6) Ask yourself if the text may sui

6) Ask yourself if the text may suit the needs that made you choose it as a source of information.
7) Read through the text again trying to understand as much as you can. When you come across a word which you don't know and which you think is important for the text write it down and beside it write your idea of what it probably means. Use the dictionary only if absolutely necessary!
8) Divide the text into sections. Name the sections according to their function (e.g. introduction, main part(s), conclusion etc.) and give one content-related keyword for each.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

6 ถามตัวคุณเองถ้าข้อความที่อาจตรงกับ ความต้องการที่ทำให้คุณเลือกเป็นแหล่งข้อมูล7) อ่านผ่านข้อความอีกครั้ง พยายามเข้าใจมากเท่าที่คุณสามารถ เมื่อคุณเจอคำที่คุณไม่ทราบ และที่คุณคิดว่า เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเขียนข้อความ ลง และข้าง ๆ เขียนความคิดอะไรมันคงความหมายของ ใช้พจนานุกรมเฉพาะเมื่อจำเป็นจริง ๆ8) แบ่งข้อความออกเป็นส่วน ส่วนการทำงาน (เช่นบทนำ หลักบางส่วน บทสรุปฯลฯ) ตามชื่อ และให้หนึ่งคำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในแต่ละ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

6) ถามตัวเองว่าข้อความที่อาจจะเหมาะกับความต้องการที่ทำให้คุณเลือกที่จะเป็นแหล่งที่มาของข้อมูล.
7) อ่านข้อความอีกครั้งพยายามที่จะเข้าใจมากที่สุดเท่าที่คุณสามารถ เมื่อคุณเจอคำที่คุณไม่รู้จักและที่คุณคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับข้อความที่เขียนมันลงและด้านข้างเขียนความคิดของคุณว่ามันอาจจะหมายถึง ใช้พจนานุกรมเฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริงๆ!
8) แบ่งข้อความลงในส่วน ชื่อส่วนตามฟังก์ชั่นของพวกเขา (เช่นการแนะนำส่วนหลัก (s), สรุป ฯลฯ ) และให้หนึ่งคำหลักที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในแต่ละ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

6 ) ถามตัวเองถ้าข้อความอาจเหมาะสมกับความต้องการที่ทำให้คุณเลือกมันเป็นแหล่งที่มาของข้อมูล .
7 ) อ่านข้อความอีกครั้งพยายามที่จะเข้าใจได้มากเท่าที่คุณสามารถ เมื่อคุณเจอคำที่ไม่รู้จักและที่คุณคิดว่า สำคัญ สำหรับ ข้อความที่เขียนมันลงและด้านข้างเขียนความคิดของคุณของสิ่งที่มันอาจหมายถึง ใช้พจนานุกรมเท่านั้น หากจำเป็นจริง ๆ
8 ) แบ่งข้อความออกเป็นส่วน ๆ ชื่อส่วนตามฟังก์ชันของตน ( เช่น การแนะนำส่วนหลัก ( s ) สรุป ฯลฯ ) และให้เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำหลักของแต่ละ