strategies investigated are as foll

strategies investigated are as follows [30]:

1. Eliminating the distribution echelon of the supply chain, by including the distribution function in the manufacturing echelon.

2. Integrating the flow of information throughout the chain.

3. Implementing a just-in-time (JIT) inventory policy to reduce time delays.

4. Improving the movement of intermediate products and materials by modifying the order quantity procedures.

5. Modifying the parameters of the existing order quantity procedures.

The objective of the simulation model is to determine which strategies are the most effective in smoothing the variations in the demand pattern. The just-in-time strategy (strategy 3 above) and the echelon removal strategy (strategy 1 above) were observed to be the most effective in smoothing demand variations.

Wikner et al. [31] examine five supply chain improvement strategies, then implement these strategies on a three-stage reference supply chain model. The five strategies are [31]:

1. Fine-tuning the existing decision rules.

2. Reducing time delays at and within each stage of the supply chain.

3. Eliminating the distribution stage from the supply chain.

4. Improving the decision rules at each stage of the supply chain.

5. Integrating the flow of information, and separating demands into “real” orders, which are true market demands, and “cover” orders, which are orders that bolster safety stocks.

Their reference model includes a single factory (with an on-site warehouse), distribution facilities, and retailers. Thus, it is assumed that every facility within the chain houses some inventory. The implementation of each of the five different strategies is carried out using simulation, the results of which are then used to determine the effects of the various strategies on minimizing demand fluctuations. The authors conclude that the most effective improvement strategy is strategy 5, improving the flow of information
at all levels throughout the chain, and separating orders.
4. Supply chain performance measures

An important component in supply chain design and analysis is the establishment of appropriate performance measures. A performance measure, or a set of performance measures, is used to determine the efficiency and/or effectiveness of an existing system, or to compare competing alternative systems. Performance measures are also used to design proposed systems, by determining the values of the decision variables that yield the most desirable level(s) of performance. Available literature identifies a number of performance measures as important in the evaluation of supply chain effectiveness and efficiency. These measures, described in this section, may be categorized as either qualitative or quantitative.

4.1. Qualitative performance measures

Qualitative performance measures are those measures for which there is no single direct numerical measurement, although some aspects of them may be quantified. These objectives have been identified as important, but are not used in the models reviewed here:

• Customer satisfaction: The degree to which customers are satisfied with the product and/or service received, and may apply to internal customers or external customers. Customer satisfaction is comprised of three elements [33]:

1. Pre-transaction satisfaction: satisfaction associated with service elements occurring prior to product purchase.

2. Transaction satisfaction: satisfaction associated with service elements directly involved in the physical distribution of products.

3. Post-transaction satisfaction: satisfaction associated with support provided for products while in use.

• Flexibility: The degree to which the supply chain can respond to random fluctuations in the demand pattern.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กลยุทธ์การตรวจสอบมีดังนี้ [30]:

1 ขจัดระดับการกระจายของห่วงโซ่อุปทานโดยรวมทั้งฟังก์ชั่นการกระจายในระดับการผลิต.

2 การบูรณาการการไหลของข้อมูลตลอดห่วงโซ่.

3 การดำเนินการ just-in-time นโยบายสินค้าคงคลัง (JIT) เพื่อลดเวลาที่ล่าช้า.

4การปรับปรุงการเคลื่อนไหวของสินค้าขั้นกลางและวัสดุโดยการปรับเปลี่ยนขั้นตอนการสั่งซื้อ.

5 การปรับเปลี่ยนค่าพารามิเตอร์ของขั้นตอนการสั่งซื้อที่มีอยู่.

วัตถุประสงค์ของการจำลองคือการกำหนดกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการขจัดอุปสรรคการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบที่ต้องการกลยุทธ์ just-in-time (3 กลยุทธ์ด้านบน) และกลยุทธ์การกำจัดระดับตำแหน่ง (1 กลยุทธ์ด้านบน) พบจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการขจัดอุปสรรคการเปลี่ยนแปลงความต้องการ.

Wikner et al, [31] ตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานห้ากลยุทธ์การปรับปรุงแล้วใช้กลยุทธ์เหล่านี้ในการอ้างอิงอุปทานสามขั้นตอนแบบห่วงโซ่ ห้ากลยุทธ์ [31]:

1 ปรับกฎการตัดสินใจที่มีอยู่.

2ลดความล่าช้าเวลาและอยู่ในขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทานแต่ละ.

3 การขจัดขั้นตอนการกระจายจากห่วงโซ่อุปทาน.

4 การปรับปรุงกฎการตัดสินใจในขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทานแต่ละ.

5 การบูรณาการการไหลของข้อมูลและความต้องการของการแยกออกเป็นคำสั่ง "ของจริง" ซึ่งเป็นความต้องการของตลาดที่แท้จริงและคำสั่ง "ปก" ซึ่งเป็นคำสั่งที่หนุนหุ้นปลอดภัย.

รูปแบบการอ้างอิงของพวกเขารวมถึงโรงงานเดียว (กับคลังสินค้าในสถานที่เดียวกัน), ห้องจัดจำหน่ายและร้านค้าปลีก จึงคิดว่ามันเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห่วงโซ่ทุกบ้านสินค้าคงคลังบางส่วน การดำเนินงานของแต่ละห้ากลยุทธ์ที่แตกต่างจะดำเนินการโดยใช้การจำลอง,ผลของการที่ถูกนำมาใช้เพื่อตรวจสอบผลกระทบของกลยุทธ์ต่างๆในการลดความผันผวนของความต้องการ ผู้เขียนสรุปได้ว่ากลยุทธ์การพัฒนามีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ 5 กลยุทธ์การปรับปรุงการไหลเวียนของ
ข้อมูลในทุกระดับตลอดห่วงโซ่และการแยกคำสั่ง.
4 จัดหามาตรการประสิทธิภาพห่วงโซ่

เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการออกแบบห่วงโซ่อุปทานและการวิเคราะห์การจัดตั้งมาตรการประสิทธิภาพการทำงานที่เหมาะสม วัดประสิทธิภาพการทำงานหรือชุดของมาตรการประสิทธิภาพการทำงานที่ถูกนำมาใช้เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพและ / หรือประสิทธิภาพของระบบที่มีอยู่หรือเพื่อเปรียบเทียบทางเลือกระบบการแข่งขัน มาตรการประสิทธิภาพนอกจากนี้ยังใช้ในการออกแบบระบบที่นำเสนอโดยการกำหนดค่าของตัวแปรการตัดสินใจที่มีผลในระดับที่น่าพอใจมากที่สุด (s) ของประสิทธิภาพการทำงาน เอกสารอ้างอิงที่มีระบุจำนวนของมาตรการที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานและมีประสิทธิภาพ มาตรการเหล่านี้ที่อธิบายไว้ในส่วนนี้อาจจะแบ่งเป็นทั้งเชิงคุณภาพหรือเชิงปริมาณ.

4.1 มาตรการประสิทธิภาพการทำงานที่มีคุณภาพ

มาตรการประสิทธิภาพการทำงานเชิงคุณภาพเป็นมาตรการเหล่านั้นที่ไม่มีการวัดเป็นตัวเลขเดียวโดยตรงแม้ว่าบางแง่มุมของพวกเขาอาจจะได้รับปริมาณ วัตถุประสงค์เหล่านี้ถูกระบุว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ไม่ได้ใช้ในรูปแบบครั้งที่นี่:

พึงพอใจของลูกค้า•: ระดับที่ลูกค้ามีความพึงพอใจกับผลิตภัณฑ์และ / หรือบริการที่ได้รับ,และอาจนำไปใช้กับลูกค้าภายในหรือลูกค้าภายนอก ความพึงพอใจของลูกค้าประกอบด้วยองค์ประกอบสาม [33]:

1 ความพึงพอใจก่อนการทำธุรกรรมความพึงพอใจที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบบริการที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการซื้อผลิตภัณฑ์

2. ความพึงพอใจของรายการ: ความพึงพอใจที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบบริการที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการกระจายทางกายภาพของผลิตภัณฑ์

3.ความพึงพอใจของการทำธุรกรรมโพสต์: ความพึงพอใจที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนให้สำหรับผลิตภัณฑ์ในขณะที่ใช้ความยืดหยุ่น
•:.. ระดับที่ห่วงโซ่อุปทานสามารถตอบสนองต่อความผันผวนสุ่มในรูปแบบความต้องการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กลยุทธ์การตรวจสอบจะได้ดังนี้ [30]:

1 ตัด echelon กระจายของโซ่ โดยฟังก์ชันในผลิต echelon

2 รวมข้อมูลตลอดห่วงโซ่

3 ดำเนินการเพิ่ง--เวลา (JIT) สินค้าคงคลังนโยบายเพื่อลดความล่าช้าเวลา

4 ปรับปรุงการเคลื่อนไหวของสินค้าขั้นกลางและวัตถุดิบ โดยการปรับเปลี่ยนการสั่งปริมาณขั้นตอนการ

5 การปรับเปลี่ยนพารามิเตอร์ของอยู่สั่งปริมาณขั้นตอน

คือวัตถุประสงค์ของแบบจำลองการ กำหนดกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในรูปแบบต่าง ๆ ในรูปแบบความต้องการปรับให้เรียบ เพียงในเวลากลยุทธ์ (ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านบน) และ echelon เอากลยุทธ์ (กลยุทธ์ที่ 1) ได้สังเกตให้ ประสิทธิภาพสูงสุดในการปรับให้เรียบรูปแบบความต้องการ

Wikner et al. [31] ตรวจสอบกลยุทธ์ปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน 5 แล้วใช้กลยุทธ์เหล่านี้ในรูปแบบโซ่อุปทานขั้นสามอ้างอิง กลยุทธ์ 5 คือ [31]:

1 เพื่อให้เกิดที่มีอยู่ตัดสินใจกฎ

2 ลดความล่าช้าเวลาที่ และภาย ในแต่ละขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน

3 ตัดเวทีกระจายจากห่วงโซ่อุปทาน

4 ปรับปรุงกฎการตัดสินใจในแต่ละขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน

5 รวมข้อมูล และแยกความต้องการในใบสั่งที่ "จริง" ซึ่งมีความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง และใบสั่ง "ครอบคลุม" ซึ่งเป็นใบสั่งที่กระจายหุ้นปลอดภัย

แบบจำลองอ้างอิงการรวมโรงงานเดียวกับคลังสินค้าบริการ), การกระจายสิ่งอำนวยความสะดวก และร้านค้าปลีก ดังนั้น มันจะสันนิษฐานว่า สิ่งอำนวยความสะดวกภายในสายบ้านบางคง นำกลยุทธ์แตกต่างกัน 5 แห่งดำเนินใช้การจำลอง ผลลัพธ์ที่มีการใช้เพื่อกำหนดผลกระทบของกลยุทธ์ต่าง ๆ ในการลดความผันผวนของอุปสงค์ ผู้เขียนสรุปว่า กลยุทธ์พัฒนามีประสิทธิภาพมากที่สุดกลยุทธ์ 5 ปรับปรุงการไหลของข้อมูล
ที่ทุกระดับตลอดสาย และแยกสั่ง
4 การประเมินประสิทธิภาพโซ่อุปทาน

ส่วนประกอบสำคัญในการวิเคราะห์และออกแบบโซ่อุปทานเป็นการจัดตั้งวัดที่เหมาะสม วัดประสิทธิภาพ หรือชุดของวัด ถูกใช้ เพื่อกำหนดประสิทธิภาพ/ ประสิทธิผลของระบบที่มีอยู่ หรือเปรียบเทียบระบบแข่งขันอื่น นอกจากนี้ยังใช้วัดการออกแบบระบบการนำเสนอ โดยกำหนดค่าของตัวแปรตัดสินใจที่ก่อ level(s) ปรารถนามากที่สุดของประสิทธิภาพ เอกสารประกอบการใช้ระบุหมายเลขของการประเมินประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการประเมินประสิทธิภาพโซ่อุปทานและประสิทธิภาพ อาจแบ่งมาตรการเหล่านี้ อธิบายไว้ในส่วนนี้ เป็นเชิงคุณภาพ หรือเชิงปริมาณได้

4.1 วัดเชิงคุณภาพ

วัดเชิงคุณภาพมีมาตรการที่มีเดียวตรงเลขวัด แม้ว่าบางส่วนของพวกเขาอาจจะ quantified วัตถุประสงค์เหล่านี้ได้รับการระบุเป็นสำคัญ แต่ไม่มีใช้ในรูปแบบทานที่นี่:

•ความพึงพอใจของลูกค้า: ระดับที่ลูกค้าพอใจกับสินค้าและ/หรือบริการที่ได้รับ และอาจใช้กับลูกค้าภายในหรือลูกค้าภายนอก ความพึงพอใจของลูกค้าประกอบด้วยองค์ประกอบสาม [33]:

1 ความพึงพอใจในธุรกรรมก่อน: ความพึงพอใจที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของบริการเกิดขึ้นก่อนซื้อผลิตภัณฑ์

2 ความพึงพอใจของธุรกรรม: เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการกระจายทางกายภาพของผลิตภัณฑ์บริการความพึงพอใจ

3 ความพึงพอใจของธุรกรรมหลัง: ความพึงพอใจที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนสำหรับผลิตภัณฑ์ในขณะใช้งาน

•ความยืดหยุ่น: ระดับที่ห่วงโซ่อุปทานสามารถตอบสนองการสุ่มการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบความต้องการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กลยุทธ์การสอบสวนมีดังนี้:[ 30 ]:

1 การขจัดพวกนายทหารชั้นการจัดจำหน่ายของซัพพลายเชนโดยรวมถึงฟังก์ชั่นการกระจายในการผลิต Echelon .

2 การผนวกรวมระบบการไหลของข้อมูลในห่วงโซ่ที่.

3 การใช้นโยบายสินค้าคงคลัง Just - in - time (ด่านอีป้อง)เพื่อลดความล่าช้าเวลา.

4การปรับปรุงการเคลื่อนที่ของวัสดุและ ผลิตภัณฑ์ ระดับกลางโดยการแก้ไขตามขั้นตอนจำนวนที่สั่งซื้อ.

5 การแก้ไขพารามิเตอร์ของขั้นตอนจำนวนที่สั่งซื้อที่มีอยู่.

โดยมีวัตถุประสงค์ของรุ่นการจำลองคือการพิจารณาว่าการมีรูปแบบที่มี ประสิทธิภาพ ในการปรับความคมชัดของความแตกต่างของที่อยู่ในความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว.กลยุทธ์ในเวลาที่(ยุทธศาสตร์ 3 ด้านบน)และกลยุทธ์การถอด Echelon (ยุทธศาสตร์ 1 ด้านบน)เป็นไปได้ที่มี ประสิทธิภาพ มากที่สุดในการปรับความคมชัดของความต้องการความแตกต่างของ.

wikner et al . [ 31 ]ตรวจสอบกลยุทธ์ห้าซัพพลายเชนการปรับปรุงแล้วนำไปใช้กลยุทธ์ดังกล่าวตามรูปแบบเครือโรงแรมพาวเวอร์ซัพพลายการอ้างอิงสามขั้นตอนที่ 5 กลยุทธ์คือ:[ 31 ]:

1 การปรับแต่งกฎเกณฑ์การตัดสินใจที่มีอยู่.

2การลดความล่าช้าและเวลาที่อยู่ ภายใน แต่ละขั้นตอนในซัพพลายเชนที่.

3 การลดขั้นตอนการกระจายออกจากซัพพลายเชน.

4 การปรับปรุงกฎระเบียบการตัดสินใจที่แต่ละขั้นตอนในซัพพลายเชนที่.

5 การผนวกรวมระบบการไหลของข้อมูลที่แยกออกจากกันและความต้องการเข้าไปอยู่ใน"จริง"ใบสั่งซื้อที่มีความต้องการในตลาดอย่างแท้จริงและ"ปิด"ใบสั่งซื้อที่มีการสั่งซื้อที่ดึงให้หุ้นความ ปลอดภัย .

คู่มืออ้างอิงฉบับย่อของรุ่นของตนรวมถึงโรงงานหนึ่ง(พร้อมด้วยโกดังสินค้าบนพื้นที่ของโรงแรมที่)ส่วนอำนวยความสะดวกด้านการจัดจำหน่ายและผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีก ดังนั้นจึงมีการสันนิษฐานว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด ภายใน ห่วงโซ่ที่ตั้งของสินค้าคงคลังบางส่วน การนำไปใช้งานได้ห้ากลยุทธ์ที่แตกต่างกันแต่ละครั้งมีการดำเนินการโดยใช้การจำลองผลที่ได้จากที่ใช้ในการดูผลที่จะเกิดขึ้นของกลยุทธ์ต่างๆที่ความผันผวนของปริมาณความต้องการลดแล้ว ผู้เขียนสรุปว่ายุทธศาสตร์การพัฒนามี ประสิทธิภาพ มากที่สุดซึ่งเป็นกลยุทธ์ 5 การปรับปรุงการไหลเวียนเข้าออกของข้อมูล
ซึ่งจะช่วยในทุกระดับทั่วทั้งห่วงโซ่และแยกการสั่งซื้อ.
4 ประสิทธิภาพ ของซัพพลายเชน มาตรการ

คอมโพเนนต์ที่สำคัญในการออกแบบและการวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทานคือการจัดตั้งวัด ประสิทธิภาพ ที่เหมาะสม การวัด ประสิทธิภาพ การทำงานหรือชุดของวัด ประสิทธิภาพ ก็คือใช้ในการกำหนดให้มี ประสิทธิภาพ และ/หรือความมี ประสิทธิภาพ ของระบบที่มีอยู่หรือเพื่อทำการเปรียบเทียบระบบเป็นทางเลือกเป็นคู่แข่ง วัด ประสิทธิภาพ จะใช้ในการออกแบบระบบที่เสนอยังในการกำหนดค่าของตัวแปรการตัดสินใจที่ให้ผลตอบแทนระดับอันเป็นที่ปรารถนามากที่สุด( s )และมี ประสิทธิภาพ สูงสุด จัดให้บริการสิ่งตีพิมพ์ระบุหมายเลขของวัด ประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญในการประเมินผลของ ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลซัพพลายเชน มาตรการเหล่านี้อธิบายไว้ในส่วนนี้อาจจะแบ่ง ประเภท เป็นทั้งในเชิง คุณภาพ หรือปริมาณ.

4.1 ประสิทธิภาพ การทำงานในเชิง คุณภาพ มาตรการ

วัด ประสิทธิภาพ เชิง คุณภาพ มีมาตรการที่ซึ่งไม่มีการวัดเป็นตัวเลขโดยตรงคนเดียวแม้ว่าบางอย่างอาจสามารถคำนวณออกมาเป็นรูปธรรมได้หรือ เป้าหมายเหล่านี้ได้รับการระบุว่าเป็นเรื่องสำคัญแต่ไม่ได้ถูกใช้งานในบางรุ่นได้รับการตรวจสอบที่นี่:

•ความพึงพอใจของลูกค้าระดับที่ลูกค้ามีความพึงพอใจกับ ผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการได้รับและอาจใช้ได้กับลูกค้า ภายใน หรือลูกค้า ภายนอก . ความพึงพอใจของลูกค้าคือประกอบด้วยสามส่วนประกอบ[ 33 ]:

1 ความพึงพอใจ Pre - การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจองค์ประกอบบริการเกิดขึ้นก่อนที่จะซื้อ ผลิตภัณฑ์ .

2 . ความพึงพอใจความพึงพอใจการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับส่วนบริการเกี่ยวข้องโดยตรงในการจัดจำหน่ายทาง กายภาพ ของ ผลิตภัณฑ์ .

3 .ความพึงพอใจที่ทำการไปรษณีย์ - การทำธุรกรรมความพึงพอใจที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนสำหรับ ผลิตภัณฑ์ ในขณะที่อยู่ในการใช้.

•ความยืดหยุ่นระดับที่ซัพพลายเชนที่สามารถตอบสนองต่อความผันผวนของแบบสุ่มในรูปแบบความต้องการ.