Importance of motivationMost motiva

Importance of motivation

Most motivation theorists assume that motivation is involved in the performance of all learned responses; that is, a learned behavior will not occur unless it is energized. The major question among psychologists, in general, is whether motivation is a primary or secondary influence on behavior. That is, are changes in behavior better explained by principles of environmental/ecological influences, perception, memory, cognitive development, emotion, explanatory style, or personality or are concepts unique to motivation more pertinent.

For example, it is known that people respond to increasingly complex or novel events (or stimuli) in the environment up to a point and then the rate of responding decreases. This inverted-U-shaped curve of behavior is well-known and widely acknowledged (e.g., Yerkes & Dodson, 1908). However, the major issue is one of explaining this phenomenon. Is this a conditioning (is the individual behaving because of past classical or operant conditioning), another type of external motivation such as social or ecological, an internal motivational process (e.g., cognition, emotion, or self-regulation), or is there some better explanation?

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความสำคัญของแรงจูงใจTheorists แรงจูงใจส่วนใหญ่สมมติว่า แรงจูงใจเกี่ยวข้องในการทำงานของการตอบสนองทั้งหมดเรียนรู้ นั่นคือ พฤติกรรมการเรียนรู้จะเกิดขึ้นเว้นแต่จะเป็นพลังงาน คำถามสำคัญในหมู่นักจิตวิทยา ทั่วไป ได้ว่าแรงจูงใจมีอิทธิพลเป็นหลัก หรือรองในลักษณะการทำงาน กล่าวคือ มีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะการทำงานดีกว่าอธิบาย โดยหลักของอิทธิพลสิ่งแวดล้อม/ระบบนิเวศ รับรู้ จำ พัฒนารับรู้ อารมณ์ อธิบายลักษณะ หรือบุคลิกภาพ หรือมีแนวคิดเฉพาะแรงจูงใจเพิ่มเติมเกี่ยวตัวอย่าง มันมีชื่อเสียงว่า คนตอบจะซับซ้อนมากขึ้น หรือนวนิยายเหตุการณ์ (หรือสิ่งเร้า) ในสภาพแวดล้อมจนถึงจุด แล้วอัตราการตอบสนองลดลง โค้งนี้กลับรูปตัวยูของลักษณะการทำงานเป็นรู้จัก และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง (เช่น Yerkes & Dodson, 1908) อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญคือหนึ่งอธิบายปรากฏการณ์นี้ นี่คือการปรับ (เป็นศีลธรรมละเนื่องจากอดีตที่คลาสสิกหรือ operant ปรับ), ชนิดอื่นของแรงจูงใจภายนอก เช่นประกันสังคม หรือระบบ นิเวศ การหัดกระบวนการภายใน (เช่น ประชาน อารมณ์ หรือควบคุมตนเอง), หรือมีคำอธิบายบางอย่างดีกว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความสำคัญของการสร้างแรงจูงใจส่วนใหญ่ทฤษฎีแรงจูงใจคิดว่าแรงจูงใจที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานของทุกคนได้เรียนรู้การตอบสนอง; ว่ามีพฤติกรรมการเรียนรู้จะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะมีลุ้น คำถามสำคัญในหมู่นักจิตวิทยาโดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นแรงจูงใจเป็นอิทธิพลหลักหรือรองเกี่ยวกับพฤติกรรม นั่นคือการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการอธิบายที่ดีขึ้นโดยหลักการของสิ่งแวดล้อม / มีอิทธิพลต่อระบบนิเวศ, การรับรู้, หน่วยความจำ, พัฒนาองค์ความรู้อารมณ์อธิบายลักษณะหรือบุคลิกภาพหรือมีแนวคิดที่ไม่ซ้ำกับแรงจูงใจที่เกี่ยวข้องมากขึ้น. ยกตัวอย่างเช่นมันเป็นที่รู้จักกันว่าคนที่ตอบสนองต่อ เหตุการณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นหรือนวนิยาย (หรือสิ่งเร้า) ในสภาพแวดล้อมที่ขึ้นมาถึงจุดและจากนั้นอัตราการลดลงของการตอบสนอง นี้เส้นโค้งคว่ำ-U-รูปของพฤติกรรมที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลาย (เช่น Yerkes & ดอด 1908) แต่ปัญหาที่สำคัญคือหนึ่งในการอธิบายปรากฏการณ์นี้ นี้เป็นเครื่อง (เป็นพฤติกรรมของแต่ละบุคคลเพราะเครื่องคลาสสิกหรือผ่าตัดผ่านมา), ประเภทของอีกแรงจูงใจภายนอกเช่นสังคมหรือระบบนิเวศกระบวนการสร้างแรงบันดาลใจภายใน (เช่นความรู้ความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกหรือการควบคุมตนเอง) หรือมีบาง คำอธิบายที่ดีกว่า?

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความสำคัญของแรงจูงใจ

ส่วนใหญ่สันนิษฐานว่า แรงจูงใจเป็นทฤษฎีแรงจูงใจที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของทั้งหมดเรียนรู้การตอบสนอง นั่นคือ เรียนรู้พฤติกรรมจะไม่เกิดขึ้น เว้นแต่ มันเป็นพลังงาน คำถามหลักของนักจิตวิทยาในทั่วไปคือว่า แรงจูงใจเป็นประถมหรือมัธยมมีอิทธิพลต่อพฤติกรรม นั่นคือการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมที่ดีขึ้นสามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทางนิเวศวิทยาสิ่งแวดล้อม / อิทธิพล การรับรู้ ความจำ การพัฒนา รูปแบบการอธิบายอารมณ์ รับรู้ หรือบุคลิกภาพ หรือเป็นแนวคิดเฉพาะแรงจูงใจที่มากขึ้น

ตัวอย่างมันเป็นที่รู้จักกันว่าคนตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นหรือนวนิยาย ( หรือสิ่งเร้า ) ในสภาพแวดล้อมที่ถึงจุดแล้ว อัตราของการตอบสนองลดลง นี้ inverted-u-shaped เส้นโค้งของพฤติกรรมที่เป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างกว้างขวาง เช่น &เยิกส์ดอด 1908 ) อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลัก คือ หนึ่งในการอธิบายปรากฏการณ์นี้นี่คือปรับ ( เป็นบุคคลทำเพราะอดีตคลาสสิก หรือการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม ) , ประเภทของแรงจูงใจภายนอก เช่น สังคม หรือสิ่งแวดล้อมอื่น การสร้างกระบวนการภายใน ( เช่น การรับรู้ อารมณ์ หรือ ตนเอง ) หรือมีคำอธิบายที่ดีกว่านี้ไหม ?