Cambodia holds emergency meeting on

Cambodia holds emergency meeting on rice
Cambodia’s beleaguered rice sector has convened an emergency meeting to tackle falling rice exports and help rice millers currently in financial doldrums due to severe shortage of funds to buy harvested rice from farmers to be milled for export.
Hean Vanhan, deputy general director of the Agriculture Department, told the Khmer Times that the top agenda in the emergency meeting was the issue of falling rice exports.
While not going into details, Vanhan said rice production was down due to the drought earlier this year and this contributed to the shortfall of paddy rice supply for millers to process for export.
Vanhan also blamed the slowdown in international markets and added: “The flow of cheaper priced rice imported from Vietnam and Thailand made problems bigger.”
“The meeting focused on strengthening the CRF [Cambodia Rice Federation] and drew up an action plan on how we can work together to tackle this crisis,” he said.
The country’s rice exports fell by 6.9% from 312,317 tonnes in the first seven months last year to 292,277 tonnes in the same period this year, according to a report from the Secretariat of One Window Service for Rice Export Formality.
In June, the government agreed to make out loans of between $20 million and $30 million to help rice millers purchase rice from farmers after the harvest this November to store in warehouses and process them for export. But two months later, none of the loans have been made and rice millers are becoming very anxious.
Hun Lak, CRF’s vice-president, told the Khmer Times the current crisis in Cambodia’s rice sector was caused by domestic and external market factors.
“We spent the whole morning talking about this with the Agriculture Ministry. The external factors are falling international markets for rice and the flooding of cheaper priced rice from neighbouring countries. The domestic factors involve lowering rice production costs, amidst lower supply of paddy rice for milling,” said Lak.
Lak pointed out that high electricity rates were eating significantly into the production costs of rice millers.
“We are trying to find ways to lower the cost of electricity. We want the electricity rate to be reduced to less than 400.60 riel (10 cents) per kilowatt hour for the agricultural sector,” he said.
Residents in rural areas pay higher electricity rates than those living in town, who pay 20 cents per kilowatt hour. In comparison, farmers in Vietnam pay about 10 cents per kilowatt hour.
Lak said Cambodia needed to learn from its neighbours on how to lower rice production costs, despite falling exports.
“When we look at Vietnam and Thailand, we see that they have lower production costs than us. They can lower the price of their rice, when global prices are depressed, and still survive. We, however, seem to have a problem with that,” he said.
Lak said the meeting also wanted to see better inter-ministerial cooperation to tackle the country’s rice sector crisis.
“We [CRF] want all the ministries from agriculture, mines and energy, commerce, water resources and public works to be involved. Let’s all work together,” he said.
In March, rice millers and exporters wrote to the government urging intervention to prevent Vietnamese companies from snapping up high-quality Cambodian rice and flooding the Cambodian market with low-grade grain.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กัมพูชาจัดประชุมฉุกเฉินในข้าวภาค beleaguered ข้าวของกัมพูชาได้แต่การประชุมฉุกเฉินเพื่อรับมือกับการส่งออกข้าวลดลง และช่วยให้โรงสีข้าวในปัจจุบันใน doldrums เงินเนื่องจากขาดแคลนเงินทุนซื้อเก็บเกี่ยวข้าวจากเกษตรกรจะเป็นปลายสำหรับการส่งออกอย่างรุนแรงHean Vanhan รองผู้อำนวยการทั่วไปของกรมเกษตร บอกเวลาเขมรว่าวาระในการประชุมฉุกเฉินด้านปัญหาของการส่งออกข้าวลดลงในขณะที่จะไม่ลงรายละเอียด Vanhan กล่าวว่า การผลิตข้าวถูกลงเนื่องจากภัยแล้งปีก่อนหน้านี้ และนี้ส่วนการขาดแคลนอุปทานข้าวเปลือกสำหรับโรงสีเพื่อการส่งออกVanhan ยังตำหนิการชะลอตัวในตลาดต่างประเทศ และเพิ่ม: "การไหลของราคาถูกกว่าราคาข้าวที่นำเข้าจากเวียดนาม และประเทศไทยทำปัญหาใหญ่"เขากล่าวว่า "การประชุมมุ่งเน้นเสริมสร้าง CRF [สหพันธรัฐข้าวกัมพูชา] และดึงขึ้นแผนการดำเนินการในวิธีเราสามารถทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับวิกฤตนี้ส่งออกข้าวของประเทศลดลง 6.9% จาก 312,317 ตันใน 7 เดือนแรกปี 292,277 ตันในช่วงเดียวกันปีนี้ ตามรายงานจากสำนักเลขาธิการของหน้าต่างบริการหนึ่งสำหรับพิธีการการส่งออกข้าวในเดือนมิถุนายน รัฐบาลตกลงที่จะให้ออกเงินให้กู้ยืมของ $20 ล้านและ $30 ล้านเพื่อช่วยโรงสีข้าวซื้อข้าวจากเกษตรกรหลังจากเก็บเกี่ยวพฤศจิกายนนี้เพื่อจัดเก็บในคลังสินค้า และกระบวนการพวกเขาสำหรับการส่งออก แต่สองเดือนต่อมา ไม่มีเงินกู้ยืมที่ได้ทำ และโรงสีข้าวจะกลายเป็นกังวลมากหลักฮุน ประธานของ CRF บอกเวลาเขมรวิกฤตการณ์ในภาคข้าวของกัมพูชาเกิดขึ้นจากปัจจัยการตลาดในประเทศ และภายนอก"เราใช้เวลาตอนเช้าทั้งที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กับกระทรวงเกษตร ปัจจัยภายนอกจะล้มตลาดนานาชาติสำหรับข้าวและน้ำท่วมถูกกว่าราคาข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจัยในประเทศเกี่ยวข้องกับการลดต้นทุนการผลิตข้าว ท่ามกลางต่ำกว่าอุปทานของข้าวเปลือกสำหรับกัด กล่าวว่า หลักหลักชี้ว่า ราคาพลังงานไฟฟ้ารับประทานอาหารอย่างมีนัยสำคัญเป็นต้นทุนการผลิตของโรงสีข้าว"เราพยายามหาวิธีที่จะลดต้นทุนของการไฟฟ้า เราต้องการอัตราค่าไฟฟ้าจะลดลงไปต่ำกว่า 400.60 เรียล (10 เซ็นต์) ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงสำหรับภาคการเกษตร เขากล่าวว่าผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ชนบทจ่ายไฟฟ้าอัตราที่สูงกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง ที่จ่าย 20 เซนต์ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ในการเปรียบเทียบ เกษตรกรในเวียดนามจ่ายประมาณ 10 เซ็นต์ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงหลักกล่าวว่า กัมพูชาจำเป็นต้องเรียนรู้จากของเพื่อนบ้านในการลดต้นทุนการผลิตข้าว แม้ มีการส่งออกลดลง"เมื่อเรามองไปที่เวียดนามและประเทศไทย เราเห็นว่า พวกเขามีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าเรา พวกเขาสามารถลดราคาของข้าว เมื่อราคาโลกซึมเศร้า และยังคง อยู่รอด เรา อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะมีปัญหากับที่ เขากล่าวว่าหลักกล่าวว่า ที่ประชุมยังอยากดูดีกว่าระหว่างรัฐมนตรีความร่วมมือเพื่อรับมือกับวิกฤตภาคข้าวของประเทศ"เรา [CRF] ต้องหน่วยจากเกษตร เหมืองแร่ และพลังงาน พาณิชย์ ทรัพยากรน้ำ และงานการมีส่วนร่วม มาทั้งหมดทำงาน เขากล่าวว่ามีนาคม โรงสีข้าวและผู้ส่งออกเขียนว่า รัฐบาลแทรกแซงเพื่อป้องกันบริษัทเวียดนามจากการหักค่าคุณภาพข้าวกัมพูชา และทุ่มตลาดกัมพูชากับข้าวเกรดต่ำกระตุ้นให้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กัมพูชามีการประชุมฉุกเฉินเมื่อข้าว
ภาคข้าวกัมพูชาชั่วโมงที่ผ่านมาได้มีการประชุมการประชุมฉุกเฉินเพื่อรับมือกับการล้มการส่งออกข้าวและมิลเลอร์ความช่วยเหลือข้าวในปัจจุบันซบเซาทางการเงินเนื่องจากการขาดแคลนอย่างรุนแรงของเงินทุนที่จะซื้อข้าวจากเกษตรกรที่จะได้รับข้าวสารเพื่อการส่งออก.
Hean Vanhan รอง ผู้อำนวยการทั่วไปของกรมวิชาการเกษตรบอกเขมรไทม์สว่าวาระการประชุมชั้นนำในการประชุมฉุกเฉินเป็นเรื่องของการลดลงของการส่งออกข้าว.
ในขณะที่ไม่ได้ไปลงรายละเอียด Vanhan กล่าวว่าการผลิตข้าวลดลงเนื่องจากภัยแล้งปีก่อนหน้านี้และมีส่วนทำให้ ความขาดแคลนของอุปทานข้าวเปลือกสำหรับมิลเลอร์ในการประมวลผลสำหรับการส่งออก.
Vanhan ยังตำหนิการชะลอตัวในตลาดต่างประเทศและเสริมว่า "การไหลของข้าวราคาถูกกว่านำเข้าจากเวียดนามและไทยทำให้ปัญหาใหญ่."
"การประชุมมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้าง CRF [ กัมพูชาข้าวสหพันธ์] และดึงขึ้นแผนการดำเนินการในวิธีที่เราสามารถทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ "เขากล่าว.
การส่งออกข้าวในประเทศลดลง 6.9% จาก 312,317 ตันในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปีที่แล้วถึง 292,277 ตันในช่วงเวลาเดียวกัน ปีนี้ตามรายงานจากสำนักเลขาธิการของบริการหนึ่งหน้าต่างสำหรับข้าวที่ส่งออกเป็นทางการ.
ในเดือนมิถุนายนรัฐบาลเห็นด้วยที่จะให้ออกเงินให้กู้ยืมระหว่าง $ 20 ล้านและ $ 30,000,000 เพื่อช่วยมิลเลอร์ข้าวซื้อข้าวจากเกษตรกรหลังการเก็บเกี่ยวในเดือนพฤศจิกายนนี้จะ เก็บไว้ในโกดังและดำเนินการให้เพื่อการส่งออก แต่สองเดือนต่อมาไม่มีเงินให้สินเชื่อที่ได้รับการทำและมิลเลอร์ข้าวจะกลายเป็นกังวลมาก.
ฮุนหลัก CRF รองประธานบอกเขมรไทม์วิกฤตการณ์ในปัจจุบันในภาคข้าวกัมพูชามีสาเหตุมาจากปัจจัยตลาดภายในและภายนอกประเทศ.
"เรา ใช้เวลาช่วงเช้าทั้งการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กับกระทรวงเกษตร ปัจจัยภายนอกจะล้มตลาดต่างประเทศสำหรับข้าวและน้ำท่วมข้าวราคาถูกกว่าจากประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจัยในประเทศที่เกี่ยวข้องกับการลดต้นทุนการผลิตข้าวท่ามกลางอุปทานที่ลดลงของข้าวเปลือกสำหรับกัด "กล่าวว่าหลัก.
หลักชี้ให้เห็นว่าอัตราค่าไฟฟ้าสูงกำลังรับประทานอย่างมีนัยสำคัญเข้ามาในต้นทุนการผลิตของโรงสีข้าว.
" เรากำลังพยายามที่จะหาวิธีที่จะลด ต้นทุนของการไฟฟ้า เราต้องการให้อัตราการผลิตไฟฟ้าจะลดลงน้อยกว่า 400.60 เรียล (10 เซนต์) ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงสำหรับภาคเกษตร "เขากล่าว.
ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทจ่ายอัตราค่าไฟฟ้าที่สูงกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่จ่าย 20 เซ็นต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง . ในการเปรียบเทียบเกษตรกรในเวียดนามจ่ายประมาณ 10 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง.
หลักกล่าวว่ากัมพูชาที่จำเป็นในการเรียนรู้จากเพื่อนบ้านเกี่ยวกับวิธีการลดต้นทุนการผลิตข้าวแม้จะมีการส่งออกลดลง.
"เมื่อเรามองที่เวียดนามและไทยเราจะเห็นว่าพวกเขามีที่ต่ำกว่า ต้นทุนการผลิตกว่าเรา พวกเขาสามารถลดราคาของข้าวเมื่อราคาทั่วโลกจะมีความสุขและยังมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามเราดูเหมือนจะมีปัญหากับการที่ "เขากล่าว.
หลักกล่าวว่าที่ประชุมยังอยากจะเห็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงที่ดีกว่าที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตภาคข้าวของประเทศ.
" เรา [CRF] ต้องการทุกกระทรวงจากการเกษตร, การทำเหมืองแร่ และพลังงานการค้าแหล่งน้ำสาธารณะและการทำงานจะมีส่วนร่วม ลองมาทำงานด้วยกัน "เขากล่าว.
ในเดือนมีนาคมมิลเลอร์และผู้ส่งออกข้าวเขียนจดหมายถึงรัฐบาลเรียกร้องให้มีการแทรกแซงเพื่อป้องกันไม่ให้ บริษัท จากเวียดนาม snapping up ข้าวกัมพูชามีคุณภาพสูงและน้ำท่วมตลาดกัมพูชาด้วยเม็ดเกรดต่ำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กัมพูชาได้ประชุมฉุกเฉินในข้าวกัมพูชา beleaguered ภาคข้าวได้ประชุมฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกข้าวลดลงและช่วยข้าวโรงสีอยู่ใน doldrums การเงินเนื่องจากการขาดแคลนอย่างรุนแรงของเงินที่จะซื้อข้าวจากเกษตรกร จะเก็บเกี่ยวข้าวสารเพื่อการส่งออกต่อจากนั้น vanhan รองกรรมการทั่วไปของกรมวิชาการเกษตร ว่าเขมรเท่าวาระในการประชุมฉุกเฉินเป็นปัญหาลดลงของการส่งออกข้าวในขณะที่ไม่เข้าไปในรายละเอียด vanhan กล่าวว่า การผลิตข้าวลดลงเนื่องจากภัยแล้งก่อนหน้านี้ในปีนี้และนี้ทำให้ขาดแคลนอุปทานข้าวในโรงสี เพื่อกระบวนการเพื่อการส่งออกvanhan ยังตำหนิการชะลอตัวในตลาดต่างประเทศ และเพิ่ม : " การไหลของถูกกว่าราคานำเข้าข้าวจากเวียดนามและไทย ทำให้ปัญหาใหญ่ "" ที่ประชุมได้เน้นการเสริมสร้าง CRF [ กัมพูชาสหพันธ์ข้าวและร่างแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับวิธีที่เราสามารถทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตินี้ เขากล่าวว่าของประเทศที่ส่งออกข้าวลดลง 6.9% จาก 312317 ตันในช่วง 7 เดือนแรกของปี 292277 ตันในช่วงเดียวกันของปีนี้ ตามรายงานจากสำนักเลขาธิการบริการหนึ่งของหน้าต่างสำหรับพิธีการส่งออกข้าวในเดือนมิถุนายน รัฐบาลตกลงที่จะให้ออกเงินให้กู้ยืมระหว่าง $ 20 ล้านบาทและ $ 30 ล้านบาทเพื่อช่วยให้ข้าวโรงสีซื้อข้าวจากเกษตรกร หลังการเก็บเกี่ยวในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อเก็บไว้ในคลังสินค้า และแปรรูปเพื่อการส่งออก แต่สองเดือนต่อมา เรื่องเงินกู้ เป็นข้าวที่โรงสี เป็นกังวลมากฮุน เขาหลัก , CRF เป็นรองประธานบอกเขมรครั้งวิกฤตในภาคข้าวของกัมพูชานั้น เกิดจากปัจจัยของตลาดภายในประเทศและภายนอกประเทศ" เราใช้เวลาช่วงเช้าทั้งหมดพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กับกระทรวงเกษตรครับ ปัจจัยด้านตลาดต่างประเทศร่วงข้าวและน้ำท่วมของถูกกว่าราคาข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการลดต้นทุนการผลิตข้าวในประเทศ ท่ามกลางปริมาณลดลงของข้าวสำหรับโรงสีข้าว กล่าวว่า ลักเขาหลัก ชี้ให้เห็นว่าอัตราค่าไฟฟ้าสูงกินอย่างมากในต้นทุนการผลิตข้าวโรง ." เราพยายามหาวิธีที่จะลดต้นทุนของการผลิตไฟฟ้า เราต้องการอัตราค่าไฟฟ้าจะลดลงน้อยกว่า 400.60 riel ( 10 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง สำหรับภาคเกษตร " เขากล่าวที่อาศัยอยู่ในเขตชนบท จ่ายอัตราค่าไฟฟ้าที่สูงกว่าอยู่ในเมือง ที่ต้องจ่าย 20 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ในการเปรียบเทียบ ชาวนาในเวียดนามจ่าย 10 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงเขาหลัก กล่าวว่า กัมพูชาต้องเรียนรู้จากประเทศเพื่อนบ้านในการลดต้นทุนการผลิตข้าว มีการส่งออกลดลง" เมื่อเรามองไปที่เวียดนาม และ ไทย เราพบว่า มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าเรา พวกเขาสามารถลดราคาของข้าวเมื่อราคาทั่วโลกจะหดหู่ และยังมีชีวิตอยู่ แต่เราก็มีปัญหากับเรื่องนั้น " เขากล่าวเขาหลัก กล่าวว่า ที่ประชุมยังต้องการเห็นความร่วมมือที่ดีระหว่างรัฐมนตรีเพื่อรับมือกับวิกฤตภาคข้าวของประเทศ" เราต้องการให้ทุกกระทรวง [ เลือด ] จากการเกษตร เหมืองแร่ และพลังงาน พาณิชย์ ทรัพยากรน้ำ และการทำงานที่ได้มีส่วนร่วม เรามาทำงานด้วยกัน " เขากล่าวในเดือนมีนาคม โรงสีข้าว และผู้ส่งออกเขียนถึงรัฐบาลเรียกร้องการแทรกแซงเพื่อป้องกัน บริษัท เวียดนามจากกัมพูชา snapping ขึ้นข้าวคุณภาพสูง และท่วมตลาดกัมพูชากับคุณภาพเมล็ด