนเป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์ เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีปราบชุมนุมเจ้าพิมายพระชนมายุ 34 พรรษา พ.ศ. 2313 ได้เลื่อนเป็นพระยายมราชที่สมุหนายกเมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีไปปราบชุมนุมเจ้าพระฝางพระชนมายุ 35 พรรษา พ.ศ. 2314 ได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาจักรี เมื่อคราวเป็นแม่ทัพไปตีเขมรครั้งที่ 2พระชนมายุ 41 พรรษา พ.ศ. 2321 ได้เลื่อนเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเมื่อคราวเป็นแม่ทัพใหญ่ไปตีเมืองลาวตะวันออกพ.ศ. 2323 เป็นครั้งสุดท้ายที่ไปปราบเขมร ขณะเดียวกับที่กรุงธนบุรีเกิดจลาจลจึงเสด็จยกกองทัพกลับมากรุงธนบุรี เมื่อ พ.ศ. 2325 พระองค์ทรงปราบปรามเสี้ยนหนามแผ่นดินเสร็จแล้วจึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติปราบดาภิเษก แล้วได้มีพระราชดํารัสให้ขุดเอาหีบพระบรมศพของพระเจ้ากรุงธนบุรีขึ้นตั้ง ณ เมรุวัดบางยี่เรือพระราชทานพระสงฆ์บังสุกุลแล้วถวายพระเพลิงพระบรมศพ เสร็จแล้วให้มีการมหรสพพระราชประวัติรัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรีพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย(ประสูติ พ.ศ. 2310 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2353 - พ.ศ. 2367)มีพระนามเดิมว่า ฉิมพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงประสูติเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 7 คํ่า เดือน 3 ปีกุน มีพระนามเดิมว่า "ฉิม" พระองค์ทรงเป็นพระบรมราชโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประสูติ ณ บ้านอัมพวา แขวงเมืองสมุทรสงคราม ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นหลวงยกกรับัตรเมืองราชบุรี พระบิดาได้ให้เข้าศึกษากับสมเด็จพระวันรัต ( ทองอยู่ ) ณ วัดบางหว้าใหญ่ พระองค์ทรงมีพระชายาเท่าที่ปรากฎ 1. กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระอัครมเหสี2. กรมสมเด็จพระศรีสุราลัย พระสนมเอก ขณะขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2352 มีพระชนมายุได้ 42 พรรษา พระราชกรณียกิจที่สําคัญ พ.ศ. 2317 ขณะที่เพิ่งมีพระชนมายุได้ 8 พรรษา ได้ติดตามไปสงครามเชียงใหม่ อยู่ในเหตุการณ์ครั้งที่บิดามีราชการไปปราบปรามเมืองนางรอง นครจําปาศักดิ์ และบางแก้ว ราชบุรี จนถึงอายุ 11 พรรษาพ.ศ. 2322 พระราชบิดาไปราชการสงครามกรุงศรีสัตนาคนหุต ก็ติดตามไปพ.ศ. 2323 พระชนมายุ 13 พรรษา ได้เข้าเป็นศิษย์สมเด็จพระวันรัต (ทองอยู่ )พ.ศ. 2324 พระราชบิดาได้เลื่อนเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯ ไปร่วมปราบปรามเขมรกับพระบิดาพ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ปราบดาภิเษกแล้วได้ทรงสถาปนาขึ้นเป็น "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร"พ.ศ. 2329 พระชนมายุ 19 พรรษา ได้โดยเสด็จสมเด็จพระบรมชนกนาถ ไปสงครามตําบลลาดหญ้า และทางหัวเมืองฝ่ายเหนือพ.ศ. 2330 ได้โดยเสด็จพระบรมชนกนาถ ไปสงครามที่ตําบลท่าดินแดง และตีเมืองทวายพ.ศ. 2331 ทรงผนวชเป็นพระภิกษุในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นพระองค์แรกที่อุปสมบทในวัดนี้ เสด็จไปจําพรรษา เมื่อครบสามเดือน ณ วัดสมอราย ปัจจุบันคือวัดราชาธิราช ครั้นทรงลาผนวชในปีนั้น ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จเจ้าหญิงบุญรอด พระธิดาในพระพี่นางเธอ สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรมพระศรีสุดารักษ์พ.ศ. 2336 โดยเสด็จพระราชบิดาไปตีเมืองทวาย ครั้งที่ 2
พ.ศ. 2349 ( วันอาทิตย์ เดือน 8 ขึ้น 7 คํ่า ปีขาล ) ทรงพระชนมายุได้ 40 พรรษาได้รับสถาปนาเป็น "กรมพระราชวังบวรสถานมงคล" ซึ่งดํารงตําแหน่งพระมหาอุปราชขึ้นแทน กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท ที่ได้สวรรคตแล้วเมื่อ พ.ศ. 2346



พระราชประวัติรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
(ประสูติ พ.ศ. 2330 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2367 - พ.ศ. 2394)
มีพระนามเดิมว่า พระองค์ชายทับ
พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และสมเด็จพระศรีสุราลัย ( เจ้าจอมมารดาเรียม ) ประสูติ ณ วันจันทร์ เดือน 4 แรม 10 คํ่า ปีมะแม ตรงกับวันที่ 31 มีนาคม พุทธศักราช 2330 มีพระนามเดิมว่า "พระองค์ชา
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติของรัชกาลที่ 1-9 พระราชประวัติรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2279 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2325 - พ.ศ. 2352) มีพระนามเดิมว่าทองด้วงพระราชประวัติ








พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี
ทรงพระนามเต็มว่า
" พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์
ธรณินทราธิราชรัตนากาศภาสกรวงศ์องค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตรวรนารถนายกดิลกรัตน
ชาติอาชาวศรัยสมุทัยวโรมนต์สกลจักรฬาธิเบนทร์สุริเยนทราธิบดินทรหริหรินทรธาดาธิ
บดีศรีสุวิบุลยคุณ ธ ขนิษฐ์ พระพุทธเจ้าอยู่หัว "




ทรงประสูติเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 พระราชบิดาทรงพระนามว่าออกอักษรสุนทร
ศาสตร์พระราชมารดาทรงพระนามว่าดาวเรืองมีบุตรและธิดารวมทั้งหมด 5 คนคือ
คนที่ 1 เป็นหญิงชื่อ "สา" ( ) คนที่ 2 เป็นชายชื่อ "ขุนรามนรงค์" ( 2)





คนที่ 3 เป็นหญิงชื่อ "แก้ว" ( ) คนที่ 4 เป็นชายชื่อ "ด้วง" )





คนที่ 5 เป็นชายชื่อ "บุญมา" ( สมเด็จพระอนุชาธิราช

พระชนมายุ 21 พรรษาออกบวชที่วัดมหาทลาย แล้วกลับมาเป็นมหาดเล็กหลวงในแผ่นดินพระเจ้าอุทุมพร
พระชนมายุ 25 พรรษาได้รับตัวแหน่งเป็นหลวงยกกระบัตร พระองค์ได้วิวาห์กับธิดานาคธิดาของท่านเศรษฐี
ทองกับส้ม
พระชนมายุ 32 พรรษา ได้เลื่อน
ตําแหน่งดังนี้
พระชนมายุ 33 พรรษา พ.ศ. 2312 ได้เลื่อนเป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์

พระชนมายุ 34 พรรษา พ.ศ. 2313 35 พรรษา พ.ศ. 2314 ได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาจักรี 2



พระชนมายุ 41 พรรษา พ.ศ. 2321 2323 เป็นครั้งสุดท้ายที่ไปปราบเขมรขณะเดียวกับที่กรุงธนบุรีเกิดจลาจล


จึงเสด็จยกกองทัพกลับมากรุงธนบุรีเมื่อ พ.ศ. 2325
แล้วได้มี
ณ 2 แห่งราชวงศ์จักรี





พ.ศ. 2310 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2353 - พ.ศ. 2367)
มีพระนามเดิมว่าฉิมพระราชประวัติ



พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรีทรงประสูติเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 ตรงกับวันพุธขึ้น 7 คํ่าเดือน 3 ปีกุนมีพระนามเดิมว่า "ฉิม" 4 ประสูติ ณ บ้านอัมพวาแขวงเมืองสมุทรสงคราม เป็นหลวงยกกรับัตรเมืองราชบุรี (ทองอยู่) ณ วัดบางหว้าใหญ่พระองค์ทรงมีพระชายาเท่าที่ปรากฎ เป็นหลวงยกกรับัตรเมืองราชบุรี (ทองอยู่) ณ วัดบางหว้าใหญ่พระองค์ทรงมีพระชายาเท่าที่ปรากฎ เป็นหลวงยกกรับัตรเมืองราชบุรี (ทองอยู่) ณ วัดบางหว้าใหญ่พระองค์ทรงมีพระชายาเท่าที่ปรากฎ
1. กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์พระอัครมเหสี
2 กรมสมเด็จพระศรีสุราลัยพระสนมเอกขณะขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2352 มีพระชนมายุได้ 42 พรรษา
พระราชกรณียกิจที่สําคัญ
พ.ศ. 2317 ขณะที่เพิ่งมีพระชนมายุได้ 8 พรรษาได้ติดตามไปสงครามเชียงใหม่ นครจําปาศักดิ์และบางแก้วราชบุรีจนถึงอายุ 11 พรรษา
พ.ศ. 2322 ก็ติดตามไป
พ.ศ. 2323 พระชนมายุ 13 พรรษาได้เข้าเป็นศิษย์สมเด็จพระวันรัต (ทองอยู่)
พ.ศ. 2324 ไปร่วมปราบปรามเขมรกับพระบิดา
พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
พ.ศ. 2329 พระชนมายุ 19 พรรษาได้โดยเสด็จสมเด็จพระบรมชนกนาถไปสงครามตําบลลาดหญ้าและทางหัวเมืองฝ่ายเหนือ
พ.ศ. 2330 ได้โดยเสด็จพระบรมชนกนาถไปสงครามที่ตําบลท่าดินแดงและตีเมืองทวาย
2331 เสด็จไปจําพรรษาเมื่อครบสามเดือน ณ วัดสมอรายปัจจุบันคือวัดราชาธิราชครั้นทรงลาผนวชในปีนั้น
พ.ศ. 2336 โดยเสด็จพระราชบิดาไปตีเมืองทวายครั้งที่ 2
พ.ศ. 2349 (วันอาทิตย์เดือน 8 ขึ้น 7 คํ่าปีขาล) ทรงพระชนมายุได้ 40 พรรษาได้รับสถาปนาเป็น "กรมพระราชวังบวรสถานมงคล" กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาทที่ได้สวรรคตแล้วเมื่อ พ.ศ. 2346



พระราชประวัติรัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2330 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2367 - พ.ศ. 2394) มีพระนามเดิมว่าพระองค์ชายทับพระราชประวัติ




ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี และสมเด็จพระศรีสุราลัย (เจ้าจอมมารดาเรียม) ประสูติ ณ วันจันทร์เดือน 4
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติของรัชกาลที่ 1-9





พระราชประวัติรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ( ประสูติพ . ศ . 2279 ขึ้นครองราชย์พ . ศ . พ.ศ. 2325 - พ . ศ . 2352 )


มีพระนามเดิมว่าทองด้วงพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี
ทรงพระนามเต็มว่าพระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดีศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์

"ธรณินทราธิราชรัตนากาศภาสกรวงศ์องค์ปรมาธิเบศรตรีภูวเนตรวรนารถนายกดิลกรัตนสมุทัยวโรมนต์สกลจักรฬาธิเบนทร์สุริเยนทราธิบดินทรหริหรินทรธาดาธิ

ชาติอาชาวศรัยบดีศรีสุวิบุลยคุณธขนิษฐ์ฤทธิราเมศวรมหันต์บรมธรรมิกราชาธิราชเดโชไชยพรหมเทพาดิเทพนฤดินทร์ภูมินทรปรามาธิเบศรโลกเชฎฐวิสุทธิ์รัตนมกุฎประเทศคตามหาพุทธางกูร




บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว "ทรงประสูติเมื่อวันที่ 20 มีนาคมพ . ศ . 2279 พระราชบิดาทรงพระนามว่าออกอักษรสุนทร
ศาสตร์พระราชมารดาทรงพระนามว่าดาวเรืองมีบุตรและธิดารวมทั้งหมดคนความ
5คนที่ 1 เป็นหญิงชื่อ " สา " ( ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าพี่นางเธอกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี )


คนที่ 2 เป็นชายชื่อ " ขุนรามนรงค์ " ( ถึงแก่กรรมก่อนที่จะเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าครั้งที่

2 )คนที่ 3 เป็นหญิงชื่อ " แก้ว " ( ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าพี่นางเธอกรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ )


คนที่ 4 เป็นชายชื่อ " ด้วง " ( พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช )


คนที่ 5 เป็นชายชื่อ " บุญมา " ( ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทสมเด็จพระอนุชาธิราช )

เมื่อเจริญวัยได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอุทุมพรพระชนมายุ 21 พรรษาออกบวชที่วัดมหาทลายแล้วกลับมาเป็นมหาดเล็กหลวงในแผ่นดินพระเจ้าอุทุมพร
พระชนมายุ 25 พรรษาได้รับตัวแหน่งเป็นหลวงยกกระบัตรประจําเมืองราชบุรีในแผ่นดินพระที่นั่งสุริยามรินทร์พระองค์ได้วิวาห์กับธิดานาคธิดาของท่านเศรษฐี

ทองกับส้มพระชนมายุ 32 พรรษาในระหว่างที่รับราชการอยู่กับพระเจ้ากรุงธนบุรีได้เลื่อน

ตําแหน่งดังนี้พระชนมายุ 33 พรรษาพ . ศ . 2312 ได้เลื่อนเป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์เมื่อพระเจ้า

กรุงธนบุรีปราบชุมนุมเจ้าพิมายพระชนมายุ 34 พรรษาพ .ศ . 2218 ได้เลื่อนเป็นพระยายมราชที่สมุหนายก

เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีไปปราบชุมนุมเจ้าพระฝางพระชนมายุ 35 พรรษาพ . ศ . 2314 ได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาจักรีเมื่อคราวเป็น 2

แม่ทัพไปตีเขมรครั้งที่พระชนมายุ 41 พรรษาพ . ศ .2321 เมื่อคราวเป็นแม่ทัพใหญ่ไปตีเมืองลาวตะวันออกได้เลื่อนเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก

พ . ศ . พ.ศ. 2323 เป็นครั้งสุดท้ายที่ไปปราบเขมรขณะเดียวกับที่กรุงธนบุรีเกิดจลาจล
จึงเสด็จยกกองทัพกลับมากรุงธนบุรีเมื่อพ . ศ .2325 พระองค์ทรงปราบปราม
เสี้ยนหนามแผ่นดินเสร็จแล้วจึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติปราบดาภิเษกแล้วได้มีพระราชดํารัสให้ขุดเอาหีบพระบรมศพของพระเจ้ากรุงธนบุรีขึ้นตั้งณเมรุวัดบาง

ยี่เรือพระราชทานพระสงฆ์บังสุกุลแล้วถวายพระเพลิงพระบรมศพการมหรสพเสร็จแล้วให้มี




( พระราชประวัติรัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรีพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยประสูติพ . ศ . 2310 ขึ้นครองราชย์พ . ศ . 2353 - พ . ศ . 2367 )
มีพระนามเดิมว่าฉิม



พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยพระราชประวัติทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรีทรงประสูติเมื่อ 24 กุมภาพันธ์พ . ศ .2310 ตรงกับวันพุธขึ้น 7 คํ่าเดือน 3 ปีกุนมีพระนามเดิมว่า " ฉิม " พระองค์ทรงเป็นพระบรมราชโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์พระบรมราชชนนีพันปีหลวงประสูติฃแขวงเมืองสมุทรสงครามขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นหลวงยกกรับัตรเมืองราชบุรีพระบิดาได้ให้เข้าศึกษากับสมเด็จพระวันรัต ( ทองอยู่ ) ณวัดบางหว้าใหญ่พระองค์ทรงมีพระชายาเท่าที่ปรากฎ
1 . กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์พระอัครมเหสี
2 กรมสมเด็จพระศรีสุราลัยพระสนมเอกขณะขึ้นครองราชย์ในปีพ . ศ . 2352 มีพระชนมายุได้ 42 พรรษา

พระราชกรณียกิจที่สําคัญพ . ศ .1660 ขณะที่เพิ่งมีพระชนมายุได้ 8 พรรษาได้ติดตามไปสงครามเชียงใหม่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งที่บิดามีราชการไปปราบปรามเมืองนางรองนครจําปาศักดิ์และบางแก้วราชบุรีจนถึงอายุ 11 พรรษา
พ . ศ .2322 พระราชบิดาไปราชการสงครามกรุงศรีสัตนาคนหุตก็ติดตามไป
พ . ศ . พ.ศ. 2323 พระชนมายุ 13 พรรษาได้เข้าเป็นศิษย์สมเด็จพระวันรัต ( ทองอยู่ )
พ . ศ .ที่พระราชบิดาได้เลื่อนเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกฯไปร่วมปราบปรามเขมรกับพระบิดา
พ . ศ .2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ปราบดาภิเษกแล้วได้ทรงสถาปนาขึ้นเป็น " สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร "
พ . ศ .2329 พระชนมายุ 19 พรรษาได้โดยเสด็จสมเด็จพระบรมชนกนาถไปสงครามตําบลลาดหญ้าและทางหัวเมืองฝ่ายเหนือ
พ . ศ . 2330 ได้โดยเสด็จพระบรมชนกนาถไปสงครามที่ตําบลท่าดินแดงและตีเมืองทวาย
พ . ศ .1 ทรงผนวชเป็นพระภิกษุในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามซึ่งเป็นพระองค์แรกที่อุปสมบทในวัดนี้เสด็จไปจําพรรษาเมื่อครบสามเดือนณวัดสมอรายปัจจุบันคือวัดราชาธิราชครั้นทรงลาผนวชในปีนั้นพระธิดาในพระพี่นางเธอสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรมพระศรีสุดารักษ์
พ . ศ . 3508 โดยเสด็จพระราชบิดาไปตีเมืองทวายครั้งที่ 2
พ . ศ .2349 ( วันอาทิตย์เดือน 8 ขึ้น 7 คํ่าปีขาล ) ทรงพระชนมายุได้ 40 พรรษาได้รับสถาปนาเป็น " กรมพระราชวังบวรสถานมงคล " ซึ่งดํารงตําแหน่งพระมหาอุปราชขึ้นแทนกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาทที่ได้สวรรคตแล้วเมื่อพ . ศ .



- 2346พระราชประวัติรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี

( พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวประสูติพ . ศ . 2330 ขึ้นครองราชย์พ . ศ . 2367 - พ . ศ . 2083 )


มีพระนามเดิมว่าพระองค์ชายทับพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรีเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและสมเด็จพระศรีสุราลัย ( เจ้าจอมมารดาเรียม ) ประสูติณวันจันทร์4 แรม 10 คํ่าปีมะแม 31 ตรงกับวันที่มีนาคมพุทธศักราช 2330 มีพระนามเดิมว่า " พระองค์ชา
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: