ผลลัพธ์ (
ฝรั่งเศส) 1:
[สำเนา]คัดลอก!
บทที่ 2เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ผู้วิจัยศึกษาค้นคว้าเอกสารงานวิจัยและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้1. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสอนคำศัพท์1.1 ความหมายของคำศัพท์1,2 ความสำคัญของคำศัพท์1.3 องค์ประกอบของคำศัพท์ภาษาอังกฤษ1.4 ประเภทของคำศัพท์ภาษาอังกฤษ1,5 หลักการเลือกคำศัพท์ภาษาอังกฤษเพื่อนำมาสอนวิธีการสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษ 1,62. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการใช้เกมคำศัพท์ประกอบการสอน2.1 ความหมายของเกม2.2 ประเภทและลักษณะของเกมประกอบการสอน2.3 การใช้เกมประกอบการสอน2.4 ชนิดของเกมประกอบการสอนความสำคัญของการใช้เกมคำศัพท์ประกอบการสอน 2,5หลักการเลือกเกมเพื่อใช้ในการสอนภาษา 2.63. งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเกมการสอนคำศัพท์3.1 งานวิจัยต่างประเทศ3.2 งานวิจัยในประเทศ1. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการสอนคำศัพท์1.1. ความหมายของคำศัพท์ความหมายของคำศัพท์ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2542) หมายถึง กลุ่มเสียง เสียง เสียงพูด หรือลายลักษณ์อักษรที่เขียนหรือพิมพ์ขึ้นเพื่อความคิดเป็นคำหรือคำยากที่ต้องแปลคำศัพท์ หมายถึง กลุ่มเสียงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีความหมายให้รู้ว่าเป็นคน สิ่งของ อาการ หรือลักษณะอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง (ศิธร แสงธนู และ คิด พงศทัต 2521:35-41)คำศัพท์ภาษาอังกฤษ หมายถึง « คำ » ทั้งในภาษาพูด และภาษาเขียน ได้แก่ คำนาม คำกิริยา คำคุณศัพท์ และคำกริยาวิเศษณ์ ซึ่งมีความหมายแน่นอนในตัวเอง (ธนสิทธิ์ ศรีรัตน์ 2543:10)สรุปได้ว่า คำศัพท์ หมายถึง กลุ่มเสียง เสียงพูด ทั้งในภาษาพูดและภาษาเขียน ได้แก่คำนาม คำกริยา คำคุณศัพท์ และคำกริยาวิเศษณ์ ซึ่งมีความหมายในตัวเอง1,2 ความสำคัญของคำศัพท์ความรู้ในด้านคำศัพท์ถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญในการเรียนภาษา ฟรีส (สมใจ หอมสุวรรณา2544 : 39): อ้างอิงจาก Fries : 1984) กล่าวไว้ว่าความสำเร็จในการเรียนภาษาต่างประเทศส่วนหนึ่งนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการใช้องค์ประกอบของภาษาซึ่งประกอบด้วยเสียง โครงสร้างไวยากรณ์ และคำศัพท์ องค์ประกอบทั้ง 3 อย่างนี้ จะช่วยให้ผู้เรียนภาษาสามารถเข้าใจเรื่องที่ผู้อื่นพูดและสามารถพูดให้ผู้อ่านเข้าใจได้ คือสามารถใช้สื่อสารความหมายได้ คำศัพท์จึงถือว่าเป็นพื้นฐานของการเรียนภาษาดังที่ สตีวิค (Stewick. 1972:2) กล่าวว่าผู้เรียนได้เรียนภาษาต่างประเทศต่อเมื่อ1. ได้เรียนรู้ในระบบเสียง คือ สามารถพูดได้ดีและสามารถเข้าใจได้ดี2. ได้เรียนรู้และสามารถใช้ไวยากรณ์ของภาษานั้น ๆ ได้3. ได้เรียนรู้คำศัพท์จำนวนมากพอสมควรที่จะสามารถนำมาใช้กาเดสซี่ (Ghadessy. 1979:24) ให้ความเห็นว่า การสอนคำศัพท์มีความสำคัญยิ่งกว่าการสอนโครงสร้างทางไวยากรณ์ เพราะคำศัพท์เป็นพื้นฐานของการเรียนภาษา หากผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ก็สามารถจะนำคำศัพท์มาสร้างเป็นหน่วยที่ใหญ่ขึ้น เช่น วลี ประโยค ความเรียงแต่หากไม่เข้าใจคำศัพท์ก็ไม่สามารถเข้าใจหน่วยทางภาษาที่ใหญ่กว่าได้เลยเช่นเดียวกับ วรรณพร ศิลาขาว (2538:18) ที่ให้ความเห็นว่า คำศัพท์เป็นหน่วยพื้นฐานทางภาษา ซึ่งผู้เรียนจะต้องเรียนรู้เป็นอันดับแรก เพราะคำศัพท์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาสรุปได้ว่า คำศัพท์เป็นหน่วยพื้นฐานทางภาษา ซึ่งผู้เรียนจะต้องเรียนรู้เป็นอันดับแรกเพราะคำศัพท์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการเรียน ทักษะ ฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษา ดังนั้นการเรียนคำศัพท์จึงมีความสำคัญต่อการเรียนภาษามาก1.3 องค์ประกอบของคำศัพท์ทางภาษาอังกฤษในการศึกษาองค์ประกอบคำศัพท์ภาษาอังกฤษนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้นักเรียนเข้าใจคำศัพท์คำหนึ่ง ๆ ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของคำศัพท์ภาษาอังกฤษดังนี้ DE ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง (ธนสิทธิ์ ศรีรัตน์. 2543:11 ; อ้างอิงจาก อุทัย ภิรมย์รื่นและ เพ็ญศรี รังติกุล. 2526:58)1. รูปคำ (formulaire) ได้แก่ ตัวอักษร (ตัวใหญ่ หรือตัวเล็ก) การได้ยิน การรู้จักคำ และจำจังหวะของเสียงในประโยค2. ความหมาย (sens) ได้แก่ ความหมายของคำนั้น ๆ ซึ่งหากจะกล่าวโดยละเอียดแล้ว คำศัพท์หนึ่ง ๆ จะมีความหมายแฝงอยู่ถึง 4 นัยด้วยกัน คือ2.1 ความหมายตามพจนานุกรม (signification lexicale) ได้แก่ ความหมายตามพจนานุกรม สำหรับภาษาอังกฤษคำหนึ่ง ๆ มีความหมายหลายอย่าง บางคำอาจใช้ในความหมายแตกต่างกันทำให้บางคนเข้าใจว่าความหมายที่แตกต่างออกไป หรือความหมายที่ตนไม่ค่อยรู้จักนั้นเป็น « สำนวน » ของภาษา เช่นIl est allé à son domicile. (บ้านเป็นที่อยู่อาศัย)Le Président vit à la maison blanche. (บ้านประจำตำแหน่งประธานาธิบดี)La Chambre des représentants se réunit aujourd'hui. (สภา)2.2 ความหมายทางไวยากรณ์ (signification morphologique) คำศัพท์ประเภทนี้เมื่ออยู่ตามลำพังโดด ๆ จะเดาความหมายได้ยาก เช่น « s » เมื่อไปต่อท้ายคำนาม chapeaux, stylos จะแสดงความหมายเป็นพหูพจน์ หรือเมื่อนำไปต่อท้ายคำกริยา เช่น marche ในประโยค elle se promène à la maison. ก็จะหมายความว่า การกระทำนั้นทำอยู่เป็นประจำ เป็นต้น2.3 ความหมายจากการเรียงคำ (signification syntaxique) ได้แก่ ความหมายที่เปลี่ยนแปลงไปตามการเรียงลำดับคำ เช่น hangar หมายถึง อู่เรือ แตกต่างจาก maison bateau หมายถึงเรือที่ทำเป็นบ้าน2.4 ความหมายตามเสียงขึ้นลง (sens non-verbales) ได้แก่ ความหมายของคำที่เปลี่ยนไปตามเสียงขึ้นลงที่ผู้พูดเปล่งออกมา ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่มีพยางค์เดียวหรือมากกว่า เช่น feu กับ feu คำแรกเป็นการบอกเล่าที่อาจทำให้ผู้ฟังตกใจมากหรือน้อย แล้วแต่น้ำหนักของเสียงที่เปล่งออกส่วนคำหลังเป็นคำถาม เป็นเชิงไม่แน่ใจจากผู้ฟัง3. ขอบเขตของการใช้คำ (Distribution) จำแนกออกเป็น3.1 ขอบเขตทางด้านไวยากรณ์ เช่น ในภาษาอังกฤษการเรียงลำดับคำ (ordre des mots) หรือตำแหน่งของคำที่อยู่ในประโยคที่แตกต่างกัน ทำให้คำนั้นมีความหมายแตกต่างกันออกไปด้วย ดังประโยคต่อไปนี้L’homme est courageux. คนผู้ชาย แปลว่า (คำนาม)They man the ship (คำกริยา) แปลว่า บังคับWe need more man-power. (คำคุณศัพท์) แปลว่า กำลังคน3.2 ขอบเขตของภาษาพูดและภาษาเขียน คำบางคำใช้ในภาษาพูดเท่านั้น แต่คำบางคำก็ใช้ภาษาเขียนโดยเฉพาะ3.3 ขอบเขตของภาษาในแต่ละท้องถิ่น การใช้คำศัพท์บางคำมีความหมายแตกต่างไปแต่ละท้องถิ่น และแม้แต่ภายในประเทศเดียวกันก็ยังมีภาษาท้องถิ่นที่แตกต่างกันไปสรุปได้ว่า องค์ประกอบของคำศัพท์ภาษาอังกฤษมี 3 ประการ คือ รูปคำความหมายและขอบเขตของการใช้คำ ในด้านของความหมาย นอกจากจะมีความหมายตามพจนานุกรมแล้ว ยังมีความหมายทางไวยากรณ์ ความหมายของการเรียงคำ และความหมายจากการออกเสียงขึ้นลงของคำ
การแปล กรุณารอสักครู่..