U-thong[1] (Thai: อู่ทอง) or Ramath

U-thong[1] (Thai: อู่ทอง) or Ramathibodi I (Thai: รามาธิบดีที่ 1) (1314–1369) was the first king of the kingdom Ayutthaya (now part of Thailand),[2]:222 reigning from 1350 to 1369. He was known as Prince U Thong (meaning "Golden Cradle") before he ascended to the throne in 1350. He was thought to have been a descendant of Mangrai.[3]:27

Ramathibodi I established four Great Officers of State. These were the Ministry of the Interior (Wieng), the Ministry of the Treasury (Klang), the Ministry for the King's Household (Wang), and the Ministry of Agriculture (Na). He also codified the T'ai laws. Finally, he formed an alliance with the Ming Dynasty.[3]:28

He established his own capital in the new city of Ayutthaya. King Ramathabodi's reign included Korat, Chantaburi, Tavoy, Tenasserim, and large parts of Malaya.[3]:28

According to a better-known source, a seventeenth-century account by Dutchman Jeremias Van Vliet, a Renowned Legend stated that Ramatibodi was an ethnic Chinese, having sailed down from China. After succeeding in trade, he became influential enough to rule the city of Phetchaburi, a coastal town of the Gulf of Thailand, before travelling up to Ayutthaya.

In 1352 he laid siege to Yasodharapura. He was successful the following year and placed one of his sons on the throne. However, they were only able to keep the throne until 1357, when the Khmers were able to regain it.[4]:236

King Ramathibodi's death sparked a conflict over succession. Initially, his son King Ramesuan became ruler of Ayutthaya, but King Ramesuan later abdicated in favor of King Ramathibodi's brother-in-law, King Borommaracha I. This rivalry for the throne may have been peaceful or it may have been bloody.[3]:29

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อู่ทอง [1] (ไทย: อู่ทอง) รามาธิบดีหรือฉัน (ไทย: รามาธิบดีที่ 1) (1314-1369) เป็นกษัตริย์องค์แรกของราชอาณาจักรอยุธยา (ตอนนี้ส่วนหนึ่งของประเทศไทย), [2]: 222 ครองราชย์จาก 1350 เพื่อ 1369 เขาถูกเรียกว่าเจ้าอู่ทอง (หมายถึง "ทองอู่") ก่อนเขาแถมยังบัลลังก์ใน 1350 เขาไม่คิดว่า จะมีหลานของพญามังราย [3]: 27รามาธิบดีที่ฉันก่อตั้งสี่ดีเจ้าหน้าที่ของรัฐ คนเหล่านี้กระทรวงมหาดไทย (เวียง), กระทรวงการคลัง (กลาง), กระทรวงสำหรับใช้ในครัวเรือนของพระมหากษัตริย์ (วัง), และกระทรวงเกษตร (นา) เขายัง ประมวลกฎหมายสูงกฎหมายมวยไท่ สุดท้าย เขารูปแบบพันธมิตรกับราชวงศ์หมิง [3]: 28เขาก่อตั้งเมืองหลวงของเขาเองในเมืองใหม่ของอยุธยา รัชสมัยของกษัตริย์ Ramathabodi รวมโคราช จันทบุรี Tavoy, Tenasserim และส่วนใหญ่ของสหพันธรัฐมาลายา [3]: 28ตามแหล่ง better-known บัญชี seventeenth ศตวรรษ โดย Dutchman Jeremias Van Vliet ตำนานแหล่งระบุไว้ว่า Ramatibodi เป็นภาษาจีนชนกลุ่มน้อย มีแล่นลงจากประเทศจีน หลังจากประสบความสำเร็จในการค้า เขาเป็นทรงอิทธิพลพอที่จะครองเมืองเพชรบุรี เมืองชายฝั่งทะเลของอ่าวไทย ก่อนที่จะเดินทางถึงอยุธยาในแพงกว่า เขาวางล้อมไปยโสธรปุระ เขาสำเร็จในปีต่อไปนี้ และวางหนึ่งบุตรบนบัลลังก์ อย่างไรก็ตาม พวกเขาเพียงสามารถรักษาราชบัลลังก์จน 1357 เมื่อ Khmers ที่มีความสามารถเพื่อให้มัน [4]: 236พระรามาธิบดีตายจุดประกายความขัดแย้งเหนือบัลลังก์ เริ่มต้น บุตรกษัตริย์เสียทีกลายเป็น ไม้บรรทัดของอยุธยา ได้เสียทีพระมหากษัตริย์ภายหลังราชาสละราชสามารถเขยพระรามาธิบดี พระ Borommaracha ฉัน อาจมีการแข่งขันนี้มัวสงบ หรือก็อาจได้รับเลือด [3]: 29

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อู่ทอง [1] (ไทย: อู่ทอง) หรือรามาธิบดีฉัน (ไทย: รามาธิบดีที่ 1) (1314-1369) เป็นกษัตริย์องค์แรกของอาณาจักรอยุธยา (ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย), [2]: 222 ครองจาก 1350 1369. เขาเป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าชายอู่ทอง (หมายถึง "โกลเด้น Cradle") ก่อนที่เขาจะขึ้นครองราชบัลลังก์ใน 1350 เขาได้คิดว่าจะเป็นลูกหลานของมังราย a [3]:. 27 รามาธิบดีฉันจัดตั้งสี่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของรัฐ เหล่านี้เป็นกระทรวงมหาดไทย (เวียง) กระทรวงการคลัง (กลาง) กระทรวงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครัวเรือน (วัง) และกระทรวงเกษตร (นา) นอกจากนี้เขายังทำเป็นกฎหมายไท ในที่สุดเขากลายเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์หมิง [3]:. 28 เขาเป็นที่ยอมรับเงินทุนของตัวเองในเมืองใหม่ของอยุธยา พระมหากษัตริย์ครองราชย์ Ramathabodi รวมโคราชจันทบุรีทวายตะนาวศรีและส่วนใหญ่ของแหลมมลายู [3]:. 28 ตามแหล่งที่มารู้จักกันดี, บัญชีศตวรรษที่สิบเจ็ดโดย Dutchman Jeremias Van Vliet ซึ่งเป็นที่มีชื่อเสียงตำนานระบุว่า Ramatibodi เป็น ชาวจีนได้แล่นลงมาจากประเทศจีน หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการค้าเขาก็กลายเป็นผู้มีอิทธิพลพอที่จะปกครองเมืองเพชรบุรีเป็นเมืองชายฝั่งทะเลของอ่าวไทยก่อนที่จะเดินทางถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. ใน 1352 เขาวางล้อมยโสธรปุระ เขาประสบความสำเร็จในปีต่อไปและวางไว้หนึ่งในบุตรชายของเขาบนบัลลังก์ แต่พวกเขาเท่านั้นที่จะสามารถที่จะทำให้บัลลังก์จนกว่า 1357 เมื่อเขมรก็สามารถที่จะฟื้นมัน [4]:. 236 พระรามาธิบดีที่การตายของจุดประกายความขัดแย้งสืบทอด ในขั้นต้นลูกชายของเขากษัตริย์ราเมศวรกลายเป็นผู้ปกครองของกรุงศรีอยุธยา แต่กษัตริย์ราเมศวรภายหลังสละราชสมบัติในความโปรดปรานของพี่ชายในกฎหมายพระรามาธิบดีที่กษัตริย์ Borommaracha I. การแข่งขันราชบัลลังก์นี้อาจได้รับความสงบสุขหรือมันอาจจะเป็นเลือด. [3] : 29

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อู่ทอง [ 1 ] ( ไทย : อู่ทอง ) หรือ รามาธิบดี ( ไทย : รามาธิบดีที่ ( 1 ) หรือ ( 1369 ) เป็นกษัตริย์องค์แรกของอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา ( ตอนนี้ส่วนหนึ่งของประเทศไทย ) [ 2 ] : 222 ปกครองจาก 1350 ถึง 810 . เขาถูกเรียกว่าเจ้าชายอู่ทอง ( หมายถึงทอง " เปล " ) ก่อนที่เขาจะขึ้นครองบัลลังก์ใน 1350 . เขาคิดว่าจะได้เป็นผู้สืบทอดของอัดแบตเตอรี่ [ 3 ] : 27

รามาธิบดีชั้นก่อตั้งสี่นายทหารใหญ่ของรัฐ เหล่านี้ คือ กระทรวงมหาดไทย ( เวียง ) , กระทรวงการคลัง ( กลาง ) , กระทรวงเพื่อครอบครัวของกษัตริย์ ( วัง ) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( na ) นอกจากนี้เขายังได้ codified ใน T ' ai กฎหมาย ในที่สุดเขาเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์หมิง [ 3 ] : 28

เขาก่อตั้งทุนของเขาเองในเมืองใหม่ของอยุธยารัชสมัยของกษัตริย์ ramathabodi รวมโคราช , จันทบุรี , ทวายตะนาวศรี , และชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของแหลมมลายู [ 3 ] : 28

ตามดีกว่า รู้จักแหล่งที่มา , บัญชีศตวรรษที่สิบเจ็ดโดย Dutchman เยเรเมียส ฟาน ฟลีต ตำนานที่มีชื่อเสียงกล่าวว่า รามาธิบดีเป็นชาวจีนได้แล่นลงมาจากประเทศจีน หลังจากประสบความสำเร็จในการค้า เขาก็มีอิทธิพลมากพอที่จะปกครองเมือง เพชรบุรีเมืองชายฝั่งทะเลของอ่าวไทย ก่อนที่จะเดินทางถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำ

ในเขาก็บุกไปต่อมทอนซิล . เขาประสบความสำเร็จในปีต่อไป และ วาง หนึ่งในลูกชายของเขาบนบัลลังก์ อย่างไรก็ตาม , พวกเขาเป็นเพียงสามารถที่จะรักษาบัลลังก์จน 1163 เมื่อเขมรสามารถฟื้นมัน . [ 4 ] : 236

พระรามาธิบดีตายจุดประกายความขัดแย้งเหนือบัลลังก์ ในตอนแรกลูกชายของเขา กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาเป็นไม้บรรทัดของอยุธยา แต่กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาต่อมาสละราชสมบัติในความโปรดปรานของพระราชาธิบดีของพี่เขย กษัตริย์ borommaracha ผมนี้ไม่มีบัลลังก์อาจจะสงบ หรืออาจมีเลือด [ 3 ] : 29