Palm oil cultivation has been criti

Palm oil cultivation has been criticized for impacts on the natural environment,[85][86] including deforestation, loss of natural habitats,[87] which has threatened critically endangered species such as the orangutan[88][89] and Sumatran tiger,[90] and increased greenhouse gas emissions.[86][91] Many palm oil plantations are built on top of existing peat bogs, and clearing the land for palm oil cultivation contributes to rising greenhouse gas emissions.[91][92]

Efforts to portray palm oil cultivation as sustainable have been made by organizations including the Roundtable on Sustainable Palm Oil,[93] an industry group, and the Malaysian government, which has committed to preserve 50 percent of its total land area as forest.[10] According to research conducted by the Tropical Peat Research Laboratory, a group studying palm oil cultivation in support of the industry,[94] oil palm plantations act as carbon sinks, converting carbon dioxide into oxygen[95] and, according to Malaysia's Second National Communication to the United Nations Framework Convention on Climate Change, the plantations contribute to Malaysia's status as a net carbon sink.[96]

Environmental groups such as Greenpeace and Friends of the Earth oppose the use of palm oil biofuels, claiming that the deforestation caused by oil palm plantations is more damaging for the climate than the benefits gained by switching to biofuel and utilizing the palms as carbon sinks.[92][97][98]

While only 5 percent of the world's vegetable oil farmland is used for palm plantations, palm cultivation produces 38 percent of the world's total vegetable oil supply.[99] In terms of oil yield, a palm plantation is 10 times more productive than soya bean and rapeseed cultivation because the palm fruit and kernel both provide usable oil.[99]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพาะปลูกปาล์มน้ำมันได้รับการวิพากษ์วิจารณ์สำหรับผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมธรรมชาติ, [85] [86] รวมทั้งการตัดไม้ทำลายป่า การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ, [87] ซึ่งได้คุกคามวิกฤตใกล้สูญพันธุ์ชนิดเช่นอุรังอุตัง [88] [89] และเสือสุมาตรา, [90] และเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก [86] [91 สร้างสวนปาล์มน้ำมัน]บน bogs พรุที่มีอยู่ และที่ดินปลูกปาล์มน้ำมันการล้างก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น [91] [92]มีความพยายามที่จะแสดงภาพการเพาะปลูกปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืนเป็นองค์กรรวมทั้งการประชุมโต๊ะกลมในปาล์มน้ำมัน, [93] การอุตสาหกรรม และกลุ่มรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งมีความมุ่งมั่นเพื่อรักษาร้อยละ 50 ของพื้นที่รวมที่ดินที่เป็นป่า [10] ตามการวิจัยที่ดำเนินการ โดยห้องปฏิบัติการวิจัยพรุเขตร้อน กลุ่มศึกษาเพาะปลูกปาล์มน้ำมันเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม ปาล์มน้ำมัน [94] ไร่ทำหน้าที่เป็นที่เก็บคาร์บอน แปลงคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นออกซิเจน [95] และ ตามของมาเลเซียสองชาติการสื่อสารกับอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สวนทำให้สถานะของมาเลเซียเป็นคาร์บอนสุทธิ [96]กลุ่มสิ่งแวดล้อมเช่นนพีและเพื่อนของโลกต่อต้านการใช้ปาล์มน้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพ อ้างว่า ตัดไม้ทำลายป่าที่เกิดจากพื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมันคือทำลายสำหรับสภาพภูมิอากาศมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ โดยเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ และใช้ฝ่ามือเป็นอ่างล้างมือคาร์บอน [92] [97] [98]ในขณะที่เพียงร้อยละ 5 ของพื้นที่เพาะปลูกพืชน้ำมันของโลกจะใช้สำหรับปลูกปาล์ม ปลูกปาล์มผลิตร้อยละ 38 ของอุปทานรวมน้ำมันพืชของโลก [99] ในแง่ของผลผลิตน้ำมัน สวนปาล์มเป็น 10 เท่ามากกว่าถั่วเหลืองถั่วและเมล็ดต้นเรพเพาะปลูกเนื่องจากปาล์มผลไม้และเคอร์เนลทั้งสองให้สามารถใช้น้ำมัน [99]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเพาะปลูกปาล์มน้ำมันได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ [85] [86] รวมทั้งการตัดไม้ทำลายป่าการสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ [87] ซึ่งได้ขู่สัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งเช่นลิงอุรังอุตัง [88] [89] และสุมาตราเสือ [90] และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น. [86] [91] ปลูกปาล์มน้ำมันจำนวนมากจะถูกสร้างขึ้นบนพีทอึที่มีอยู่และการล้างที่ดินสำหรับการเพาะปลูกปาล์มน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก. [91] [92]

ความพยายามที่จะวาดภาพการเพาะปลูกปาล์มน้ำมันเป็นอย่างยั่งยืนได้รับการทำโดยองค์กรรวมทั้งการประชุมโต๊ะกลมปาล์มอย่างยั่งยืน [93] กลุ่มอุตสาหกรรมและรัฐบาลมาเลเซียซึ่งมีความมุ่งมั่นที่จะรักษาร้อยละ 50 ของพื้นที่ที่ดินทั้งหมดเป็นป่า. [10 ] ตามการวิจัยที่ดำเนินการโดย Tropical Peat ห้องปฏิบัติการวิจัยกลุ่มศึกษาการเพาะปลูกปาล์มน้ำมันในการสนับสนุนของอุตสาหกรรม [94] สวนปาล์มน้ำมันทำหน้าที่เป็นอ่างล้างมือคาร์บอนแปลงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซออกซิเจน [95] และตามไปยังประเทศมาเลเซียครั้งที่สองของการสื่อสารแห่งชาติ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, สวนนำไปสู่สถานะของมาเลเซียเป็นอ่างคาร์บอนสุทธิ. [96]

กลุ่มสิ่งแวดล้อมเช่นกรีนพีซและเพื่อน ๆ ของโลกต่อต้านการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพน้ำมันปาล์มอ้างว่าตัดไม้ทำลายป่าที่เกิดจากการเพาะปลูกปาล์มน้ำมันที่สร้างความเสียหายมากขึ้นสำหรับสภาพภูมิอากาศมากกว่าผลประโยชน์ที่ได้รับจากการเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงชีวภาพและการใช้ฝ่ามือเป็นอ่างล้างมือคาร์บอน. [ 92] [97] [98]

ในขณะที่เพียงร้อยละ 5 ของพื้นที่เพาะปลูกพืชน้ำมันของโลกจะใช้สำหรับการเพาะปลูกปาล์มปลูกปาล์มผลิตร้อยละ 38 ของอุปทานน้ำมันพืชทั้งหมดของโลก. [99] ในแง่ของผลผลิตน้ำมันปาล์มเป็น 10 ครั้งมีประสิทธิผลมากขึ้นกว่าถั่วเหลืองและการเพาะปลูกเรพซีดเพราะผลปาล์มและเมล็ดทั้งให้น้ำมันที่ใช้งานได้. [99]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การปลูกปาล์มน้ำมันได้รับการวิจารณ์สำหรับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ [ 85 ] [ 86 ] รวมทั้งการตัดไม้ทำลายป่า การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย [ 87 ] ซึ่งได้คุกคามวิกฤตใกล้สูญพันธุ์เช่นลิงอุรังอุตัง [ 88 ] [ 89 ] และสุมาตราเสือ [ 90 ] และการเพิ่มขึ้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก [ 86 ] [ 91 ] หลายน้ำมันปาล์มสวนถูกสร้างขึ้นที่ด้านบนของ peat bogs ที่มีอยู่ และการล้างที่ดินสำหรับการเพาะปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก . [ 91 ] [ 92 ]ความพยายามที่จะวาดภาพปาล์มน้ำมัน ปลูกอย่างยั่งยืนได้ โดยองค์กรรวมทั้งโต๊ะกลมกับน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน [ 93 ] อุตสาหกรรมกลุ่ม และรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งมีความมุ่งมั่นที่จะรักษา ร้อยละ 50 ของพื้นที่ทั้งหมดเป็นป่า [ 10 ] ตามการวิจัยดำเนินการโดยพีทเขตร้อนห้องปฏิบัติการวิจัย , กลุ่ม การศึกษาการปลูกปาล์มน้ำมันในการสนับสนุนอุตสาหกรรม [ 94 ] ปาล์มน้ำมัน สวนยางพารา เป็นคาร์บอนซิงค์ , การแปลงคาร์บอนไดออกไซด์เป็นออกซิเจน [ 95 ] และตามมาเลเซียที่สองแห่งชาติการสื่อสารกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสวนยางพารา ส่งผลให้สถานะของมาเลเซียเป็นอ่างคาร์บอนสุทธิ [ 96 ]กลุ่มสิ่งแวดล้อมเช่นกรีนพีซและเพื่อนของโลกต่อต้านการใช้ปาล์มน้ำมัน เชื้อเพลิงชีวภาพ อ้างว่า การทำลายป่าที่เกิดจากน้ำมันปาล์ม สวนยางพาราเสียหายเพิ่มเติมสำหรับภูมิอากาศมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ โดยการสลับเชื้อเพลิงชีวภาพและใช้ฝ่ามือเป็นคาร์บอนซิงค์ [ 92 ] [ 97 ] [ 98 ]ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 5 ของโลกใช้น้ำมันพืชพื้นที่สวนปาล์ม ปลูกปาล์ม ผลิต 38 เปอร์เซ็นต์ของอุปทานรวมของโลกน้ำมันพืช [ 99 ] ในแง่ของผลผลิตปาล์มน้ำมัน , ปลูกเป็น 10 ครั้งมากขึ้นกว่าการปลูกถั่วเหลือง rapeseed เพราะปาล์มผลไม้และเมล็ดมีน้ำมันใช้งานได้ทั้ง [ 99 ]