Oldest traces of smallpox virus fou

Oldest traces of smallpox virus found in child mummy

A child mummy buried in a church crypt in Lithuania could hold the oldest genetic evidence of smallpox.

Traces of the disease-causing variola virus linger in the mummy, which dates to about 1654, evolutionary geneticist Ana Duggan and colleagues report December 8 in Current Biology. Previously, a team of researchers had reported variola DNA in a roughly 300-year-old Siberian mummy.

Some Egyptian mummies, dating back more than 3,000 years, have pockmarks that scientists have interpreted as signs of smallpox, indicating the disease may have tormented humans for millennia. “The definitive feature of smallpox is a pustular rash,” says Duggan of McMaster University in Hamilton, Canada. “But it isn’t easy to say whether a rash comes from smallpox or chicken pox or measles.”

Duggan’s team analyzed skin from the mummy, believed to be a boy who died between ages 2 and 4. They found DNA from an ancient strain of variola, and compared it with dozens of strains from the 20th century. The ancient and modern strains weren’t all that different, the researchers found. They shared a common ancestor that dates to around the late 16th century, not long before the boy died.

“It’s a little bit curious,” Duggan says. More diversity might be expected of a virus that had been kicking around since ancient Egyptian times. The find could suggest that “the timeline of smallpox existing in humans isn’t that deep at all.”

In fact, historical mortality records suggest that around the late 16th century, smallpox seemed to go “from something that occasionally caused infection to more of an epidemic disease,” Duggan says.

But researchers can’t say for sure when smallpox started affecting humans on a large-scale, she cautions. Whether or not those ancient Egyptian mummies had smallpox is still an open question, she says. “We haven’t closed it.”

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ร่องรอยเก่าของทรพิษในมัมมี่เด็กมัมมี่เด็กที่ฝังอยู่ใน crypt คริสตจักรในประเทศลิธัวเนียถือหลักฐานทางพันธุกรรมที่เก่าที่สุดของไข้ทรพิษร่องรอยของไวรัสก่อโรค variola อิทธิพลในมัมมี่ ซึ่งมีการประมาณ 1654, geneticist วิวัฒนาการ Ana มินาและเพื่อนร่วมงานรายงานวันที่ 8 ธันวาคมในชีววิทยาปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ งานวิจัยได้รายงาน variola ดีเอ็นเอในมัมมี่ไซบีเรียประมาณ 300 ปีมัมมี่อียิปต์บาง กว่า 3,000 ปี มี pockmarks ที่นักวิทยาศาสตร์ได้แปลงไปเป็นอาการของไข้ทรพิษ ระบุโรคอาจมีทรมานมนุษย์นับพันปี "คุณลักษณะชัดเจนของไข้ทรพิษเป็นผื่น pustular กล่าวว่า มหาวิทยาลัย McMaster ของมินาในแฮมิลตัน แคนาดา "แต่มันไม่ง่ายที่จะบอกว่า มาผื่นจากโรคหัด หรืออีสุกอีใส ไข้ทรพิษ"ทีมงานของมินาวิเคราะห์ผิวจากมัมมี่ เชื่อว่า เด็กที่เสียชีวิตระหว่างอายุ 2 และ 4 พวกเขาพบดีเอ็นเอจากเป็นสายพันธุ์โบราณของ variola และเมื่อเทียบกับหลายสิบสายพันธุ์จากศตวรรษที่ 20 สายพันธุ์โบราณ และทันสมัยไม่ต่างไป พบนักวิจัย พวกเขาร่วมกันบรรพบุรุษวันที่รอบปลายศตวรรษที่ 16 ไม่นานก่อนที่เด็กชายเสียชีวิต"ก็อยากรู้อยากเห็นน้อย มินากล่าว เติมความหลากหลายอาจจะคาดหวังของไวรัสที่มีการเตะรอบตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ ค้นหาชี้ว่า "ระยะเวลาของไข้ทรพิษที่มีอยู่ในมนุษย์ไม่ลึกนั่นเลย"มินากล่าวว่า ในความเป็นจริง ระเบียนประวัติศาสตร์มรณะแนะนำว่า ใกล้ช่วงปลายพุทธศตวรรษ ฝีดาษประจักษ์ไปจากสิ่งที่บางครั้งเกิดจากการติดเชื้อของโรคเรื้อรังมากขึ้น"แต่นักวิจัยบอกว่า เมื่อไข้ทรพิษเริ่มส่งผลกระทบต่อมนุษย์ในใหญ่ เธอเตือน หรือไม่มีเหล่ามัมมี่อียิปต์โบราณ ฝีดาษยังคงเป็นคำถามเปิด เธอกล่าว "เรายังไม่ปิดนั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ร่องรอยที่เก่าแก่ที่สุดของไวรัสฝีดาษที่พบในเด็ก Mummy

มัมมี่เด็กฝังอยู่ในห้องใต้ดินที่คริสตจักรในลิทัวเนียจะถือหลักฐานทางพันธุกรรมที่เก่าแก่ที่สุดของไข้ทรพิษ

ร่องรอยของอิทธิพลไวรัส Variola ก่อให้เกิดโรคในแม่ซึ่งวันที่ไปประมาณ 1654 วิวัฒนาการผาด Ana ดักแกนและเพื่อนร่วมงานรายงาน 8 ธันวาคมชีววิทยาปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ทีมนักวิจัยได้รายงานดีเอ็นเอ Variola ในมัมมี่ไซบีเรียประมาณ 300 ปี

บางมัมมี่อียิปต์ย้อนหลังไปกว่า 3,000 ปีที่ผ่านมามี pockmarks ว่านักวิทยาศาสตร์ได้ตีความว่าเป็นสัญญาณของการดาษบ่งชี้โรคอาจมีการทรมานมนุษย์นับพันปี "คุณลักษณะที่ชัดเจนของไข้ทรพิษเป็นผื่น pustular" ดักแกนมหาวิทยาลัย McMaster ในแฮมิลตัน, แคนาดากล่าวว่า

" แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกว่าผื่นมาจากไข้ทรพิษหรือโรคอีสุกอีใสโรคหัดหรือ." ทีมดักแกนของการวิเคราะห์ผิวจากแม่เชื่อว่าจะเป็นเด็กที่เสียชีวิตระหว่างอายุ 2 และ 4 พวกเขาพบว่าดีเอ็นเอจากสายพันธุ์โบราณ ของ Variola และเมื่อเทียบกับหลายสิบสายพันธุ์จากศตวรรษที่ 20 สายพันธุ์โบราณและสมัยใหม่ไม่ได้ทุกสิ่งที่แตกต่างกันนักวิจัยพบว่า พวกเขาได้ร่วมบรรพบุรุษร่วมกันว่าวันที่จะประมาณปลายศตวรรษที่ 16 ไม่นานก่อนที่เด็กเสียชีวิต

"มันเป็นความอยากรู้อยากเห็นนิด ๆ หน่อย ๆ " ดักแกนกล่าวว่า ความหลากหลายมากขึ้นอาจจะคาดหวังของไวรัสที่ได้รับการเตะรอบตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ พบว่าสามารถชี้ให้เห็นว่า "ไทม์ไลน์ของไข้ทรพิษที่มีอยู่ในมนุษย์ไม่ว่าลึก at all."

ในความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์บันทึกการตายชี้ให้เห็นว่าประมาณปลายศตวรรษที่ 16 ไข้ทรพิษดูเหมือนจะไป "จากบางสิ่งบางอย่างที่บางครั้งเกิดจากการติดเชื้อมากขึ้นของโรคระบาด" ดักแกนกล่าวว่า

แต่นักวิจัยไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอนเมื่อไข้ทรพิษเริ่มส่งผลกระทบต่อมนุษย์บนขนาดใหญ่เธอข้อควรระวัง หรือไม่ผู้มัมมี่อียิปต์โบราณได้ไข้ทรพิษยังคงเป็นคำถามเปิดที่เธอบอกว่า "เราไม่ได้ปิดมัน."

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ร่องรอยของไวรัสฝีดาษที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในแม่เด็กเด็กแม่ถูกฝังไว้ในโบสถ์เก่าแก่ที่ฝังศพในลิทัวเนียสามารถเก็บหลักฐานทางพันธุกรรมของไข้ทรพิษร่องรอยของโรคที่ก่อให้เกิดไวรัสฝีดาษอู้ในมัมมี่ ซึ่งวันที่ไปประมาณ 1 พันธุศาสตร์ วิวัฒนาการ , Ana ดักแกนและเพื่อนร่วมงานรายงาน 8 ธันวาคมในชีววิทยาปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ ทีมนักวิจัยได้รายงานในไซบีเรียไข้ทรพิษดีเอ็นเอมัมมี่เก่าปีประมาณ 300มัมมี่อียิปต์บางย้อนกลับมากกว่า 3 , 000 ปี มี pockmarks ที่นักวิทยาศาสตร์มีการตีความว่าเป็นสัญญาณของโรคฝีดาษ ซึ่งอาจทรมานมนุษย์นับพันปี . " คุณลักษณะที่ชัดเจนของโรคฝีดาษเป็นผื่น pustular " ว่าดักแกนของมหาวิทยาลัย McMaster ในแฮมิลตัน , แคนาดา " แต่มันไม่ง่ายที่จะบอกว่า เป็นผื่น ที่มาจากโรคฝีดาษ หรืออีสุกอีใส หรือโรคหัด "ดักแกนของทีมวิเคราะห์ผิวจากมัมมี่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเด็กผู้ชายที่เสียชีวิตระหว่างอายุ 2 และ 4 พวกเขาพบว่าดีเอ็นเอจากสายพันธุ์โบราณของไข้ทรพิษ และเปรียบเทียบกับหลายสิบสายพันธุ์จากศตวรรษที่ 20 สายพันธุ์โบราณและสมัยใหม่ไม่ได้ทั้งหมดที่ต่างกัน นักวิจัยพบว่า พวกเขาร่วมกันบรรพบุรุษวันที่ประมาณศตวรรษที่ 16 สาย ไม่นาน ลูกชายตาย" ก็อยากรู้บ้าง " ดักแกนกล่าว ความหลากหลายมากขึ้นอาจจะคาดของไวรัสที่ได้รับการเตะรอบตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ ค้นหาขอแนะนำว่า " เส้นเวลาของฝีดาษที่มีอยู่ในมนุษย์ไม่ได้ลึกเลย "ในความเป็นจริง , ประวัติของประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่ารอบศตวรรษที่ 16 สาย ไข้ทรพิษ ดูเหมือนจะไปจากบางอย่างที่บางครั้งเกิดจากการติดเชื้อเพิ่มเติมของโรคระบาด " ดักแกนกล่าวแต่นักวิจัยยังบอกแน่นอนไม่ได้ เมื่อฝีเริ่มมีผลต่อมนุษย์บนขนาดใหญ่ เธอเตือน . หรือไม่ได้ช่วยมัมมี่อียิปต์โบราณเหล่านั้นยังคงเป็นคำถาม เปิด เธอกล่าว " เรายังไม่ปิด " .