al. 2007b) and geophysical studies

al. 2007b) and geophysical studies (Gottsmann et al. 2007)
highlight the role of gas and aqueous fluid dynamics in
caldera deformation. At Yellowstone, bradyseismic events
typically are linked to magma intrusion (Wicks et al. 2006)
or to upward migration of brines from hot, low-permeability
regions (Dzurisin et al. 1990). Without continuous monitoring
of volatile flux and comparison with geophysical time
series, it remains difficult to verify any particular mechanism
of deformation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

al. 2007b) และศึกษาธรณี (Gottsmann et al. 2007)เน้นบทบาทของก๊าซและอควี fluid dynamics ในแอ่งภูเขาไฟรูปกระจาดแมพ ในเยลโลว์สโตน เหตุการณ์ bradyseismicโดยทั่วไปเชื่อมโยงกับซก็บุกรุก (สารประกอบ et al. 2006)หรือการย้ายขึ้นด้านบนของ brines จาก ร้อน permeability ต่ำภูมิภาค (Dzurisin et al. 1990) ไม่ มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องของไหลเปลี่ยนแปลงได้และเปรียบเทียบกับเวลาที่ธรณีชุด มันยังคงยากต่อการตรวจสอบกลไกใด ๆ เฉพาะของแมพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อัล 2007B) และการศึกษาธรณีฟิสิกส์ (Gottsmann et al. 2007)
เน้นบทบาทของก๊าซและพลศาสตร์ของไหลน้ำในการเปลี่ยนรูปสมรภูมิ
ในเยลโลว์สโตนเหตุการณ์ bradyseismic
มักจะเชื่อมโยงกับการบุกรุกหนืด (สาดแสง et al. 2006)
หรือการอพยพขึ้นของ brines
ร้อนจากการซึมผ่านต่ำภูมิภาค(Dzurisin et al. 1990) โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องของฟลักซ์ระเหยและการเปรียบเทียบกับเวลาธรณีฟิสิกส์ชุดก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบกลไกการใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของการเสียรูป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อัล 2007b ) และการศึกษาทางธรณีฟิสิกส์ ( gottsmann et al . 2007 )
เน้นบทบาทของก๊าซและสารละลายทางพลศาสตร์ของไหลใน
Caldera รูป ที่เยลโลว์สโตน เหตุการณ์ bradyseismic
มักจะเชื่อมโยงกับหินหนืดการบุกรุก ( สารประกอบ et al . 2006 )
หรือการย้ายถิ่นขึ้นจากน้ำเค็ม จากร้อน low-permeability
ภูมิภาค ดิวซ์ริซิน et al . 1990 ) โดย
ติดตามอย่างต่อเนื่องของฟลักซ์ที่ผันผวนและการเปรียบเทียบกับฟิสิกส์เวลา
ชุด มันยังคงยากที่จะตรวจสอบใด ๆ โดยเฉพาะกลไก

ของแมพ