บทนำ
ปัญหายาเสพติดในสังคมไทย
ในสังคมไทยปัจจุบันนี้มีอัตราการติดยาเสพติดมากขึ้น ชึ่งมาจากปัจจัยในหลายๆเรื่องและส่งผลกระทบในหลายๆด้านคือ ประวัติของยาเสพติด ประเภทของยา สาเหตุของการติดยา ผลกระทบ
แนวทางการป้องกันและแก้ไข หน่วยงานที่เกี่ยงข้อง ชึ่งเป็นประเด็นหลักที่เกี่ยวกับเนื้อหารายงานของปัญหายาเสพติดของไทยในปัจจุบันมีรายละเอียดที่น่าสนใจในหลายๆด้านที่จะนำไปศึกษาในการเรียนการสอนได้และเกิดประโยชน์สำหรับผู้ที่มาศึกษา และยาเสพติดจะมีปัญหามากกับพวกวัยรุ่น เพราะวัยรุ่นจะเป็นวัยที่อยากรู้ อยากลอง และในช่วงวัยรุ่นนี้จะเชื่อเพื่อนมากกว่าที่จะเชื่อผู้ใหญ่หรือผู้ปกครอง ยาเสพติดเป็นปัญหาที่ใหญ่และยากที่จะแก้ไข เพราะยาเสพติดได้แพร่หลายและกลุ่มพวกวัยรุ่นผู้ที่เสพหรือติดมักช่วยกันปิดบัง เพราะกลัวความผิดที่ตนสร้างขึ้นและไม่กล้าที่จะบอกผู้ใหญ่หรือผู้ปกครองช่วยกันหาทางแก้ไข กกับพวกวัยรุ่น เพราะวัยรุ่นจะเป็นวัยที่อยากรู้ อยากลอง และจะเชื่อเพื่อน
ประวัติของยาเสพติด
ยาหรือสารที่ถูกนำมาใช้อย่างผิดๆหรือเสพติด มีใช้กันมานานตั้งแต่มนุษย์เริ่มค้นพบ พืชซึ่งเมื่อเสพเข้า ไปแล้วทำให้ ระดับความรู้สึกตัว เปลี่ยนแปลงไปในสมัยโบราณยาหรือสาร เหล่านี้มักจะใช้ในพิธีทางศาสนา เช่นผู้ทำพิธีทางศาสนาของชาวอินเดียแดง ในอเมริกากลาง
ใช้ต้นไม้จำพวกกระบองเพชรซึ่งมีสารหลอนประสาท ทำให้ เกิดอาการประสาทหลอนเห็นภาพ ต่าง ๆ และเข้าใจว่าตนสามารถติดต่อกับวิญญาณหรือเทพเจ้าได้ ชาวอินเดียนแดง เผ่าอินคา (Incas) ในอเมริกาใต้เคี้ยวใบโคคา (COCA) ซึ่งมีโคเคน โดยถือว่าเป็นของขวัญ ที่พระเจ้า ประทานให้ แต่แรกใบโคคานี้ใช้เฉพาะในหมู่พวกกษัตริย์ของเผ่า แต่ต่อมาเมื่อประเทศสเปน เข้าครอบครองชนเหล่านี้ ใบโคคา ก็ถูกนำมาใช้ในหมู่ชาวอินเดียนแดงทั่วไปเพื่อช่วยให้พวกเขา
มีกำลังทำงานหนักรับใช้ชาวสเปนได้ เมื่อวิทยาศาสตร์เจริญ ก้าวหน้าขึ้นยาหรือสารเสพติด ก็เพิ่มปริมาณและชนิดขึ้นและมี การนำมาใช้อย่างผิด ๆ หรือเสพติดกันมาก ตัวอย่างเช่น ฝิ่น
เป็นที่รู้จักและจำหน่ายมาตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาลโดยชาว เมโสโปเตเมีย (๕,๐๐๐ ปีก่อนคริสต ศักราช) และแพร่หลาย และรักษาโรคบางอย่าง เช่น โรคบิด โรคติดสุรา ฯลฯ ได้
นานทีเดียวกว่าอังกฤษจะรู้ฤทธิ์ในการเสพติดของฝิ่น และ เมื่อนั้นฝิ่นก็ถูกนำไปใช้ เพื่อ การเสพติด โดยอังกฤษพยายามนำ เอาไปแพร่ ในเมืองจีนเพื่อให้ชาวจีนติดฝิ่นและตนเอง ผูกการค้า ฝิ่นแต่ผู้เดียว จนกระทั่งเกิดสงคราม ฝิ่นกับประเทศจีนในปี ค.ศ.๑๘๓๙ - ๑๘๔๒ ประเทศไทยก็มีประวัติการเสพฝิ่นมา ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ แห่งกรุงศรีอยุธยา
(พระเจ้าอู่ทอง) ประมาณ ๖๐๐ ปีเศษมาแล้ว ในสมัยนั้นก็มี หลักฐานว่าพระมหากษัตริย์ทรง เล็งเห็นโทษของการเสพฝิ่น และทรงลงโทษผู้เสพติดเช่นกัน ระหว่างสงครามกลางเมือง
ของสหรัฐอเมริกา (American civil war) ค.ศ. ๑๘๖๑ - ๑๘๖๕ เริ่มมีการนำเข็มฉีดยา เข้าใต้ผิวหนังมาใช้ ทำให้มีผู้นำมอร์ฟีนมาใช้ในลักษณะยาเสพติด ต่อมาเมื่อคนรู้จักการฉีดยา
เข้าหลอดเลือดดำ เฮโรอีนซึ่งเป็น diethylated form ของมอร์ฟีนก็ถูกนำมาใช้แทนมอร์ฟีน
กลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ มีการนำเอาโบรไมด์ (Bromide) มาใช้เป็นยาสงบประสาท และรักษาโรคลมชัก ซึ่งได้รับความนิยมมากพอ ๆ กับยา วาเลียม (Valium) และยาริเบรียม (Librium) ในปัจจุบัน แต่โบรไมด์สำสมในร่างกาย ทำให้เกิดอาการวิกลจริต และลายสมอง อย่างถาวรด้วย ในระยะใกล้เกียงกันก็มีผู้ผลิตยาบาร์บิทุเรท (Barbiturate) และยาสงบ ประสาทตัวอื่น ๆ และได้รับความนิยมใช้อย่าง
แพร่หลายเช่นกัน โดยผู้ใช้ไม่ทราบถึง ฤทธิ์ใน การเสพติดของยาเหล่านี้ ปลายคริสตศตวรรษที่ ๑๙ มีผู้พบโคเคนและกัญชาซึ่งมีฤทธิ์ ทำให้
จิตใจสบาย โคเคนพบว่า มีประโยชน ์ทางการรักษาโรคด้วยโดยใช้เป็นยาชาเฉพาะที่ดังนั้น โคเคน จึงเป็ฯที่นิยมใช้เป็นผลให้มีการเสพติดโคเคน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒
แอมเฟตามีนถูกนำมาใช้ในกองทหารญี่ปุ่น เยอรมัน อเมริกัน และอังกฤษ เพื่อให้ร่างกายมีกำลัง กระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลา พอหลังสงครามยา ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นกักตุน ไว้มาก็ทะลักสู่ตลาด ทำให้ประชาชนชาวญี่ปุ่น ใช้ยากันมาก ในปี ค.ศ.๑๙๕๕ คาดว่ามีชาวญี่ปุ่นติดแอมเฟตามีนราว
ร้อยละ ๑ ระหว่าง ค.ศ.๑๙๖๐ - ๑๙๗๐ ในประเทศสวีเดนมีการใช้ยา Phenmetrazine (Preludin) ซึ่งคล้ายแอมเฟตามีน ฉีดเข้าหลอดเลือด ดำด้วย ในสหรัฐเมริกาพวกฮิปปี้ซึ่งเคย นิยมใช้ แอลเอสดี (LSD) หรือ Lysergic Acid Diethylamide) ก็ค่อย ๆ หันมาใช้
แ อมเฟตามีน ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ เช่นกัน ระหว่างปี ค.ศ. ๑๙๖๐ - ๑๙๗๐ ยาหลอนประสาท
เริ่มถูกนำมาใช้และใช้มากหลัง ค.ศ. ๑๙๗๐ ผู้เสพส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันวัยรุ่นที่มีฐานะทาง เศรษฐกิจปานกลางโดยเริ่มจาก แอลเอสดี ซึ่ง Hofmann เป็นผู้ค้นพบในปี ค.ศ.๑๙๕๓ เนื่องจากแอลเอสดีทำให้เกิดอาการล้าย วิกลจริต จึงมีนักจิตวิเคราะห์บางคนนำมาใช้เพื่อ การรักษาผู้ป่วนด้วย เพราะคิดว่ายานี้จะช่วยกำจัด "Repression" ให้หมดไป ด้วยเหตุที่ยานี้
ผลิตง่ายปัจจุบันจึงเป็นปัญหามากในเมริกา
เนื่องจากกัญชาซึ่งเป็นยาช่วยให้ผู้เสพรู้สึกเป็นสุขและความรู้สึกไวขึ้น เป็นยาที่หาได้ง่าย จึงมีการลักลอบใช้อย่างผิดกฎหมาย กันมาในเมริกา ตั้งแต่ ปี ค.ศ.๑๙๖๐ เป็นต้นในยุโรป ก็เช่นกันเพิ่งจะมีการใช้กัญชาในเวลาไล่เลี่ยกันนี้โดยทหารของกษัตรย์นโปเลียน เป็นผู้นำมาจาก ประเทศอียิปต์ทั้ง ๆ ที่กัญชาเป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในประเทศอินเดีย และประเทศ ในเอเชียตะวันออกกลาง มาก่อนหลานศตวรรษ ในสหรัฐนิยมใช้ในคนบางกลุ่ม เช่น พวกนัก ดนตรีแจ๊สและ พวกเม็กซิกันอพยพมาอยู่ในสหรัฐ ในฝรั่งเศสเป็นที่นิยมใช้ในกลุ่มนักประพันธ์
ถ้าจะนับตามจำนวนผู้เสพติด หรือผู้ใช้ยาอย่าง ๆ ผิด ๆ สุราและบุหรี่ น่าจะเป็น สารสำคัญของ ปัญหานี้ แต่เนื่องจากราคาย่อมเยา สามารถหามาเสพได้ง่ายกว่าและไม่ผิดกฎหมาย ทำให้สาร ๒ ชนิดนี้ ดูจะไม่มีความสำคัญเท่าใดนักแต่กัญชา ยาหลอนประสาท และเฮโรอีน จำนวนผู้ใช้ ละ ผู้เสพติดน้อยกว่ากลับเป็นปัญห สำคัญทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮโรอีนกำลังเป็นปัญหา มากในประเทศไทย และประเทศเพื่อน
บ้านที่อยู่บนคาบสมุทรอินโดจีน ทั้งนี้เพราะเป็นสารซึ่ง มีราคา แพงและผิดกฎหมาย ทั้งอำนาจในการเสพติดก็สูงและวิธีบางวิธียังอาจทำให้เกิด
อันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพจึงก่อให