Theoretical frameworks highlight th

Theoretical frameworks highlight the importance of threat-related information-processing biases for understanding the emergence of anxiety in childhood. The psychometric properties of several tasks measuring these biases and their associations with anxiety were examined in an unselected sample of 9-year-old children (N = 155). In each task, threat bias was assessed using bias scores reflecting task performance on threat versus non-threat conditions. Reliability was assessed using split–half and test–retest correlations of mean reaction times (RTs), accuracy and bias indices. Convergence between measures was also examined. Mean RTs showed substantial split–half and test–retest correlations. Bias score reliability coefficients were near zero and non-significant, suggesting poor reliability in children of this age. Additionally, associations between bias scores and anxiety were weak and inconsistent and performance between tasks showed little convergence. Bias scores from RT based paradigms in the current study lacked adequate psychometric properties for measuring individual differences in anxiety-related information-processing in children.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กรอบทฤษฎีเน้นความสำคัญของภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับอคติข้อมูลการประมวลผลสำหรับการทำความเข้าใจการเกิดความวิตกกังวลในวัยเด็ก คุณสมบัติ psychometric ของงานหลายวัดอคติเหล่านี้และความสัมพันธ์ของพวกเขากับความวิตกกังวลที่ถูกตรวจสอบในตัวอย่างที่ไม่ได้เลือกของเด็ก 9 ปี ​​(n = 155) ในแต่ละงานภัยคุกคามที่มีอคติได้รับการประเมินโดยใช้คะแนนอคติสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่เกี่ยวกับภัยคุกคามที่เมื่อเทียบกับสภาวะภัยคุกคามที่ไม่ใช่ ความน่าเชื่อถือได้รับการประเมินโดยใช้การแบ่งครึ่งและทดสอบสอบซ่อมความสัมพันธ์ของปฏิกิริยาครั้งเฉลี่ย (RTS), ความถูกต้องและอคติดัชนี การบรรจบกันระหว่างมาตรการที่ได้รับการตรวจสอบยัง RTS หมายถึงแสดงให้เห็นรูปธรรมแบ่งครึ่งและทดสอบสอบซ่อมความสัมพันธ์ค่าสัมประสิทธิ์ความน่าเชื่อถือคะแนนอคติอยู่ใกล้ศูนย์และไม่สำคัญชี้ให้เห็นความน่าเชื่อถือที่ไม่ดีในเด็กวัยนี้ นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนอคติและความวิตกกังวลกำลังอ่อนแอและไม่สอดคล้องกันและประสิทธิภาพการทำงานระหว่างงานแสดงให้เห็นการบรรจบกันเล็ก ๆ น้อย ๆคะแนนอคติจากกระบวนทัศน์ RT อยู่ในการศึกษาในปัจจุบันขาดคุณสมบัติ psychometric เพียงพอสำหรับการวัดความแตกต่างของแต่ละบุคคลในความวิตกกังวลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลในเด็ก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กรอบทฤษฎีเน้นความสำคัญของการคุกคามที่เกี่ยวข้องยอมประมวลผลข้อมูลสำหรับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของความวิตกกังวลในวัยเด็ก Psychometric คุณสมบัติของงานหลายวัดยอมเหล่านี้และความสัมพันธ์ของพวกเขา ด้วยความวิตกกังวลถูกตรวจสอบในตัวอย่างที่ซับซ้อนของเด็กอายุ 9 ปี (N = 155) ในแต่ละงาน มีประเมินภัยคุกคามความโน้มเอียงใช้ตั้งคะแนนสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของงานบนความเสี่ยงกับภัยคุกคามไม่ใช่เงื่อนไข มีประเมินความน่าเชื่อถือโดยใช้ split–half และ test–retest ความสัมพันธ์ของเวลาปฏิกิริยาหมายถึง (อาร์ทีเอส), ดัชนีความถูกต้องและความโน้มเอียง ยังมีการตรวจสอบการบรรจบกันระหว่างมาตรการ หมายถึง แสดงให้เห็นว่าอาร์ทีเอส split–half พบและสัมพันธ์ test–retest Bias คะแนนความน่าเชื่อถือมีสัมประสิทธิ์ใกล้ศูนย์และความยากจนไม่สำคัญ เสนอในเด็กวัยนี้ นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนทแยงและวิตกกังวลได้ง่าย และสอดคล้อง และประสิทธิภาพการทำงานระหว่างงานพบบรรจบกันเล็กน้อย คะแนนทแยงจาก paradigms RT ที่ใช้ในการศึกษาปัจจุบันขาดคุณสมบัติ psychometric เพียงพอสำหรับการวัดความแตกต่างของแต่ละในประมวลความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลผลในเด็ก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กรอบทางทฤษฎีให้มีความสำคัญของข้อมูลอคติ - การประมวลผลที่เกี่ยวข้องกับ ภัย คุกคามที่เกิดขึ้นสำหรับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความวิตกกังวลในวัยเด็ก คุณสมบัติ( Properties ) psychometric ของงานหลายวัดอคติเหล่านี้และการเชื่อมโยงของเขาด้วยความกระวนกระวายใจก็มาตรวจดูในตัวอย่างไม่ได้เลือกที่ 9 - ปีสำหรับเด็ก( N = 155 ) ในแต่ละงานอุปาทาน ภัย คุกคามเป็นการประเมินผลคะแนนการทำงานโดยใช้สะท้อนถึง ประสิทธิภาพ การทำงานของงานกับการคุกคามเมื่อเทียบกับ สภาพ ไม่มี ภัย คุกคาม ความน่าเชื่อถือเป็นการประเมินผลโดยใช้สัมพันธ์เชิงแบบแบ่งครึ่งและการทดสอบ - ทดสอบของเวลาการตอบสนองหมายถึง( RTS )ดัชนีและอคติความแม่นยำ การผนวกรวมกับการตรวจสอบก็ยังมี หมายความว่าเกม RTS อื่นๆแสดงให้เห็นสัมพันธ์เชิงแบ่งครึ่งและการทดสอบ - ทดสอบเป็นอย่างมากcoefficients คะแนนความน่าเชื่อถือความมีอคติความลำเอียงหรืออยู่ใกล้กับศูนย์และที่ไม่ใช่อย่างมีนัยสำคัญชี้นำความน่าเชื่อถือผู้น่าสงสารในเด็กของยุคนี้ นอกจากนี้การเชื่อมโยงระหว่างความกังวลและคะแนนความมีอคติความลำเอียงหรือมีอ่อนแอและไม่สอดคล้องกันและ ประสิทธิภาพ การทำงานระหว่างงานแสดงให้เห็นถึงการรวมกันเพียงเล็กน้อยคะแนนความมีอคติความลำเอียงหรือจากกระบวนทัศน์ Rt ซึ่งใช้ในการศึกษาในปัจจุบันที่ขาดคุณสมบัติ psychometric เพียงพอสำหรับการวัดความแตกต่างกันในเรื่องข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปในเด็ก