Anemia is a global public health pr

Anemia is a global public health problem affecting both developing and developed countries; approximately 1.3 billion individuals suffer from it. Pregnant women are the most vulnerable groups to anemia. The aim of this study was to assess the prevalence and risk factors for anemia in pregnant women attending antenatal care in Azezo Health Center, Gondar town, Northwest Ethiopia.
Method: A cross-sectional study was conducted at Azezo Health Center from February to May 2011. Red blood cell morphology, Hgb level determination and intestinal parasites were assessed following the standard procedures. Socio-demographic data was collected by using a structured questionnaire. The data entered and analyzed by using the SPSS version 16.0 statistical software. P34, rural residence, history of malaria attack, hookworm infection and absence of iron supplements are significantly associated with increased risk of anemia. The most prevalent intestinal parasite among pregnant women was hookworm 18 (4.7%).
Conclusion: In the present study, the prevalence of anemia was low when compared with the previous studies carried out in different countries including Ethiopia. More should be done in respect to the importance of regular visit to maternal care centres and health education promotion programs to succeed more.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรคโลหิตจางเป็นปัญหาสาธารณสุขทั่วโลกส่งผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนา และพัฒนาแล้ว ประมาณ 1.3 ล้านคนต้องทนทุกข์ทรมานจากมัน หญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มมีโอกาสเสี่ยงกับโรคโลหิตจาง จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้คือการ ประเมินความชุกและปัจจัยเสี่ยงสำหรับโรคโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์ที่เข้าร่วมการดูแลครรภ์ในศูนย์สุขภาพ Azezo, Gondar เมือง ตะวันตกเฉียงเหนือของเอธิโอเปียวิธีการ: การศึกษาที่โรงพยาบาลดำเนินการที่ศูนย์สุขภาพ Azezo ตั้งแต่กุมภาพันธ์ถึง 2554 พฤษภาคม สัณฐานวิทยาของเซลล์เม็ดเลือดแดง การกำหนดระดับ Hgb และปรสิตลำไส้ถูกประเมินตามกระบวนการมาตรฐาน มีการรวบรวมข้อมูลประชากรและสังคม โดยใช้แบบสอบถามที่มีโครงสร้าง ข้อมูลที่ป้อน และวิเคราะห์ โดยใช้ SPSS รุ่น 16.0 สถิติซอฟต์แวร์ P < เป็นนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05ผล: ในหมู่ผู้เข้าร่วมศึกษา 384 ความชุกของโรคโลหิตจางคือ 83 (21.6%) กว่าครึ่ง, (64.8%) การดูแลครรภ์หญิงตั้งครรภ์ที่เข้าร่วมในไตรมาสที่ 3 (ระหว่าง 13 และ 28 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์) ส่วนใหญ่ 373 (97.1%) ของหญิงตั้งครรภ์มีสัณฐานวิทยาเซลล์สีแดงรตแอมโมเนียมเพ normocytic normo ส่วนใหญ่ของกรณีโรคโลหิตจาง 49% (41/83) เป็นชนิดไม่รุนแรง (Hgb 10.0–10.9g/d1) ตาม ด้วย 46% กรณีของโรคโลหิตจางปานกลาง (7 – 9.9 g/dl) และโรคโลหิตจางรุนแรง (Hgb < 7 g / dl) 5% หญิงตั้งครรภ์ที่ มีอายุ > เรสซิเดนซ์ 34 ชนบท ประวัติของการโจมตีโรคมาลาเรีย เชื้อ hookworm และการขาดของเหล็กเสริมจะมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงของโรคโลหิตจาง พยาธิลำไส้พบบ่อยที่สุดในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ถูก hookworm 18 (4.7%)สรุป: ในการศึกษาปัจจุบัน ความชุกของโรคโลหิตจางได้ต่ำเมื่อเทียบกับการศึกษาก่อนหน้านี้ดำเนินการในต่างประเทศรวมถึงประเทศเอธิโอเปีย เพิ่มเติมควรทำความเคารพให้ความสำคัญของการเยี่ยมชมศูนย์การดูแลมารดาและโปรแกรมส่งเสริมการศึกษาสุขภาพจะประสบความสำเร็จเพิ่มเติมปกติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โรคโลหิตจางเป็นปัญหาสาธารณสุขทั่วโลกส่งผลกระทบต่อทั้งการพัฒนาและประเทศที่พัฒนาแล้ว; ประมาณ 1.3 พันบุคคลที่ประสบจากมัน หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุดที่จะเป็นโรคโลหิตจาง จุดมุ่งหมายของการศึกษาครั้งนี้คือการประเมินความชุกและปัจจัยเสี่ยงของโรคโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์เข้าร่วมฝากครรภ์ใน Azezo ศูนย์สุขภาพเมืองกอนภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเอธิโอเปีย.
วิธีการ: การศึกษาแบบตัดขวางได้ดำเนินการที่ศูนย์สุขภาพ Azezo ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม 2011 . แดงมือถือสัณฐานเลือดความมุ่งมั่นระดับ Hgb และปรสิตในลำไส้ได้รับการประเมินตามขั้นตอนมาตรฐาน ข้อมูลทางสังคมและประชากรที่ถูกเก็บรวบรวมโดยใช้แบบสอบถาม ป้อนข้อมูลและวิเคราะห์โดยใช้รุ่น SPSS 16.0 ซอฟต์แวร์ทางสถิติ P <0.05 ได้รับการพิจารณาเป็นนัยสำคัญทางสถิติ.
ผล: ในบรรดาผู้เข้าร่วมการศึกษา 384 ความชุกของโรคโลหิตจางได้ 83 (21.6%) กว่าครึ่งหนึ่ง (64.8%) ของหญิงตั้งครรภ์เข้าร่วมฝากครรภ์ในไตรมาสที่สาม (ระหว่างวันที่ 13 และ 28 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์) เสียงข้างมาก 373 (97.1%) ของหญิงตั้งครรภ์ที่มี Normocytic โมอโครสัณฐานวิทยาของเม็ดเลือดแดง ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคโลหิตจาง 49% (41/83) เป็นชนิดที่ไม่รุนแรง (Hgb 10.0-10.9g / D1) ตามด้วยกรณี 46% ของโรคโลหิตจางในระดับปานกลาง (7-9.9g / DL) และ 5% โรคโลหิตจางรุนแรง (Hgb < 7g / DL) หญิงตั้งครรภ์ที่อายุ> 34, ที่อยู่อาศัยชนบทประวัติศาสตร์ของการโจมตีมาลาเรียการติดเชื้อพยาธิปากขอและการขาดธาตุเหล็กมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคโลหิตจาง พยาธิในลำไส้ที่แพร่หลายมากที่สุดในหมู่หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นพยาธิปากขอ 18 (4.7%).
สรุป: ในการศึกษาปัจจุบันความชุกของโรคโลหิตจางอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับการศึกษาก่อนหน้าดำเนินการในต่างประเทศรวมทั้งประเทศเอธิโอเปีย อื่น ๆ ควรจะทำในส่วนที่เกี่ยวกับความสำคัญของการเข้าสู่ปกติไปยังศูนย์การดูแลมารดาและรายการส่งเสริมการศึกษาสุขภาพจะประสบความสำเร็จมากขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรคโลหิตจางเป็นปัญหาสาธารณสุขระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อทั้งการพัฒนาและการพัฒนาประเทศ ประมาณ 1.3 ล้านคนประสบจากมัน หญิงตั้งครรภ์กลุ่มเสี่ยงมากที่สุดในภาวะโลหิตจาง จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้เพื่อประเมินความชุกและปัจจัยเสี่ยงของภาวะโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากครรภ์ใน azezo ศูนย์สุขภาพเมืองกอนดาร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เอธิโอเปียวิธีการ : การศึกษาภาคตัดขวางที่ใช้ในศูนย์สุขภาพ azezo จากเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม 2554 สีแดงเลือดเซลล์สัณฐาน การกำหนดระดับ hgb และปรสิตลำไส้จะถูกประเมินตามขั้นตอนมาตรฐาน ข้อมูลส่วนบุคคลเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ ข้อมูลที่ป้อน และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS เวอร์ชั่น 16.0 สถิติซอฟต์แวร์ p < 0.05 เป็นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติผล : ระหว่างผู้เข้าร่วมและศึกษาความชุกของโลหิตจางได้ 83 ( 21.6 % ) กว่าครึ่ง ( 64.8 % ) ของหญิงตั้งครรภ์เข้าร่วมฝากครรภ์ในไตรมาสที่ 3 ( ระหว่าง 13 และ 28 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ ) ส่วนใหญ่ที่ 373 ( 97.1 % ) ของหญิงตั้งครรภ์มีเม็ดเลือดแดงที่มีขนาดเม็ดเลือดแดงปกติ normo โครมิกน้ำหนัก ส่วนใหญ่ของกรณีโลหิตจาง 49% ( 41 / 83 ) เป็นชนิดไม่รุนแรง ( hgb 10.0 – 10.9g / D1 ) รองลงมา คือ ร้อยละ 46 กรณีโลหิตจางปานกลาง ( 7 ) 9.9g / dl ) และ 5% รุนแรงโรคโลหิตจาง ( hgb < ลด / dl ) หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุ > 35 , ที่อยู่อาศัยในชนบท , ประวัติของมาลาเรียโจมตีการติดเชื้อพยาธิปากขอ และขาดการเสริมเหล็กมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคโลหิตจาง ที่แพร่หลายมากที่สุดในหญิงตั้งครรภ์คือพยาธิปากขอ พยาธิในลำไส้ 18 ( ร้อยละ 4.7 )สรุป : ในการศึกษาความชุกของภาวะโลหิตจางมีค่าต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับการศึกษาก่อนหน้านี้ทำในประเทศอื่น ได้แก่ เอธิโอเปีย เพิ่มเติมที่ควรทำในแง่ของความสำคัญของการเข้าชมปกติศูนย์ดูแลแม่และการศึกษา การส่งเสริมสุขภาพโปรแกรมที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น