Climate change is a constant and on

Climate change is a constant and ongoing process. It is postulated that human activities have reached a point at which we are producing global climate change. This article provides suggestions to help the allergist/environmental physician integrate recommendations about improvements in outdoor and indoor air quality and the likely response to predicted alterations in the earth’s environment into their patient’s treatment plan. Many changes that affect respiratory disease are anticipated. Examples of responses to climate change include energy reduction retrofits in homes that could potentially affect exposure to allergens and irritants, more hot sunny days that increase ozone-related difficulties, and rises in sea level or altered rainfall patterns that increase exposure to damp indoor environments. Climate changes can also affect ecosystems, manifested as the appearance of stinging and biting arthropods in new areas. Higher ambient carbon dioxide concentrations, warmer temperatures, and changes in floristic zones could potentially increase exposure to ragweed and other outdoor allergens, whereas green practices such as composting can increase allergen and irritant exposure. Finally, increased energy costs may result in urban crowding and human source pollution, leading to changes in patterns of infectious respiratory illnesses. Improved governmental controls on airborne pollutants could lead to cleaner air and reduced respiratory diseases but will meet strong opposition because of their effect on business productivity. The allergy community must therefore adapt, as physician and research scientists always have, by anticipating the needs of patients and by adopting practices and research methods to meet changing environmental conditions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นกระบวนการต่อเนื่อง และคง มันเป็น postulated ที่ มนุษย์ได้มาถึงจุดที่เราจะผลิตเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก บทความนี้ให้คำแนะนำเพื่อช่วยแพทย์ภูมิแพ้/สิ่งแวดล้อมที่รวมข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงในที่กลางแจ้ง และคุณภาพอากาศภายในอาคารและการตอบสนองแนวโน้มการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมของโลกในรักษาผู้ป่วยของพวกเขา เปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อโรคทางเดินหายใจคาดไว้ ตัวอย่างของการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้แก่ retrofits ลดพลังงานในบ้านที่ไม่อาจสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้และเมื่อ เพิ่มเติมร้อนแดดวันที่เพิ่มปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโอโซน และเพิ่มขึ้นในระดับน้ำทะเล หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มสัมผัสกับบันทอนสภาพแวดล้อมภายใน เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังสามารถส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ประจักษ์เป็นลักษณะที่ปรากฏของ stinging และเสียดสี arthropods ในพื้นที่ใหม่ ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ที่สภาวะสูง อุณหภูมิอุ่น และการเปลี่ยนแปลงในเขต floristic อาจอาจเพิ่มแสง ragweed และอื่น ๆ กลางสารก่อภูมิแพ้ ในขณะที่สีเขียวแนวเช่นหมักสามารถเพิ่มแสง allergen และออกฤทธิ์ระคายเคือง ในที่สุด ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลในเมืองกครั้งและมนุษย์แหล่งมลพิษ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ปรับปรุงภาครัฐควบคุมสารมลพิษทางอากาศอาจทำให้อากาศสะอาด และโรคทางเดินหายใจลดลง แต่จะได้พบกับฝ่ายค้านที่แข็งแรงเนื่องจากผลที่เกิดขึ้นในธุรกิจผลผลิต ชุมชนภูมิแพ้ต้องการปรับเปลี่ยน ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์แพทย์และการวิจัย มี โดยสนองความต้องการของผู้ป่วย และใช้ปฏิบัติ และวิจัยวิธีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมเสมอ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องและอย่างต่อเนื่อง มันถูกตั้งสมมติฐานว่ากิจกรรมของมนุษย์ได้มาถึงจุดที่เรามีการผลิตเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก บทความนี้จะให้ข้อเสนอแนะที่จะช่วยให้ภูมิแพ้ / สิ่งแวดล้อมแพทย์บูรณาการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรับปรุงคุณภาพอากาศในร่มและกลางแจ้งและการตอบสนองที่มีแนวโน้มที่จะมีการปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ในสภาพแวดล้อมของโลกในการวางแผนการรักษาผู้ป่วยของพวกเขา การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่มีผลต่อโรคทางเดินหายใจที่คาดว่า ตัวอย่างของการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรวมถึงรถยนต์ปอร์เช่ลดการใช้พลังงานในบ้านที่อาจส่งผลต่อการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้และระคายเคือง, วันที่แดดร้อนมากขึ้นที่เพิ่มความยากลำบากโอ​​โซนที่เกี่ยวข้องและเพิ่มขึ้นในระดับน้ำทะเลหรือรูปแบบการเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มการสัมผัสกับสภาพแวดล้อมในร่มชื้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนอกจากนี้ยังจะมีผลต่อระบบนิเวศประจักษ์เป็นลักษณะของรพกัดและกัดในพื้นที่ใหม่ โดยรอบมีความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สูงกว่าอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นและการเปลี่ยนแปลงในโซน floristic อาจจะเพิ่มการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ ragweed และกลางแจ้งอื่น ๆ ในขณะที่การปฏิบัติที่เป็นสีเขียวเช่นการทำปุ๋ยหมักสามารถเพิ่มการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้และระคายเคือง ในที่สุดค่าใช้จ่ายพลังงานเพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้ความแออัดในเมืองและแหล่งมลพิษของมนุษย์ที่นำไปสู่​​การเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของโรคระบบทางเดินหายใจติดเชื้อ ปรับปรุงการควบคุมของรัฐบาลเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศอาจนำไปสู่​​อากาศที่สะอาดและลดโรคทางเดินหายใจ แต่จะตอบสนองความขัดแย้งรุนแรงเพราะผลของพวกเขาในผลผลิตทางธุรกิจ ชุมชนที่เป็นโรคภูมิแพ้ดังนั้นจึงต้องปรับตัวในขณะที่นักวิทยาศาสตร์แพทย์และการวิจัยมักจะมีโดยการคาดการณ์ความต้องการของผู้ป่วยและโดยการนำการปฏิบัติและวิธีการวิจัยเพื่อตอบสนองสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคงที่ และต่อเนื่องของกระบวนการ มันเป็นวิธีที่กิจกรรมของมนุษย์ได้มาถึงจุดที่เราจะผลิตการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกบทความนี้จะให้คำแนะนำเพื่อช่วยให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ / สิ่งแวดล้อมแพทย์รวมข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงคุณภาพอากาศในร่มและกลางแจ้งและการตอบสนองแนวโน้มที่จะคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของโลกลงในแผนการรักษาของผู้ป่วย การเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อโรคทางเดินหายใจจะคาดการณ์ตัวอย่างของการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการปรับปรุงการลดพลังงานในบ้านที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคือง ในวันที่แดดร้อนกว่า เพิ่มโอโซน ที่เกี่ยวข้องกับปัญหา และเพิ่มขึ้นในระดับน้ำทะเล หรือเปลี่ยนแปลง ปริมาณน้ำฝน ลวดลายที่เพิ่มความเสี่ยงให้ชื้นสภาพแวดล้อมในร่ม การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศปรากฏเป็นลักษณะของแมลงที่กัดต่อยและในพื้นที่ใหม่ สูงกว่าอุณหภูมิก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ความเข้มข้น อุณหภูมิที่อุ่นขึ้น และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในโซนอาจเพิ่มความเสี่ยงการบินผ่านและ allergens กลางแจ้งอื่น ๆ ในขณะที่ปฏิบัติสีเขียว เช่น ทำปุ๋ยหมัก และระคายเคืองสารก่อภูมิแพ้สามารถเพิ่มแสง ในที่สุดต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลในเมืองแออัด และมลพิษที่มาของมนุษย์ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของการเจ็บป่วยทางเดินหายใจติดเชื้อ การปรับปรุงการควบคุมของรัฐในสารมลพิษทางอากาศสามารถทำให้อากาศสะอาดและลดโรคระบบทางเดินหายใจ แต่จะพบกับฝ่ายค้านเข้มแข็งเพราะผลของพวกเขาในการผลิตธุรกิจ ชุมชนแพ้จึงต้องปรับตัวเป็นนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ และวิจัยมาตลอด โดยการคาดการณ์ความต้องการของผู้ป่วยและโดยการใช้วิธีปฏิบัติและวิธีวิจัยเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม เงื่อนไข