1. IntroductionMondia whitei (Hook.

1. Introduction

Mondia whitei (Hook.f.) Skeels is widely distributed across sub-Saharan Africa and its roots are used in folk medicine for a variety of diseases and conditions ( Venter et al., 2009).

The remedy is presented as being able to treat asthma in children, cough and bronchitis, headache, depression, constipation, poor appetite, anorexia, abdominal and stomach pain, gastrointestinal disorders, vomiting, post-partum bleeding, gonorrhea, malaria, schistosomiasis and would also have an oxytocic activity (Aremu et al., 2011, Neuwinger, 2000 and Pedersen et al., 2008). The roots are frequently chewed by men as a tonic and aphrodisiac, for the treatment of erectile dysfunction, sexual asthenia and to increase sperm production. A few studies aimed at unveiling the mechanism underlying the sexual dysfunction activity, but with conflicting results (Lampiao et al., 2008, Martey and He, 2010, Watcho et al., 2006 and Watcho et al., 2001).

The root of M. whitei has been shown to harbor polyphenols (such as flavonoids and tannins) ( Abdou Bouba et al., 2010 and Pedersen et al., 2008), coumarinolignans ( Patnam et al., 2005), aromatic volatile compounds such as 2-hydroxy-4-methoxybenzaldehyde and 3-hydroxy-4-methoxybenzaldehyde (isovanillin) ( Mukonyi and Ndiege, 2001), and a glycoside of 2-hydroxy-4-methoxybenzaldehyde ( Msonthi, 1991). So far, only two compounds present in M. whitei could be related to a bioactivity: (i) (−)-loliolide, a monoterpene lactone, found in the leaves for the treatment of depression ( Neergaard et al., 2010) and (ii) 2-hydroxy-4-methoxybenzaldehyde for the inhibition of tyrosinase ( Kubo and Kinst-Hori, 1999).

As M. whitei belongs to Apocynaceae, a family generally acknowledged for its content in alkaloids, several studies have been performed for this class of compounds, but with conflicting results regarding their presence or absence ( Ameyaw et al., 2009, Fred-Jaiyesimi and Ogunjobi, 2013, Kerharo, 1974 and Pedersen et al., 2008).

The present aimed at isolating the eventual alkaloids of M. whitei's root, and revealed that ammonia employed in the extraction process could generate an amine-bearing artifact. The precursor molecule was examined for its potential reactivity toward biogenic amines, what may explain the alleged activity of the root.

2. Results and discussion

2.1. M. whitei roots treated with ammonia generate an alkaloid artifact

Eight fractions (Alk1 to Alk4 and W1 to W4) of M. whitei roots were tested for their content in alkaloids by TLC with Dragendorff's reagent detection. From these fractions, only Alk2 displayed a potential content in alkaloids, as revealed by spots at retention factors (Rf) 0.52 (bright orange) and 0.90 (pale brown) ( Fig. 1A).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1. บทนำWhitei Mondia (Hook.f) Skeels ถูกนำไปเผยแพร่ในแอฟริกาใต้ซาฮารา และรากของมันจะใช้ในการแพทย์พื้นบ้านหลากหลายโรคและเงื่อนไข (Venter et al., 2009)แก้ไขแสดงเป็นความสามารถในการรักษาโรคหอบหืดในเด็ก ไอ และหลอดลมอักเสบ ปวดศีรษะ ซึมเศร้า ท้องผูก เบื่ออาหาร anorexia ท้อง และกระเพาะอาหารปวด โรคระบบ อาเจียน ไปรษณีย์ partum เลือด หนองใน โรคมาลาเรีย schistosomiasis และยังจะมีกิจกรรม oxytocic (Aremu et al., 2011, Neuwinger, 2000 และ Pedersen et al., 2008) รากโดยทั่วไปมักจะ chewed ชายเป็นโทนิคและยาโป๊ะ รักษา สมรรถภาพทางเพศ เพศ asthenia และเพิ่มการผลิตสเปิร์ม มุ่งศึกษากี่ unveiling กลไกต้นแบบกิจกรรมทางเพศผิดปกติ แต่ มีผลขัดแย้งกัน (Lampiao et al., 2008, Martey และพระองค์ 2010, Watcho และ al., 2006 และ Watcho และ al., 2001)รากของ whitei เมตรมีการแสดงท่าโพลีฟีน (เช่น flavonoids และ tannins) (Abdou Bouba et al., 2010 และ Pedersen et al., 2008), coumarinolignans (Patnam et al., 2005), หอมระเหยสารประกอบเช่น 2-hydroxy-4-methoxybenzaldehyde และ 3-hydroxy-4-methoxybenzaldehyde (isovanillin) (Mukonyi และ Ndiege, 2001), และ glycoside ของ 2-hydroxy-4-methoxybenzaldehyde (Msonthi, 1991) ฉะนี้ สารประกอบอยู่ในม. whitei เพียงสองสามารถเกี่ยวข้องกับการทางชีวภาพ: (i) (−) -loliolide เป็น monoterpene lactone พบใบในการรักษาโรคซึมเศร้า (Neergaard et al., 2010) และ (ii) 2-hydroxy-4-methoxybenzaldehyde ในการยับยั้ง tyrosinase (คุโบะและ Kinst Hori, 1999)เป็น whitei เมตรอยู่ในวงศ์ตีนเป็ด ครอบครัวยอมรับโดยทั่วไปสำหรับเนื้อหาใน alkaloids ได้ดำเนินการศึกษาหลายสำหรับคลาสนี้ ของสารประกอบ แต่ มีผลขัดแย้งกันเกี่ยวกับการหรือ (Ameyaw et al. ปี 2009, Fred Jaiyesimi และ Ogunjobi, 2013, Kerharo, 1974 และ Pedersen et al., 2008)ปัจจุบันมุ่งแยก alkaloids ในรากม. whitei และเปิดเผยว่า จ้างในกระบวนการสกัดแอมโมเนียสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์เป็น amine เรือง โมเลกุลสารตั้งต้นถูกตรวจสอบสำหรับความอาจเกิดปฏิกิริยาต่อ biogenic amines อะไรอาจอธิบายกิจกรรมของรากถูกกล่าวหา2. ผลลัพธ์ และสนทนา2.1. ม.แอมโมเนียรับราก whitei สร้างสิ่งประดิษฐ์มีอัลคาลอยด์ส่วนแปด (Alk1 Alk4 และ W1 กับ W4) ของ whitei เมตร รากทดสอบสำหรับเนื้อหาใน alkaloids โดย TLC ด้วยตรวจหารีเอเจนต์ของ Dragendorff จากเหล่านี้เศษส่วน เฉพาะ Alk2 แสดงเนื้อหาเป็นไปใน alkaloids เปิดเผย โดยจุดที่เก็บข้อมูลปัจจัย (Rf) 0.52 (สีส้มสดใส) และ 0.90 (น้ำตาลอ่อน) (Fig. 1A)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1. บทนำMondia whitei (Hook.f. ) Skeels มีการกระจายอย่างกว้างขวางทั่ว sub-Saharan Africa และรากของมันถูกนำมาใช้ในการแพทย์พื้นบ้านสำหรับความหลากหลายของโรคและเงื่อนไข (พุง et al., 2009). การรักษาที่ถูกนำเสนอในฐานะที่เป็น สามารถที่จะรักษาโรคหอบหืดในเด็กไอและหลอดลมอักเสบ, ปวดหัว, ซึมเศร้า, ท้องผูก, กระหายที่ไม่ดีเบื่ออาหารปวดท้องและกระเพาะอาหาร, ความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารอาเจียนมีเลือดออกหลังคลอดหนองมาลาเรีย schistosomiasis และยังจะมีกิจกรรม oxytocic ( Aremu et al., 2011 Neuwinger, 2000 และ Pedersen et al., 2008) รากจะเคี้ยวบ่อยโดยคนเป็นยาชูกำลังและยาโป๊สำหรับการรักษาหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่อ่อนแรงทางเพศและการเพิ่มการผลิตสเปิร์ม ศึกษาน้อยมุ่งเป้าไปที่การเปิดตัวกลไกพื้นฐานกิจกรรมเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ แต่มีผลที่ขัดแย้งกัน (Lampiao et al., 2008 Martey และพระองค์ 2010 Watcho et al., 2006 และ Watcho et al., 2001). รากของ เอ็ม whitei ได้รับการแสดงไปยังท่าเรือโพลีฟีน (เช่น flavonoids และแทนนิน) (Abdou บู et al., 2010 และ Pedersen et al., 2008) coumarinolignans (Patnam et al., 2005), สารระเหยที่มีกลิ่นหอมเช่น 2 ไฮดรอกซี-4-methoxybenzaldehyde และ 3 ไฮดรอกซี-4-methoxybenzaldehyde (isovanillin) (Mukonyi และ Ndiege, 2001) และ glycoside 2 ไฮดรอกซี-4-methoxybenzaldehyde (Msonthi, 1991) เพื่อให้ห่างไกลเพียงสองสารประกอบที่อยู่ในเอ็ม whitei อาจจะเกี่ยวข้องกับทางชีวภาพ (. Neergaard et al, 2010) (i) (- -) loliolide เป็น lactone monoterpene พบในใบสำหรับการรักษาของภาวะซึมเศร้าและ ( ii) 2 ไฮดรอกซี-4-methoxybenzaldehyde สำหรับการยับยั้งไทโรซิเน (คูโบะและ Kinst-Hori, 1999). ในฐานะที่เป็นเอ็ม whitei เป็นตีนเป็ดครอบครัวได้รับการยอมรับโดยทั่วไปสำหรับเนื้อหาในลคาลอยด์, การศึกษาหลายแห่งได้รับการดำเนินการสำหรับชั้นนี้ ของสาร แต่มีผลที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับสถานะของพวกเขาหรือไม่มี (Ameyaw et al., 2009, เฟร็ด-Jaiyesimi และ Ogunjobi 2013 Kerharo 1974 และ Pedersen et al., 2008). ปัจจุบันมุ่งเป้าไปที่การแยกลคาลอยด์ในที่สุด M ราก. whitei และเปิดเผยว่าแอมโมเนียที่ใช้ในการกระบวนการสกัดสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ amine แบก โมเลกุลสารตั้งต้นถูกตรวจสอบสำหรับการเกิดปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นต่อไบโอจีเอมีนสิ่งที่อาจอธิบายได้ว่ากิจกรรมที่ถูกกล่าวหาจากราก. 2 และการอภิปรายผล2.1 เอ็ม whitei รากรับการรักษาด้วยแอมโมเนียสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่อัลคาลอยแปดเศษส่วน(Alk1 เพื่อ Alk4 และ W1 เริ่ม W4) ของเอ็มราก whitei ได้มีการทดสอบสำหรับเนื้อหาของพวกเขาในลคาลอยด์โดยการเอาใจใส่กับการตรวจหาสาร Dragendorff ของ จากเศษเหล่านี้เพียง Alk2 แสดงเนื้อหาที่อาจเกิดขึ้นในลคาลอยด์เป็นจุดที่เปิดเผยโดยที่ปัจจัยการเก็บรักษา (Rf) 0.52 (สีส้มสดใส) และ 0.90 (สีน้ำตาลอ่อน) (รูป. 1A)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 . บทนำ

มอนเดีย whitei ( Hook . f . ) skeels ถูกกระจายอย่างกว้างขวางทั่ว ซับซาฮาแอฟริกาและรากของมันถูกใช้ในยาพื้นบ้านสำหรับความหลากหลายของโรคและเงื่อนไข ( venter et al . , 2009 ) .

แก้ไขจะแสดงเป็น สามารถรักษาโรคหืดในเด็ก แก้ไอและหลอดลมอักเสบ อาการปวดหัว ซึมเศร้า ท้องผูก จนความอยากอาหาร เบื่ออาหาร ท้องและท้องปวดความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร อาเจียน เลือดออกหลังคลอด , โรคหนองใน , มาลาเรีย , โรคพิษสุนัขบ้า และก็มีกิจกรรม oxytocic ( aremu et al . , 2011 , neuwinger , 2000 และ Pedersen et al . , 2008 ) รากมักเคี้ยวโดยผู้ชายเป็นยาบำรุงทางเพศ และในการรักษาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ , นกกะรางหัวขวานทางเพศและเพิ่มการผลิตสเปิร์มมีการศึกษาที่มุ่งเปิดเผยกลไกพื้นฐานทางเพศ กิจกรรม แต่ด้วยผลที่ขัดแย้งกัน ( lampiao et al . , 2008 , martey เขา , 2010 , watcho et al . , 2006 และ watcho et al . , 2001 ) .

รากของ whitei ได้แสดงการท่าเรือ โพลีฟีนอล ( เช่น ฟลาโวนอยด์และแทนนิน ) ( abdou บู et al . , 2010 และ Pedersen et al . , 2008 ) , coumarinolignans ( patnam et al . , 2005 )สารระเหยหอม เช่น 2-hydroxy-4-methoxybenzaldehyde และ 3-hydroxy-4-methoxybenzaldehyde ( isovanillin ) ( mukonyi และ ndiege , 2001 ) และไกลโคไซด์ของ 2-hydroxy-4-methoxybenzaldehyde ( msonthi , 1991 ) ดังนั้นไกลเพียงสองสารประกอบในปัจจุบันม. whitei อาจจะเกี่ยวข้องกับการ : ( ฉัน ) ( − ) - loliolide โมโนเทอร์ปีนแลคโตน , ,ที่พบในใบเพื่อรักษาอาการซึมเศร้า ( neergaard et al . , 2010 ) และ ( 2 ) 2-hydroxy-4-methoxybenzaldehyde สำหรับการยับยั้ง ไทโรซิเนส ( คูโบะ และ kinst โฮริ , 1999 ) .

เป็นเมตร whitei เป็นของลีลาวดี ครอบครัวโดยทั่วไปยอมรับว่า สำหรับเนื้อหาในอัลคาลอยด์หลายการศึกษาได้ดำเนินการในชั้นของสารประกอบ นี้แต่กับผลที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการแสดงตนหรือขาดของพวกเขา ( ameyaw et al . , 2009 , เฟร็ด และ ogunjobi jaiyesimi 2013 kerharo 1974 และ Pedersen et al . , 2008 ) .

ปัจจุบันมุ่งแยกอัลคาลอยด์ในที่สุดของม. whitei ราก และพบว่าแอมโมเนียที่ใช้ในขั้นตอนการสกัดสามารถสร้างเป็น สิ่งประดิษฐ์ แบริ่งละลาย .สารตั้งต้นโมเลกุลถูกตรวจสอบศักยภาพการต่อองค์รวม อะไรที่อาจจะอธิบายว่ากิจกรรมของราก

2 ผลและการอภิปราย

2.1 . ราก ม. whitei รักษาด้วยแอมโมเนียสร้างสิ่งประดิษฐ์

อัลคาลอยด์แปดเศษส่วน ( alk1 และเพื่อ alk4 W1 ให้ W4 ) รากม. whitei ทดสอบเนื้อหาของพวกเขาในอัลคาลอยด์โดย TLC กับ dragendorff เป็นรีเอเจนต์การตรวจหา