ผลดีของความขัดแย้งพรนพ พุกกะพันธุ์ (2544: 276) ได้กล่าวถึงผลดีของความข การแปล - ผลดีของความขัดแย้งพรนพ พุกกะพันธุ์ (2544: 276) ได้กล่าวถึงผลดีของความข ไทย วิธีการพูด

ผลดีของความขัดแย้งพรนพ พุกกะพันธุ์

ผลดีของความขัดแย้ง
พรนพ พุกกะพันธุ์ (2544: 276) ได้กล่าวถึงผลดีของความขัดแย้งไว้ว่า ความจริงแล้วความขัดแย้งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อเกิดขึ้น ก็จะนำไปสู่ความก้าวหน้า หรือเกิดความสร้างสรรค์ได้ เพราะจะเกิดแนวคิดที่สามขึ้นมา ซึ่งเหนือกว่าสองแนวคิดที่ขัดแย้งกันอยู่ ดังนั้น ความขัดแย้งจึงเสมือนเป็นการบังคับให้มนุษย์แสวงหาความคิดที่ใหม่ขึ้นเสมอ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อองค์การ เพราะจะเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ และเปิดโอกาสให้มนุษย์ตรวจสอบความสามารถของตนเองอยู่เสมอ
วิจิตร วรุตบางกูร (2526: 173-174) โดยทั่วไปบุคคลส่วนใหญ่จะมีทัศนคติไม่ดีต่อความขัดแย้งเพราะเชื่อว่า ความร่วมมือเป็นสิ่งที่ดีและ ความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ไม่ดี แม้ว่าความขัดแย้งอาจก่อให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียด และเป็นผลเสียต่อองค์การแต่บางครั้ง ความขัดแย้งอาจก่อให้เกิด ผลดีได้เหมือนกัน กล่าวคือ ความขัดแย้งสามารถให้ผลในทางบวก เป็นต้นว่า
1. ทำให้เกิดแนวปฏิบัติหรือความคิดเห็นอื่นๆ มากขึ้น
2. ทำให้มีโอกาสเลือกแนวทางที่ดีกว่า
3. ทำให้เกิดแรงผลักดันที่ต้องค้นหาวิธีการใหม่ๆ
4. ทำให้เกิดความพยายาม ที่จะอธิบายความเห็น ความเชื่อหรือชี้แจงให้ชัดเจน จึงต้องพัฒนาความสามารถในการสื่อความหมายและให้เหตุผล
5. ความตึงเครียดกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
6. ทำให้เกิดความเคยชิน ในการแลกเปลี่ยนความเห็นและยอมรับนับถือซึ่งกันและกันมากขึ้น
ซึ่งคล้ายกับ ทิศนา แขมมณี (2522: 81) กล่าวว่า ความขัดแย้งไม่ใช่จะให้ผลเสียเสมอไป แท้ที่จริงแล้วความขัดแย้งมีประโยชน์ในหลายด้าน เช่น
1. ความขัดแย้งทำให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ
2. ทำให้ความคิดและการทำงาน ไม่หยุดอยู่กับที่
3. ช่วยกระตุ้นให้บุคคลเกิดความกระตือรือร้นและแสดงความสามารถของตน อาจส่งผลให้การทำงาน และผลงานของกลุ่มดีขึ้น
เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์ (2540: 22) ได้กล่าวโดยสรุปว่า ความขัดแย้งที่มีในระดับที่เหมาะสมจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบุคคล และองค์การประโยชน์ที่สำคัญบางประการ ได้แก่
1. ป้องกันไม่ให้องค์การหยุดอยู่กับที่หรือเฉื่อยชา
2. ความขัดแย้งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารที่ฉลาดย่อมสามารถนำการเปลี่ยนแปลงนั้นให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม
ความขัดแย้งเป็นผลมาจากความแตกต่างของบุคคล ผู้บริหารที่ฉลาดย่อมสามารถประสานความแตกต่างมา เป็นประโยชน์ต่อองค์การ ทำให้เกิดความคิดริเริ่มใหม่ๆ ความขัดแย้งกระตุ้นให้เกิดการแสวงหาข้อมูลใหม่หรือข้อเท็จจริงใหม่ หรือวิธีแก้ปัญหาอย่างใหม่ต่างฝ่ายก็พยายาม หาข้อมูลและเหตุผลมาสนับสนุนฝ่ายตน ทำให้ได้ข้อมูลหรือหลักฐานใหม่หรือต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมรับวิธีของกันและกัน ก็จำเป็นต้องหาทางออกใหม่
ความขัดแย้งกับกลุ่มอื่นจะทำให้สมาชิกภายในกลุ่มมีความกลมเกลียวกันและรวมพลังกัน ความขัดแย้งที่เกิดจากการมีความเห็นแตกต่างกัน จะช่วยทำให้มีความรอบคอบและมีปัญหา นอกจากนั้นยังช่วยเสริมการพัฒนาการทำงานอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ
โอเวนส์ (Owen 1991: 246-248) ได้กล่าวว่า หากความขัดแย้งได้รับการตอบสนองในทางบวกมีการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เหมาะสม ย่อมทำให้เกิดบรรยากาศที่ดี เกิดบรรยากาศของความร่วมมือและสนับสนุน ความขัดแย้งนั้น จะเป็นความขัดแย้งในทางสร้างสรรค์ซึ่งจะส่งผลให้องค์การ มีความเจริญก้าวหน้าในที่สุด
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ผลดีของความขัดแย้งพรนพพุกกะพันธุ์ (2544:276) ได้กล่าวถึงผลดีของความขัดแย้งไว้ว่าความจริงแล้วความขัดแย้งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเมื่อเกิดขึ้นก็จะนำไปสู่ความก้าวหน้าหรือเกิดความสร้างสรรค์ได้เพราะจะเกิดแนวคิดที่สามขึ้นมาซึ่งเหนือกว่าสองแนวคิดที่ขัดแย้งกันอยู่ดังนั้นความขัดแย้งจึงเสมือนเป็นการบังคับให้มนุษย์แสวงหาความคิดที่ใหม่ขึ้นเสมอซึ่งจะเป็นผลดีต่อองค์การเพราะจะเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ และเปิดโอกาสให้มนุษย์ตรวจสอบความสามารถของตนเองอยู่เสมอวิจิตรวรุตบางกูร (ไป:173-174) โดยทั่วไปบุคคลส่วนใหญ่จะมีทัศนคติไม่ดีต่อความขัดแย้งเพราะเชื่อว่าความร่วมมือเป็นสิ่งที่ดีและความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ไม่ดีแม้ว่าความขัดแย้งอาจก่อให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียดและเป็นผลเสียต่อองค์การแต่บางครั้งความขัดแย้งอาจก่อให้เกิดผลดีได้เหมือนกันกล่าวคือความขัดแย้งสามารถให้ผลในทางบวกเป็นต้นว่า1. ทำให้เกิดแนวปฏิบัติหรือความคิดเห็นอื่น ๆ มากขึ้น2. ทำให้มีโอกาสเลือกแนวทางที่ดีกว่า3. ทำให้เกิดแรงผลักดันที่ต้องค้นหาวิธีการใหม่ ๆ4. ทำให้เกิดความพยายามที่จะอธิบายความเห็นความเชื่อหรือชี้แจงให้ชัดเจนจึงต้องพัฒนาความสามารถในการสื่อความหมายและให้เหตุผล5. ความตึงเครียดกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์6. ทำให้เกิดความเคยชินในการแลกเปลี่ยนความเห็นและยอมรับนับถือซึ่งกันและกันมากขึ้นซึ่งคล้ายกับทิศนาแขมมณี (2522:81) กล่าวว่าความขัดแย้งไม่ใช่จะให้ผลเสียเสมอไปแท้ที่จริงแล้วความขัดแย้งมีประโยชน์ในหลายด้านเช่น1. ความขัดแย้งทำให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ2. ทำให้ความคิดและการทำงานไม่หยุดอยู่กับที่3. ช่วยกระตุ้นให้บุคคลเกิดความกระตือรือร้นและแสดงความสามารถของตนอาจส่งผลให้การทำงานและผลงานของกลุ่มดีขึ้นเสริมศักดิ์วิศาลาภรณ์ (2540:22) ได้กล่าวโดยสรุปว่าความขัดแย้งที่มีในระดับที่เหมาะสมจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบุคคลและองค์การประโยชน์ที่สำคัญบางประการได้แก่1. ป้องกันไม่ให้องค์การหยุดอยู่กับที่หรือเฉื่อยชา2. ความขัดแย้งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารที่ฉลาดย่อมสามารถนำการเปลี่ยนแปลงนั้นให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมความขัดแย้งเป็นผลมาจากความแตกต่างของบุคคลผู้บริหารที่ฉลาดย่อมสามารถประสานความแตกต่างมาเป็นประโยชน์ต่อองค์การทำให้เกิดความคิดริเริ่มใหม่ ๆ ความขัดแย้งกระตุ้นให้เกิดการแสวงหาข้อมูลใหม่หรือข้อเท็จจริงใหม่หรือวิธีแก้ปัญหาอย่างใหม่ต่างฝ่ายก็พยายามหาข้อมูลและเหตุผลมาสนับสนุนฝ่ายตนทำให้ได้ข้อมูลหรือหลักฐานใหม่หรือต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมรับวิธีของกันและกันก็จำเป็นต้องหาทางออกใหม่ความขัดแย้งกับกลุ่มอื่นจะทำให้สมาชิกภายในกลุ่มมีความกลมเกลียวกันและรวมพลังกันความขัดแย้งที่เกิดจากการมีความเห็นแตกต่างกันจะช่วยทำให้มีความรอบคอบและมีปัญหานอกจากนั้นยังช่วยเสริมการพัฒนาการทำงานอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพโอเวนส์ (Owen 1991:246-248) ได้กล่าวว่าหากความขัดแย้งได้รับการตอบสนองในทางบวกมีการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เหมาะสมย่อมทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีเกิดบรรยากาศของความร่วมมือและสนับสนุนความขัดแย้งนั้นจะเป็นความขัดแย้งในทางสร้างสรรค์ซึ่งจะส่งผลให้องค์การมีความเจริญก้าวหน้าในที่สุด
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ผลดีของความขัดแย้ง
พรนพพุกกะพันธุ์ (2544: 276) และเมื่อเกิดขึ้นก็จะนำไปสู่ความก้าวหน้าหรือเกิดความสร้างสรรค์ได้เพราะจะเกิดแนวคิดที่สามขึ้นมา ดังนั้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อองค์การเพราะจะเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ
วรุตบางกูร (2526: 173-174) ความร่วมมือเป็นสิ่งที่ดีและความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ไม่ดี ความขัดแย้งอาจก่อให้เกิดผลดีได้เหมือนกันกล่าวคือความขัดแย้งสามารถให้ผลในทางบวกเป็นต้นว่า
1 มากขึ้น
2 ทำให้มีโอกาสเลือกแนวทางที่ดีกว่า
3
ทำให้เกิดความพยายามที่จะอธิบายความเห็นความเชื่อหรือชี้แจงให้ชัดเจน ทำให้เกิดความเคยชิน ทิศนาแขมมณี (2522: 81) กล่าวว่า เช่น1 ความขัดแย้งทำให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ2 ทำให้ความคิดและการทำงานไม่หยุดอยู่กับที่3 อาจส่งผลให้การทำงานและผลงานของกลุ่มดีขึ้นเสริมศักดิ์วิศาลาภรณ์ (2540: 22) ได้กล่าวโดยสรุปว่า ได้แก่1 เป็นประโยชน์ต่อองค์การทำให้เกิดความคิดริเริ่มใหม่ ๆ หาข้อมูลและเหตุผลมาสนับสนุนฝ่ายตน จะช่วยทำให้มีความรอบคอบและมีปัญหา (โอเว่น 1991: 246-248) ได้กล่าวว่า ย่อมทำให้เกิดบรรยากาศที่ดี ความขัดแย้งนั้น มีความเจริญก้าวหน้าในที่สุด












การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ผลดีของความขัดแย้ง
พรนพพุกกะพันธุ์ ( 2544 :276 ) ได้กล่าวถึงผลดีของความขัดแย้งไว้ว่าความจริงแล้วความขัดแย้งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเมื่อเกิดขึ้นก็จะนำไปสู่ความก้าวหน้าหรือเกิดความสร้างสรรค์ได้เพราะจะเกิดแนวคิดที่สามขึ้นมาดังนั้นความขัดแย้งจึงเสมือนเป็นการบังคับให้มนุษย์แสวงหาความคิดที่ใหม่ขึ้นเสมอซึ่งจะเป็นผลดีต่อองค์การเพราะจะเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆและเปิดโอกาสให้มนุษย์ตรวจสอบความสามารถของตนเองอยู่เสมอ
วิจิตรวรุตบางกูร ( 2526 :173-174 ) โดยทั่วไปบุคคลส่วนใหญ่จะมีทัศนคติไม่ดีต่อความขัดแย้งเพราะเชื่อว่าความร่วมมือเป็นสิ่งที่ดีและความขัดแย้งเป็นสิ่งที่ไม่ดีแม้ว่าความขัดแย้งอาจก่อให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียดความขัดแย้งอาจก่อให้เกิดผลดีได้เหมือนกันกล่าวคือความขัดแย้งสามารถให้ผลในทางบวกเป็นต้นว่า
1 . ทำให้เกิดแนวปฏิบัติหรือความคิดเห็นอื่นๆมากขึ้น
2 ทำให้มีโอกาสเลือกแนวทางที่ดีกว่า
3 ทำให้เกิดแรงผลักดันที่ต้องค้นหาวิธีการใหม่ๆ
4ทำให้เกิดความพยายามที่จะอธิบายความเห็นความเชื่อหรือชี้แจงให้ชัดเจนจึงต้องพัฒนาความสามารถในการสื่อความหมายและให้เหตุผล
5 ความตึงเครียดกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
6ทำให้เกิดความเคยชินในการแลกเปลี่ยนความเห็นและยอมรับนับถือซึ่งกันและกันมากขึ้น
ซึ่งคล้ายกับทิศนาแขมมณี ( 2522 :81 ) กล่าวว่าความขัดแย้งไม่ใช่จะให้ผลเสียเสมอไปแท้ที่จริงแล้วความขัดแย้งมีประโยชน์ในหลายด้านเช่น
1 ความขัดแย้งทำให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ
2 ทำให้ความคิดและการทำงานไม่หยุดอยู่กับที่
3ช่วยกระตุ้นให้บุคคลเกิดความกระตือรือร้นและแสดงความสามารถของตนอาจส่งผลให้การทำงานและผลงานของกลุ่มดีขึ้น
เสริมศักดิ์วิศาลาภรณ์ ( 2540 :22 ) ได้กล่าวโดยสรุปว่าความขัดแย้งที่มีในระดับที่เหมาะสมจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบุคคลและองค์การประโยชน์ที่สำคัญบางประการได้แก่
1 ป้องกันไม่ให้องค์การหยุดอยู่กับที่หรือเฉื่อยชา
2ความขัดแย้งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารที่ฉลาดย่อมสามารถนำการเปลี่ยนแปลงนั้นให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม
ความขัดแย้งเป็นผลมาจากความแตกต่างของบุคคลผู้บริหารที่ฉลาดย่อมสามารถประสานความแตกต่างมาเป็นประโยชน์ต่อองค์การทำให้เกิดความคิดริเริ่มใหม่ๆ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: