ประวัติ วัดเกาะวาลุการาม ตามทางภูมิศาสตร์ได้กล่าวว่า เกาะ คือแผ่นดินส่ การแปล - ประวัติ วัดเกาะวาลุการาม ตามทางภูมิศาสตร์ได้กล่าวว่า เกาะ คือแผ่นดินส่ ไทย วิธีการพูด

ประวัติ วัดเกาะวาลุการาม ตามทางภูมิ

ประวัติ วัดเกาะวาลุการาม
ตามทางภูมิศาสตร์ได้กล่าวว่า เกาะ คือแผ่นดินส่วนใดส่วนหนึ่งผืนแผ่นดินส่วนนั้นมีน้ำล้อมรอบ เรียกว่าเกาะประมาณ 40-50 ปี ย้อนหลังขึ้นไป ลำแม่น้ำวัง เมื่อไหลผ่านสะพานรัษฎาภิเษกลงไปประมาณ 250 เมตร ก็จะแยกออกจากกัน เป็นสองแถว ที่แยกจากกันนั้นเกิดเป็นเกาะกลางขึ้นเกาะหนึ่ง แควทั้งสองข้างเกาะ จะมีน้ำไหลมากพอให้เรือเดินขึ้นล่องได้สะดวก น้ำที่ไหลแตกแยกจากกัน จะไปบรรจบเป็นแควเดียวกันอีก จากหัวเกาะถึงท้ายเกาะยาวประมาณ 200 เมตร ตอนที่กว้างที่สุดของเกาะ ประมาณ 50 เมตร
เกาะแห่งนี้แต่โบราณกาลประมาณไม่ได้ว่าจะเป็นกี่ปีมาแล้ว นัยว่าเป็นสถานที่เจ้าหญิงองค์หนึ่ง แห่งลานนามาประทับอยู่หรือทำพิธีอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง (ผู้เขียนไม่กล้ายืนยัน) เมื่อหมดสมัย หรือหมดความต้องการของใคร ๆ แล้ว ก็คงจะทิ้งอยู่เป็นเกาะป่าละเมาะร้างว่างเปล่าอยู่ดังนั้นตลอดมา พอจะประมาณได้ว่า ราว 90-100 ปีมานี้ก็มีประชาชนข้ามไปจับจอง แผ้วถางถือกรรมสิทธิ์ปลูกบ้านอยู่อาศัย เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ทำสวนปลูกผักเป็นตอน ๆ การจะข้ามไปมาสู่เกาะนี้ จากฝั่งซ้ายทิศเหนือและฝั่งขวาทิศใต้จะต้องใช้เรือหรือทำสะพานไม้ไผ่ขัดแตะชั่วคราว มีตอนปิดเปิดตรงร่องน้ำให้เรือแพผ่านไปมาได้ สะพานนี้จะทำใช้ได้เฉพาะฤดูแล้งน้ำลดเท่านั้น แม้จะเป็นฤดูแล้งน้ำแห้งมากแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าสมัยนั้นมีน้ำมากไหลเอ่ออยู่ตลอดเวลาด้านซ้ายและขวาของเกาะก็มีน้ำไหล เรือแพขึ้นล่องได้ตลอดสาย ตั้งแแต่ อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ถึงสุดปากแม่น้ำวัง ไหลลงไปบรรจบแม่น้ำปิง ที่ อ.สามเงา จ.ตาก เมื่อได้ทราบถึงที่มาของเกาะนี้และแม่น้ำวังบ้างเล็กน้อยแล้ว ก็จะขอกล่าวถึงสภาพถนนสายยาวของเมืองลำปาง เพื่อเป็นความรู้แก่ผู้ที่ไม่เคยรู้เห็นในรุ่นหลัง ๆ นี่บ้าง และพอเป็นทางเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับวัดเกาะนั้นต่อไป
ถนนสามสายในตัวเมือง นอกจากถนนซอยตัดเชื่อมกันแต่ละสายแล้ว ก็มีถนนสายยาวตัวเมืองลำปางอยู่ 3 สาย คือ สายที่ 1 ตั้งแต่หมู่บ้านพิชัย ผ่านหลังค่ายทหาร (เมื่อก่อนถือเป็นด้านหน้าค่ายทหารปัจจุบัน) ไปจากกำแพงเมือง ที่ห้าแยกหอนาฬิกาเรียกว่าประตูเชียงราย ต่อจากกำแพงเมืองออกไปเป็นป่าละเมาะทุ่งนา ถนนสายนี้มีชื่อเรียกว่า “กองหลวง” (ปัจจุบันมีชื่อว่าถนนบุญวาทย์) ที่มีชื่อว่ากองหลวงเห็นจะเป็นเพราะถนนสายนี้ผ่านศาลากลาง ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า “เก๊าสนามหลวง” และติดต่อกันขึ้นไปอีก ตอนหหน้าโรงพักตำรวจและโรงเรียนบุญทวงศ์ (เทศบาล 3) ก็เป็นคุ้มหลวงที่อยู่ของเจ้าผู้ปกครองเมือง นครลำปาง ซึ่งชาวเมืองเรียกว่า “เจ้าหลวง” (องค์สุดท้ายคือเจ้าหลวงบุญวาทย์)
ถนนสายนี้ได้ผ่านสถานที่ที่มีคำว่า “หลวง ๆ” อยู่กระมังจึงเรียกชื่อว่า “กองหลวง” ถนนสายนี้ใช่ว่าจะมีความแออัดด้วยตึกราม บ้านเรือน ร้านค้า รถราวิ่งขวักไขว่ เช่น ปัจจุบันนี้ก็หาไม่ เงียบเหงากว่าทุกสาย มีบ้านเรือนอยู่ห่าง ๆ กัน รั้วบ้านก็เป็นไม้ไผ่ขัดสานเรียกตามภาษาพื้นเมืองว่า “ฮั้วสะราบ” อย่างหนึ่ง และ “ฮั้วตาแสง” อย่างหนึ่ง ถ้าใครไม่กล้าเข้มแข็งพอแล้ว ขนาดคนเดียวสองคนอย่าได้ริไป เดินยามค่ำคืนเลย อาจถูกมิจฉาชีพอันธพาลรังควานเอาก็ได้ หรือไม่ก็อาจถูกผีข้าง ๆ ถนนตอนเปลี่ยว ๆ หลอกเอา เมื่อผู้เขียนเป็นเด็ก ๆ พอจะจำความได้แล้วไปมาเล่นตามละแวกตอนที่เฉพาะใกล้ ๆ บ้านมาเล่าสู่กันฟัง คือตอนมุมนอกกำแพงวัดสวนดอก ด้านตะวันออกมีต้นโพธ์ใหญ่อยู่ต้นหนึ่งข้าง ๆ ถนน เวลานี้ถูกล้มลงไปแล้วใต้ต้นโพธิ์นั้นจะมี สวย (กรวยใบตอบดอกไม้ธูปเทียน)วางอยู่โค้นต้นเสมอ เก่าหายไปใหม่มาแทน บางทีก็มีสองสามสวยแสดงว่าต้องมีการบนบานศาลกล่าว จ้าว ผีสาง นางไม้หรือเทวดาอะไรก็แล้วแต่ สิงสู่อยู่ต้นโพธิ์นั้นศักดิ์สิทธิ์ อาจดลบันดาลให้เป็นไปตามความขอร้องวิงวอน ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงเต็มไปด้วยธูปเทียนจุดขอหวยเบอร์กันเกร่อทีเดียว นอกจากนั้นยังเคยได้ทราบข่าวเล่าบ่อย ๆ ว่า มีนักเที่ยวกลางคืนหรือมีความจำเป็นบางคนที่ต้องผ่านไปมาทางนั้น โดนผีหลอกถึงกับเป็นไข้หัวโกร๋นไปก็มี นอกจากนี้ คงจะมีที่เฮี้ยน ๆ และศักดิ์สิทธิ์ตอนใดตอนหนึ่ง บนถนนสายนี้อีกก็เป็นได้ ตอนเหนือขึ้นไปถึงสี่แยกราชวงศ์ หน้าธนาคารออมสินตรงตึกแถวร้านค้าสหกรณ์ จะเป็นที่ตั้งของคอก (เรือนจำ) ตอนกลางคืนจะได้ยินเสียงตำรวจยามตีเกราะเคาะไม้ บนป้อมยามเป็นระยะ ๆ ทำให้สะท้อนเศร้า วังเวงใจไม่น้อย
สายที่ 2 ถึงต้นแยกจากกองหลวง (ถนนสายบุญวาทย์) ตอนเหนือวัดหมื่นกาดขึ้นไป ลงมาผ่านหน้าวัดคะตึก ไม่มีคำว่าเชียงมั่น เพราะสมัยนั้น คำว่า คะตึก กับเชียงมั่นเป็นชื่อวัดสองวัด วัดคะตึกอยู่ด้านหน้าติดถนน วัดเชียงมั่นอยู่ด้านหลัง ต่อมารื้อกำแพงกลางออกรวมเป็นวัดเดียวกันเรียกชื่อเสียใหม่ว่า “วัดคะตึกเชียงมั่น” (ปัจจุบัน) ตรงลงมาผ่านหน้ากาดมั่ว (ตลาดสด) ที่หัวถนนทิพย์วรรณ เมื่อก่อนถนนทิพย์วรรณตลอดทั้งสาย เป็นตลาดสดมีหลังคามุงครอบสุดสาย ทะลุถึงถนนบุญวาทย์ แยกออกไปทะลุถนนราชวงศ์เชื่อมอีกตอนหนึ่ง ซึ่งได้ถูกไฟไหม้ไปเสียทั้งหมด แต่เมื่อ พ.ศ. 2468 เลยตัดเป็นถนนอยู่จนทุกวันนี้ส่วนสายใหญ่ที่ผ่านวัดคะตึกฯ ลงมาคือสายที่สองนี้มีชื่อว่า “กองก๋าง” (ทิพย์ช้างปัจจุบัน) เป็นสายที่ยาวกว่าทุกสาย เมื่อผ่ากาดมั่วมาแล้ว ก็ยาวเรื่อยลงไป ผ่านวัดสิงห์ชัย, ดำรงธรรม, ศรีบุญเรือง, นาก่วม ขนานไปกับริมแม่น้ำวัง ผ่านบ้านปงบ้านต้า บ้านฟ่อน ไปบรรจบลงแม่น้ำวังข้างวัดลำปางกลางฝั่งตะวันออก นับว่าเป็นถนนที่ยาวที่สุด
ให้ประชาชนใกล้ไกลบ้านนอกในเมืองมีทางสัญจรไปมาสะดวกมาก ถึงแม้จะไม่มีเคหะสถานบ้านเรือน สองข้างถนนแออัดนัก ก็นับว่าจะยังดีกว่าสายที่ 1 แต่ถึงกระนั้นก็มีเพียงบางครั้งบางคราวหรือเวลาเทศบาลเท่านั้นพอมีความสัญจรมาก เพราะอยู่กลางเมืองจึงเรียกว่ากองก๋าง ส่วนกลางคืนนับว่าเงียบเชียงอยู่นั้นเอง ถ้าจะเปรียบกับปัจจุบันแล้ว เทียบกันไม่ติดไกลกันอย่างมากมาย ความสว่างไสวฟืนไฟ ก็คงมีตะเกียงน้ำมันหรือจุดใต้กันบ้านใครบ้านมัน หมดงานก็พักผ่อนนอน รุ่งขึ้นก็ออกไปทำมาหากินตามอาชีพ ทำไร่ ทำนา ค้าขาย ไม่วุ่นวายว้าวุ่นอกจะแตกตายเหมือนทุกวันนี้ สายที่ 3 “ กองต้า ” อันเป็นภาษาของชาวพื้นเมืองเรียกกัน หรือถนนตลาดจีน (ตลาดเก่าปัจจุบัน) แยกจากถนนทิพย์ช้าง ตั้งแต่เหนือเชิงสะพานรัษฎาภิเษกขึ้นไปเล็กน้อย ยาวเรื่อยมาขนานไปกับฝั่งแม่น้ำ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติวัดเกาะวาลุการาม ตามทางภูมิศาสตร์ได้กล่าวว่าเกาะคือแผ่นดินส่วนใดส่วนหนึ่งผืนแผ่นดินส่วนนั้นมีน้ำล้อมรอบเรียกว่าเกาะประมาณ 40-50 ปีย้อนหลังขึ้นไปลำแม่น้ำวังเมื่อไหลผ่านสะพานรัษฎาภิเษกลงไปประมาณ 250 เมตรก็จะแยกออกจากกันเป็นสองแถวที่แยกจากกันนั้นเกิดเป็นเกาะกลางขึ้นเกาะหนึ่งแควทั้งสองข้างเกาะจะมีน้ำไหลมากพอให้เรือเดินขึ้นล่องได้สะดวกน้ำที่ไหลแตกแยกจากกันจะไปบรรจบเป็นแควเดียวกันอีกจากหัวเกาะถึงท้ายเกาะยาวประมาณ 200 เมตรตอนที่กว้างที่สุดของเกาะประมาณ 50 เมตร เกาะแห่งนี้แต่โบราณกาลประมาณไม่ได้ว่าจะเป็นกี่ปีมาแล้วนัยว่าเป็นสถานที่เจ้าหญิงองค์หนึ่งแห่งลานนามาประทับอยู่หรือทำพิธีอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง (ผู้เขียนไม่กล้ายืนยัน) เมื่อหมดสมัยหรือหมดความต้องการของใครๆ แล้วก็คงจะทิ้งอยู่เป็นเกาะป่าละเมาะร้างว่างเปล่าอยู่ดังนั้นตลอดมาพอจะประมาณได้ว่าราว 90-100 ปีมานี้ก็มีประชาชนข้ามไปจับจองแผ้วถางถือกรรมสิทธิ์ปลูกบ้านอยู่อาศัยเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ทำสวนปลูกผักเป็นตอนๆ การจะข้ามไปมาสู่เกาะนี้จากฝั่งซ้ายทิศเหนือและฝั่งขวาทิศใต้จะต้องใช้เรือหรือทำสะพานไม้ไผ่ขัดแตะชั่วคราวมีตอนปิดเปิดตรงร่องน้ำให้เรือแพผ่านไปมาได้สะพานนี้จะทำใช้ได้เฉพาะฤดูแล้งน้ำลดเท่านั้นแม้จะเป็นฤดูแล้งน้ำแห้งมากแล้วก็จะเห็นได้ว่าสมัยนั้นมีน้ำมากไหลเอ่ออยู่ตลอดเวลาด้านซ้ายและขวาของเกาะก็มีน้ำไหลเรือแพขึ้นล่องได้ตลอดสายตั้งแแต่อ.แจ้ห่มจ.ลำปางถึงสุดปากแม่น้ำวังไหลลงไปบรรจบแม่น้ำปิงอ.สามเงาจ.ตากเมื่อได้ทราบถึงที่มาของเกาะนี้และแม่น้ำวังบ้างเล็กน้อยแล้วก็จะขอกล่าวถึงสภาพถนนสายยาวของเมืองลำปางเพื่อเป็นความรู้แก่ผู้ที่ไม่เคยรู้เห็นในรุ่นหลังๆ นี่บ้างและพอเป็นทางเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับวัดเกาะนั้นต่อไป ถนนสามสายในตัวเมือง นอกจากถนนซอยตัดเชื่อมกันแต่ละสายแล้ว ก็มีถนนสายยาวตัวเมืองลำปางอยู่ 3 สาย คือ สายที่ 1 ตั้งแต่หมู่บ้านพิชัย ผ่านหลังค่ายทหาร (เมื่อก่อนถือเป็นด้านหน้าค่ายทหารปัจจุบัน) ไปจากกำแพงเมือง ที่ห้าแยกหอนาฬิกาเรียกว่าประตูเชียงราย ต่อจากกำแพงเมืองออกไปเป็นป่าละเมาะทุ่งนา ถนนสายนี้มีชื่อเรียกว่า “กองหลวง” (ปัจจุบันมีชื่อว่าถนนบุญวาทย์) ที่มีชื่อว่ากองหลวงเห็นจะเป็นเพราะถนนสายนี้ผ่านศาลากลาง ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า “เก๊าสนามหลวง” และติดต่อกันขึ้นไปอีก ตอนหหน้าโรงพักตำรวจและโรงเรียนบุญทวงศ์ (เทศบาล 3) ก็เป็นคุ้มหลวงที่อยู่ของเจ้าผู้ปกครองเมือง นครลำปาง ซึ่งชาวเมืองเรียกว่า “เจ้าหลวง” (องค์สุดท้ายคือเจ้าหลวงบุญวาทย์) ถนนสายนี้ได้ผ่านสถานที่ที่มีคำว่า “หลวง ๆ” อยู่กระมังจึงเรียกชื่อว่า “กองหลวง” ถนนสายนี้ใช่ว่าจะมีความแออัดด้วยตึกราม บ้านเรือน ร้านค้า รถราวิ่งขวักไขว่ เช่น ปัจจุบันนี้ก็หาไม่ เงียบเหงากว่าทุกสาย มีบ้านเรือนอยู่ห่าง ๆ กัน รั้วบ้านก็เป็นไม้ไผ่ขัดสานเรียกตามภาษาพื้นเมืองว่า “ฮั้วสะราบ” อย่างหนึ่ง และ “ฮั้วตาแสง” อย่างหนึ่ง ถ้าใครไม่กล้าเข้มแข็งพอแล้ว ขนาดคนเดียวสองคนอย่าได้ริไป เดินยามค่ำคืนเลย อาจถูกมิจฉาชีพอันธพาลรังควานเอาก็ได้ หรือไม่ก็อาจถูกผีข้าง ๆ ถนนตอนเปลี่ยว ๆ หลอกเอา เมื่อผู้เขียนเป็นเด็ก ๆ พอจะจำความได้แล้วไปมาเล่นตามละแวกตอนที่เฉพาะใกล้ ๆ บ้านมาเล่าสู่กันฟัง คือตอนมุมนอกกำแพงวัดสวนดอก ด้านตะวันออกมีต้นโพธ์ใหญ่อยู่ต้นหนึ่งข้าง ๆ ถนน เวลานี้ถูกล้มลงไปแล้วใต้ต้นโพธิ์นั้นจะมี สวย (กรวยใบตอบดอกไม้ธูปเทียน)วางอยู่โค้นต้นเสมอ เก่าหายไปใหม่มาแทน บางทีก็มีสองสามสวยแสดงว่าต้องมีการบนบานศาลกล่าว จ้าว ผีสาง นางไม้หรือเทวดาอะไรก็แล้วแต่ สิงสู่อยู่ต้นโพธิ์นั้นศักดิ์สิทธิ์ อาจดลบันดาลให้เป็นไปตามความขอร้องวิงวอน ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงเต็มไปด้วยธูปเทียนจุดขอหวยเบอร์กันเกร่อทีเดียว นอกจากนั้นยังเคยได้ทราบข่าวเล่าบ่อย ๆ ว่า มีนักเที่ยวกลางคืนหรือมีความจำเป็นบางคนที่ต้องผ่านไปมาทางนั้น โดนผีหลอกถึงกับเป็นไข้หัวโกร๋นไปก็มี นอกจากนี้ คงจะมีที่เฮี้ยน ๆ และศักดิ์สิทธิ์ตอนใดตอนหนึ่ง บนถนนสายนี้อีกก็เป็นได้ ตอนเหนือขึ้นไปถึงสี่แยกราชวงศ์ หน้าธนาคารออมสินตรงตึกแถวร้านค้าสหกรณ์ จะเป็นที่ตั้งของคอก (เรือนจำ) ตอนกลางคืนจะได้ยินเสียงตำรวจยามตีเกราะเคาะไม้ บนป้อมยามเป็นระยะ ๆ ทำให้สะท้อนเศร้า วังเวงใจไม่น้อยสายที่ 2 ถึงต้นแยกจากกองหลวง (ถนนสายบุญวาทย์) ตอนเหนือวัดหมื่นกาดขึ้นไป ลงมาผ่านหน้าวัดคะตึก ไม่มีคำว่าเชียงมั่น เพราะสมัยนั้น คำว่า คะตึก กับเชียงมั่นเป็นชื่อวัดสองวัด วัดคะตึกอยู่ด้านหน้าติดถนน วัดเชียงมั่นอยู่ด้านหลัง ต่อมารื้อกำแพงกลางออกรวมเป็นวัดเดียวกันเรียกชื่อเสียใหม่ว่า “วัดคะตึกเชียงมั่น” (ปัจจุบัน) ตรงลงมาผ่านหน้ากาดมั่ว (ตลาดสด) ที่หัวถนนทิพย์วรรณ เมื่อก่อนถนนทิพย์วรรณตลอดทั้งสาย เป็นตลาดสดมีหลังคามุงครอบสุดสาย ทะลุถึงถนนบุญวาทย์ แยกออกไปทะลุถนนราชวงศ์เชื่อมอีกตอนหนึ่ง ซึ่งได้ถูกไฟไหม้ไปเสียทั้งหมด แต่เมื่อ พ.ศ. 2468 เลยตัดเป็นถนนอยู่จนทุกวันนี้ส่วนสายใหญ่ที่ผ่านวัดคะตึกฯ ลงมาคือสายที่สองนี้มีชื่อว่า “กองก๋าง” (ทิพย์ช้างปัจจุบัน) เป็นสายที่ยาวกว่าทุกสาย เมื่อผ่ากาดมั่วมาแล้ว ก็ยาวเรื่อยลงไป ผ่านวัดสิงห์ชัย, ดำรงธรรม, ศรีบุญเรือง, นาก่วม ขนานไปกับริมแม่น้ำวัง ผ่านบ้านปงบ้านต้า บ้านฟ่อน ไปบรรจบลงแม่น้ำวังข้างวัดลำปางกลางฝั่งตะวันออก นับว่าเป็นถนนที่ยาวที่สุดให้ประชาชนใกล้ไกลบ้านนอกในเมืองมีทางสัญจรไปมาสะดวกมาก ถึงแม้จะไม่มีเคหะสถานบ้านเรือน สองข้างถนนแออัดนัก ก็นับว่าจะยังดีกว่าสายที่ 1 แต่ถึงกระนั้นก็มีเพียงบางครั้งบางคราวหรือเวลาเทศบาลเท่านั้นพอมีความสัญจรมาก เพราะอยู่กลางเมืองจึงเรียกว่ากองก๋าง ส่วนกลางคืนนับว่าเงียบเชียงอยู่นั้นเอง ถ้าจะเปรียบกับปัจจุบันแล้ว เทียบกันไม่ติดไกลกันอย่างมากมาย ความสว่างไสวฟืนไฟ ก็คงมีตะเกียงน้ำมันหรือจุดใต้กันบ้านใครบ้านมัน หมดงานก็พักผ่อนนอน รุ่งขึ้นก็ออกไปทำมาหากินตามอาชีพ ทำไร่ ทำนา ค้าขาย ไม่วุ่นวายว้าวุ่นอกจะแตกตายเหมือนทุกวันนี้ สายที่ 3 “ กองต้า ” อันเป็นภาษาของชาวพื้นเมืองเรียกกัน หรือถนนตลาดจีน (ตลาดเก่าปัจจุบัน) แยกจากถนนทิพย์ช้าง ตั้งแต่เหนือเชิงสะพานรัษฎาภิเษกขึ้นไปเล็กน้อย ยาวเรื่อยมาขนานไปกับฝั่งแม่น้ำ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติ
เกาะ เรียกว่าเกาะประมาณ 40-50 ปีย้อนหลังขึ้นไปลำแม่น้ำวัง 250 เมตรก็จะแยกออกจากกันเป็นสองแถว แควทั้งสองข้างเกาะ น้ำที่ไหลแตกแยกจากกันจะไปบรรจบเป็นแควเดียวกันอีกจากหัวเกาะถึงท้ายเกาะยาวประมาณ 200 เมตรตอนที่กว้างที่สุดของเกาะประมาณ 50
(ผู้เขียนไม่กล้ายืนยัน) เมื่อหมดสมัยหรือหมดความต้องการของใคร ๆ แล้ว พอจะประมาณได้ว่าราว 90-100 ปีมานี้ก็มีประชาชนข้ามไปจับจอง เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ทำสวนปลูกผักเป็นตอน ๆ การจะข้ามไปมาสู่เกาะนี้ แม้จะเป็นฤดูแล้งน้ำแห้งมากแล้ว เรือแพขึ้นล่องได้ตลอดสายตั้งแแต่อ. แจ้ห่มจ. ลำปางถึงสุดปากแม่น้ำวังไหลลงไปบรรจบแม่น้ำปิงที่อ. สามเงาจ. ตาก ๆ นี่บ้าง
ก็มีถนนสายยาวตัวเมืองลำปางอยู่ 3 สายคือสายที่ 1 ตั้งแต่หมู่บ้านพิชัยผ่านหลังค่ายทหาร ไปจากกำแพงเมือง ถนนสายนี้มีชื่อเรียกว่า "กองหลวง" (ปัจจุบันมีชื่อว่าถนนบุญวาทย์) ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า "เก๊าสนามหลวง" และติดต่อกันขึ้นไปอีก (เทศบาล 3) นครลำปางซึ่งชาวเมืองเรียกว่า "เจ้าหลวง"
"หลวง ๆ " อยู่กระมังจึงเรียกชื่อว่า "กองหลวง" บ้านเรือนร้านค้ารถราวิ่งขวักไขว่เช่นปัจจุบันนี้ก็หาไม่เงียบเหงากว่าทุกสายมีบ้านเรือนอยู่ห่าง ๆ กัน "ฮั้วสะราบ" อย่างหนึ่งและ "ฮั้วตาแสง" อย่างหนึ่งถ้าใครไม่กล้าเข้มแข็งพอแล้วขนาดคนเดียวสองคนอย่าได้ริไปเดินยามค่ำคืนเลย หรือไม่ก็อาจถูกผีข้าง ๆ ถนนตอนเปลี่ยว ๆ หลอกเอาเมื่อผู้เขียนเป็นเด็ก ๆ ๆ บ้านมาเล่าสู่กันฟังคือตอนมุมนอกกำแพงวัดสวนดอก ๆ ถนน สวย เก่าหายไปใหม่มาแทน จ้าวผีสางนางไม้หรือเทวดาอะไรก็แล้วแต่ ๆ ว่า นอกจากนี้คงจะมีที่เฮี้ยน ๆ และศักดิ์สิทธิ์ตอนใดตอนหนึ่งบนถนนสายนี้อีกก็เป็นได้ตอนเหนือขึ้นไปถึงสี่แยกราชวงศ์ จะเป็นที่ตั้งของคอก (เรือนจำ) บนคุณป้อมยามเป็นระยะ ๆ
ทำให้สะท้อนเศร้าวังเวงใจไม่น้อยตั้งขึ้นสายที่2 ถึงต้นแยกจากกองหลวง (ถนนสายบุญวาทย์) ตอนเหนือวัดหมื่นกาดขึ้นไปลงมาผ่านหน้าวัดคะตึกไม่มีคำว่าเชียงมั่นเพราะสมัยนั้น คำว่าคะตึกกับเชียงมั่นเป็นชื่อวัดสองวัดวัดคะตึกอยู่ด้านหน้าติดถนนวัดเชียงมั่นอยู่ด้านหลัง "วัดคะตึกเชียงมั่น" (ปัจจุบัน) ตรงลงมาผ่านหน้ากาดมั่ว (ตลาดสด) ที่หัวถนนทิพย์วรรณเมื่อก่อนถนนทิพย์วรรณตลอดทั้งสายเป็นตลาดสดมีหลังคามุงครอบสุดสายทะลุถึงถนนบุญวาทย์ ซึ่งได้ถูกไฟไหม้ไปเสียทั้งหมด แต่เมื่อ พ.ศ. 2468 ลงมาคือสายที่สองนี้มีชื่อว่า "กองก๋าง" (ทิพย์ช้างปัจจุบัน) เป็นสายที่ยาวกว่าทุกสายเมื่อผ่ากาดมั่วมาแล้วก็ยาวเรื่อยลงไปผ่านวัดสิงห์ชัย, ดำรงธรรม, ศรีบุญเรือง, นาก่วม ขนานไปกับริมแม่น้ำวังผ่านบ้านปงบ้านต้าบ้านฟ่อน
ถึงแม้จะไม่มีเคหะสถานบ้านเรือนสองข้างถนนแออัดนักก็นับว่าจะยังดีกว่าสายที่ 1 ถ้าจะเปรียบกับปัจจุบันแล้วเทียบกันไม่ติดไกลกันอย่างมากมายความสว่างไสวฟืนไฟ หมดงานก็พักผ่อนนอนรุ่งขึ้นก็ออกไปทำมาหากินตามอาชีพทำไร่ทำนาค้าขาย สายที่ 3 "กองต้า" หรือถนนตลาดจีน (ตลาดเก่าปัจจุบัน) แยกจากถนนทิพย์ช้าง ยาวเรื่อยมาขนานไปกับฝั่งแม่น้ำ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติวัดเกาะวาลุการาม
ตามทางภูมิศาสตร์ได้กล่าวว่าเกาะคือแผ่นดินส่วนใดส่วนหนึ่งผืนแผ่นดินส่วนนั้นมีน้ำล้อมรอบเรียกว่าเกาะประมาณ 40-50 ย้อนหลังขึ้นไปลำแม่น้ำวังเมื่อไหลผ่านสะพานรัษฎาภิเษกลงไปประมาณ 250 เมตรก็จะแยกออกจากกัน .ที่แยกจากกันนั้นเกิดเป็นเกาะกลางขึ้นเกาะหนึ่งแควทั้งสองข้างเกาะจะมีน้ำไหลมากพอให้เรือเดินขึ้นล่องได้สะดวกน้ำที่ไหลแตกแยกจากกันจะไปบรรจบเป็นแควเดียวกันอีกจากหัวเกาะถึงท้ายเกาะยาวประมาณ 200 เมตรประมาณ 50 เมตร
เกาะแห่งนี้แต่โบราณกาลประมาณไม่ได้ว่าจะเป็นกี่ปีมาแล้วนัยว่าเป็นสถานที่เจ้าหญิงองค์หนึ่งแห่งลานนามาประทับอยู่หรือทำพิธีอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง ( ผู้เขียนไม่กล้ายืนยัน ) เมื่อหมดสมัยจะแล้วก็คงจะทิ้งอยู่เป็นเกาะป่าละเมาะร้างว่างเปล่าอยู่ดังนั้นตลอดมาพอจะประมาณได้ว่าราว 90-100 ปีมานี้ก็มีประชาชนข้ามไปจับจองแผ้วถางถือกรรมสิทธิ์ปลูกบ้านอยู่อาศัยเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ทำสวนปลูกผักเป็นตอนไม่มีจากฝั่งซ้ายทิศเหนือและฝั่งขวาทิศใต้จะต้องใช้เรือหรือทำสะพานไม้ไผ่ขัดแตะชั่วคราวมีตอนปิดเปิดตรงร่องน้ำให้เรือแพผ่านไปมาได้สะพานนี้จะทำใช้ได้เฉพาะฤดูแล้งน้ำลดเท่านั้นแม้จะเป็นฤดูแล้งน้ำแห้งมากแล้วเรือแพขึ้นล่องได้ตลอดสายตั้งแแต่ Admiralแจ้ห่ม . . . . ลำปางถึงสุดปากแม่น้ำวังไหลลงไปบรรจบแม่น้ำปิงที่ Admiral สามเงา . . . .ตากเมื่อได้ทราบถึงที่มาของเกาะนี้และแม่น้ำวังบ้างเล็กน้อยแล้วก็จะขอกล่าวถึงสภาพถนนสายยาวของเมืองลำปางเพื่อเป็นความรู้แก่ผู้ที่ไม่เคยรู้เห็นในรุ่นหลังจะนี่บ้าง
ถนนสามสายในตัวเมืองนอกจากถนนซอยตัดเชื่อมกันแต่ละสายแล้วก็มีถนนสายยาวตัวเมืองลำปางอยู่ 3 สายความสายที่ 1 ตั้งแต่หมู่บ้านพิชัยผ่านหลังค่ายทหาร ( เมื่อก่อนถือเป็นด้านหน้าค่ายทหารปัจจุบัน ) ไปจากกำแพงเมืองต่อจากกำแพงเมืองออกไปเป็นป่าละเมาะทุ่งนาถนนสายนี้มีชื่อเรียกว่า " กองหลวง " ( ปัจจุบันมีชื่อว่าถนนบุญวาทย์ ) ที่มีชื่อว่ากองหลวงเห็นจะเป็นเพราะถนนสายนี้ผ่านศาลากลางซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า " เก๊าสนามหลวง "ตอนหหน้าโรงพักตำรวจและโรงเรียนบุญทวงศ์ ( เทศบาล 3 ) ก็เป็นคุ้มหลวงที่อยู่ของเจ้าผู้ปกครองเมืองนครลำปางซึ่งชาวเมืองเรียกว่า " เจ้าหลวง ( องค์สุดท้ายคือเจ้าหลวงบุญวาทย์ )
"ถนนสายนี้ได้ผ่านสถานที่ที่มีคำว่า " หลวงไม่มี " อยู่กระมังจึงเรียกชื่อว่า " กองหลวง " ถนนสายนี้ใช่ว่าจะมีความแออัดด้วยตึกรามบ้านเรือนร้านค้ารถราวิ่งขวักไขว่เช่นปัจจุบันนี้ก็หาไม่เงียบเหงากว่าทุกสายไม่มี ' รั้วบ้านก็เป็นไม้ไผ่ขัดสานเรียกตามภาษาพื้นเมืองว่า " ฮั้วสะราบ " อย่างหนึ่งและ " ฮั้วตาแสง " อย่างหนึ่งถ้าใครไม่กล้าเข้มแข็งพอแล้วขนาดคนเดียวสองคนอย่าได้ริไปเดินยามค่ำคืนเลยหรือไม่ก็อาจถูกผีข้างจะไม่มีถนนตอนเปลี่ยวหลอกเอาเมื่อผู้เขียนเป็นเด็กจะไม่มีพอจะจำความได้แล้วไปมาเล่นตามละแวกตอนที่เฉพาะใกล้บ้านมาเล่าสู่กันฟังคือตอนมุมนอกกำแพงวัดสวนดอกจะถนนเวลานี้ถูกล้มลงไปแล้วใต้ต้นโพธิ์นั้นจะมีสวย ( กรวยใบตอบดอกไม้ธูปเทียน ) วางอยู่โค้นต้นเสมอเก่าหายไปใหม่มาแทนบางทีก็มีสองสามสวยแสดงว่าต้องมีการบนบานศาลกล่าวจ้าวผีสางนางไม้หรือเทวดาอะไรก็แล้วแต่อาจดลบันดาลให้เป็นไปตามความขอร้องวิงวอนถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงเต็มไปด้วยธูปเทียนจุดขอหวยเบอร์กันเกร่อทีเดียวนอกจากนั้นยังเคยได้ทราบข่าวเล่าบ่อยจะว่าโดนผีหลอกถึงกับเป็นไข้หัวโกร๋นไปก็มีนอกจากนี้คงจะมีที่เฮี้ยนจะและศักดิ์สิทธิ์ตอนใดตอนหนึ่งบนถนนสายนี้อีกก็เป็นได้ตอนเหนือขึ้นไปถึงสี่แยกราชวงศ์หน้าธนาคารออมสินตรงตึกแถวร้านค้าสหกรณ์( เรือนจำ ) ตอนกลางคืนจะได้ยินเสียงตำรวจยามตีเกราะเคาะไม้บนป้อมยามเป็นระยะจะทำให้สะท้อนเศร้าวังเวงใจไม่น้อย
สายที่ 2 ถึงต้นแยกจากกองหลวง ( ถนนสายบุญวาทย์ ) ตอนเหนือวัดหมื่นกาดขึ้นไปลงมาผ่านหน้าวัดคะตึกไม่มีคำว่าเชียงมั่นเพราะสมัยนั้นคำว่าคะตึกกับเชียงมั่นเป็นชื่อวัดสองวัดวัดคะตึกอยู่ด้านหน้าติดถนนต่อมารื้อกำแพงกลางออกรวมเป็นวัดเดียวกันเรียกชื่อเสียใหม่ว่า " วัดคะตึกเชียงมั่น " ( ปัจจุบัน ) ตรงลงมาผ่านหน้ากาดมั่ว ( ตลาดสด ) ที่หัวถนนทิพย์วรรณเมื่อก่อนถนนทิพย์วรรณตลอดทั้งสายทะลุถึงถนนบุญวาทย์แยกออกไปทะลุถนนราชวงศ์เชื่อมอีกตอนหนึ่งซึ่งได้ถูกไฟไหม้ไปเสียทั้งหมดแต่เมื่อพ .ศ . 2468 เลยตัดเป็นถนนอยู่จนทุกวันนี้ส่วนสายใหญ่ที่ผ่านวัดคะตึกฯลงมาคือสายที่สองนี้มีชื่อว่า " กองก๋าง " ( ทิพย์ช้างปัจจุบัน ) เป็นสายที่ยาวกว่าทุกสายเมื่อผ่ากาดมั่วมาแล้วผ่านวัดสิงห์ชัยก็ยาวเรื่อยลงไป ,ดำรงธรรมศรีบุญเรืองนาก่วม , , ขนานไปกับริมแม่น้ำวังผ่านบ้านปงบ้านต้าบ้านฟ่อนไปบรรจบลงแม่น้ำวังข้างวัดลำปางกลางฝั่งตะวันออกนับว่าเป็นถนนที่ยาวที่สุด
ให้ประชาชนใกล้ไกลบ้านนอกในเมืองมีทางสัญจรไปมาสะดวกมากถึงแม้จะไม่มีเคหะสถานบ้านเรือนสองข้างถนนแออัดนักก็นับว่าจะยังดีกว่าสายที่ 1เพราะอยู่กลางเมืองจึงเรียกว่ากองก๋างส่วนกลางคืนนับว่าเงียบเชียงอยู่นั้นเองถ้าจะเปรียบกับปัจจุบันแล้วเทียบกันไม่ติดไกลกันอย่างมากมายความสว่างไสวฟืนไฟก็คงมีตะเกียงน้ำมันหรือจุดใต้กันบ้านใครบ้านมันรุ่งขึ้นก็ออกไปทำมาหากินตามอาชีพทำไร่ทำนาค้าขายไม่วุ่นวายว้าวุ่นอกจะแตกตายเหมือนทุกวันนี้สายที่ 3 " กองต้า " อันเป็นภาษาของชาวพื้นเมืองเรียกกันหรือถนนตลาดจีน ( ตลาดเก่าปัจจุบัน ) แยกจากถนนทิพย์ช้างยาวเรื่อยมาขนานไปกับฝั่งแม่น้ำ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: