ประวัติศาสตร์จีน (中国历史)  จีนเป็นประเทศที่มีความเป็นมายาวนานกว่าห้าพันป การแปล - ประวัติศาสตร์จีน (中国历史)  จีนเป็นประเทศที่มีความเป็นมายาวนานกว่าห้าพันป ไทย วิธีการพูด

ประวัติศาสตร์จีน (中国历史) จีนเป็นประ

ประวัติศาสตร์จีน (中国历史)
จีนเป็นประเทศที่มีความเป็นมายาวนานกว่าห้าพันปี ตลอดช่วงเวลาอันยาวนานนี้ ได้ก่อเกิดเรื่องราวต่างๆมากมายนับไม่ถ้วน หลาย ๆ เรื่องก็กลายเป็นตำนานเล่าขานในหมู่ชนอันไม่รู้จบ ทั้งเรื่องราวของวีรบุรุษผู้เดียวดาย วีรสตรีผู้เสียสละ กังฉินใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ ธรรมราชันย์ผู้เปี่ยมเมตตา ทรราชผู้โหดเหี้ยมอำมหิต และนี่คือมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของประวัติศาสตร์จีน


พัฒนาการความเป็นมาของประวัติศาสตร์จีน สามารถอธิบายคร่าว ๆ โดยแบ่งช่วงเวลาออกมาได้ดังนี้
ยุคก่อกำเนิด หรือยุคบรรพกาล (? – 2100 ปี ก่อน ค.ศ.)
ดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำหวงเหอ (黄河) มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคหิน ซึ่งผู้คนเหล่านี้ได้ค่อย ๆ มีการพัฒนา จากการที่ต่างคนต่างอยู่ ยังชีพด้วยการเก็บของป่า ล่าสัตว์ ก็ค่อย ๆ เข้ามารวมตัวกันเป็นชุมชน ทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ก่อเกิดเป็นสังคมแบบชนเผ่าขึ้น ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวก็ได้เกิดมีผู้นำคนสำคัญๆที่ได้มีส่วนสำคัญในการช่วย พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมขณะนั้น คือ ซุ่ยเหริน (燧人) ฝูซี (伏羲) เสินหนง (神农) ซึ่งสามคนนี้ได้รับการยกย่องเป็น “ซันหวง” (三皇) หรือสามกษัตริย์ ตราบจนเมื่อประมาณ 4600 ปีก่อน ค.ศ. หวงตี้ (黄帝) หรือ จักรพรรดิเหลือง สามารถกำราบชนเผ่าทั้งหลายในแถบลุ่มน้ำหวงเหอได้สำเร็จ อันเป็นที่มาของชนชาติ “หวาเซี่ย” (华夏) หรือ ชนชาติจีน กาลต่อมาก็ได้มีผู้นำที่มีความสามารถเช่น จวนซวี (颛顼) ตี้คู่ (帝喾) เหยา (尧) ซุ่น (舜) บุคคลทั้งสี่นี้ เมื่อรวมกับหวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) จึงกลายเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า “หวู่ตี้” (五帝) หรือ ห้าจักรพรรดิ
จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้สังคมจีนแบบบุพกาลสิ้นสุดลง คือการที่ต้าอวี่ (大禹) สามารถแก้ไขปัญหาอุทกภัยในแถบลุ่มแม่น้ำหวงเหอ ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญที่คุกคามชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในบริเวณนั้นมา อย่างยาวนานได้สำเร็จ ดังนั้นพระเจ้าซุ่นจึงได้สละบัลลังก์ของตนมอบให้แก่ต้าอวี่ ต้าอวี่ปกครองประชาชนด้วยความร่มเย็นเป็นสุขจนเมื่อตนเองแก่ชรา จึงคิดจะยกราชสมบัติให้แก่อี้ (益) ตามประเพณีดั้งเดิมที่จะยกบัลลังก์ให้แก่ผู้มีความสามารถ แต่ทว่าด้วยแรงหนุนจากบรรดาหัวหน้าเผ่าต่างๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของ ต้าอวี่ ทำให้ฉี่ (启) โอรสของต้าอวี่ได้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากบิดา เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุคบรรพกาล ประวัติศาสตร์จีนได้เข้าสู่ยุคแห่งรัฐระบอบทาสนับแต่นั้น
ยุคทาส (2100 – 1028 ปี ก่อน ค.ศ.)
ใน ยุคนี้จีนได้เริ่มมีการสถาปนาระบอบการปกครองแบบราชวงศ์ มีการสืบสันตติวงศ์ทางสายเลือด แทนระบบการสืบทอดตำแหน่งโดยการคัดเลือกจากความสามารถ เริ่มมีชนชั้นทาสเกิดขึ้น เนื่องจากเมื่อฉี่ โอรสของอวี่ขึ้นครองราชย์ ได้มีชนเผ่าบางเผ่าไม่ยอมรับอำนาจของเขา ฉี่จึงยกทัพไปปราบ และกวาดต้อนเชลยศึกเหล่านั้นให้มาทำหน้าที่รับใช้ฝ่ายตนซึ่งเป็นผู้ชนะ สงคราม จึงได้เกิดมีชนชั้นทาสกับนายทาสขึ้นนับแต่นั้น ในยุคนี้จะประกอบไปด้วยราชวงศ์อยู่สองราชวงศ์ คือ เซี่ยกับชาง
ราชวงศ์เซี่ย (夏朝 2100 – 1600 ปี ก่อน ค.ศ.)
ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยฉี่ โอรสของต้าอวี่ กษัตริย์องค์สุดท้ายคือ เจี๋ย (桀) รวมมีกษัตริย์ปกครองทั้งหมด 17 พระองค์ (รวมต้าอวี่)
ราชวงศ์ชาง (商朝 1600 – 1028 ปี ก่อน ค.ศ.)
ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยชางทัง (商汤) ซึ่งได้ฉวยโอกาสนำกำลังลุกฮือขึ้นโค่นล้มการปกครองของพระเจ้าเจี๋ยแห่งราชวงศ์เซี่ย กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์นี้คือ โจ้ว (纣) ราชวงศ์นี้มีกษัตริย์ปกครองทั้งสิ้น 30 พระองค์ ยุคนี้การทำเครื่องสัมฤทธิ์มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุด ทั้งยังเป็นยุคที่อักษรกระดองเต่า (甲骨文) ถือกำเนิดขึ้นมาด้วย


ยุคศักดินา (1027 ปี ก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 1912)
เมื่อโจวหวู่หวาง (周武王) นำกำลังเข้าโค่นล้มการปกครองของพระเจ้าโจ้วหวางแห่งราชวงศ์ชางแล้ว ก็ได้สถาปนาราชวงศ์โจว (周朝) ขึ้น และได้ปูนบำเหน็จความดีความชอบให้แก่บรรดาเชื้อพระวงศ์ ขุนศึก หัวหน้าเผ่าที่ร่วมมือกับตนในการโค่นล้มราชวงศ์ชาง ด้วยการแต่งตั้งให้บรรดาคนเหล่านั้นเป็น “จูโหว” (诸侯) หรือเจ้าครองแคว้น แล้วมอบที่ดินให้กับพวกเขาในขนาดที่แตกต่างกัน ตามแต่ระดับความดีความชอบที่ได้กระทำไว้ ให้คนเหล่านั้นมีอำนาจเต็มที่ในพื้นที่ที่ได้รับพระราชทานจาก “โอรสสวรรค์” (天子) หรือกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว และนี่จึงเป็นที่มาของยุคศักดินาอันยาวนานในประวัติศาสตร์จีน ในยุคนี้ประกอบไปด้วยราชวงศ์ต่าง ๆดังนี้
ราชวงศ์โจว (周朝 1027 – 256 ปี ก่อน ค.ศ.)
ราช วงศ์โจวเป็นราชวงศ์ที่มีอายุยืนยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เป็นจุดเริ่มต้นของระบอบศักดินาในประเทศจีน ราชวงศ์นี้แบ่งได้เป็นสองช่วง คือ ราชวงศ์โจวตะวันตก (西周 1027 – 771 ปี ก่อน ค.ศ.) มีเมืองหลวงอยู่ที่เฮ่าจิง (鎬京) กับราชวงศ์โจวตะวันออก (东周 770 – 256 ปี ก่อน ค.ศ.) มีเมืองหลวงอยู่ที่ลั่วอี้ (洛邑) ในยุคราชวงศ์โจวตะวันออกแบ่งย่อยได้เป็นสองยุค คือ ชุนชิว (春秋) กับจ้านกั๋ว (战国) ซึ่งเป็นยุคแห่งการสู้รบแย่งชิงดินแดนกันของบรรดาจูโหว หรือเจ้าครองแคว้นทั้งหลาย เป็นยุคที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งวุ่นวายที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน แต่ขณะเดียวกันในยุคนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองในด้านศิลปวิทยาการต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะในด้านปรัชญาความคิด จนเป็นยุคที่ถูกเรียกว่า ยุคปราชญ์ร้อยสำนัก (诸子百家) ปราชญ์คนสำคัญของจีนที่มีชีวิตอยู่ในยุคนี้ เช่น ขงจื่อ (孔子) เหลาจื่อ (老子) จวงจื่อ (庄子) ซุนวู หรือ ซุนจื่อ (孙子) ม่อจื่อ (墨子) เมิ่งจื่อ (孟子) สวินจื่อ (荀子) หานเฟยจื่อ (韩非子) เป็นต้น และยุคนี้เป็นยุคต้นกำเนิดของปรัชญาสำคัญที่กลายเป็นเสาหลักทางความคิดของอารยธรรรมจีนในกาลต่อมา นั่นคือ ปรัชญาขงจื่อ (儒家) กับปรัชญาเต๋า (道家)
ราชวงศ์ฉิน (秦朝 221 – 207 ปี ก่อน ค.ศ.)
หลังจากที่ฉินหวางเจิ้ง (秦王政) เจ้าแคว้นฉิน สามารถสยบบรรดาแว่นแคว้นทั้งหลาย ยุติความขัดแย้งแตกแยกในช่วงยุคจ้านกั๋ว รวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจีน แล้ว ก็ได้สถาปนาราชวงศ์ฉิน (秦朝) เป็นรัฐระบอบรวมศูนย์อำนาจขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีน ทั้งยังสถาปนาตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดที่เรียกว่า “ฮ่องเต้” หรือจักรพรรดิ (皇帝) ซึ่งได้ถูกใช้เรื่อยมาจนสิ้นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยที่พระองค์ได้สถาปนาตนเป็น ฉินสื่อหวงตี้ ห
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติศาสตร์จีน (中国历史) จีนเป็นประเทศที่มีความเป็นมายาวนานกว่าห้าพันปีตลอดช่วงเวลาอันยาวนานนี้ได้ก่อเกิดเรื่องราวต่างๆมากมายนับไม่ถ้วนหลายๆ เรื่องก็กลายเป็นตำนานเล่าขานในหมู่ชนอันไม่รู้จบทั้งเรื่องราวของวีรบุรุษผู้เดียวดายวีรสตรีผู้เสียสละกังฉินใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ธรรมราชันย์ผู้เปี่ยมเมตตาทรราชผู้โหดเหี้ยมอำมหิตและนี่คือมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของประวัติศาสตร์จีน พัฒนาการความเป็นมาของประวัติศาสตร์จีนสามารถอธิบายคร่าวๆ โดยแบ่งช่วงเวลาออกมาได้ดังนี้ ยุคก่อกำเนิดหรือยุคบรรพกาล (? – 2100 ปีก่อนค.ศ) ดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำหวงเหอ (黄河) มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคหินซึ่งผู้คนเหล่านี้ได้ค่อยๆ มีการพัฒนาจากการที่ต่างคนต่างอยู่ยังชีพด้วยการเก็บของป่าล่าสัตว์ก็ค่อยๆ เข้ามารวมตัวกันเป็นชุมชนทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ก่อเกิดเป็นสังคมแบบชนเผ่าขึ้นซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวก็ได้เกิดมีผู้นำคนสำคัญๆที่ได้มีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมขณะนั้นคือซุ่ยเหริน (燧人) ฝูซี (伏羲) เสินหนง (神农) ซึ่งสามคนนี้ได้รับการยกย่องเป็น "ซันหวง" (三皇) หรือสามกษัตริย์ตราบจนเมื่อประมาณ 4600 ปีก่อนคศ. หวงตี้ (黄帝) หรือจักรพรรดิเหลืองสามารถกำราบชนเผ่าทั้งหลายในแถบลุ่มน้ำหวงเหอได้สำเร็จอันเป็นที่มาของชนชาติ "หวาเซี่ย" (华夏) หรือชนชาติจีนกาลต่อมาก็ได้มีผู้นำที่มีความสามารถเช่นจวนซวี (颛顼) ตี้คู่ (帝喾) เหยา (尧) ซุ่น (舜) บุคคลทั้งสี่นี้เมื่อรวมกับหวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) จึงกลายเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า "หวู่ตี้" (五帝) หรือห้าจักรพรรดิ จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้สังคมจีนแบบบุพกาลสิ้นสุดลง คือการที่ต้าอวี่ (大禹) สามารถแก้ไขปัญหาอุทกภัยในแถบลุ่มแม่น้ำหวงเหอ ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญที่คุกคามชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในบริเวณนั้นมา อย่างยาวนานได้สำเร็จ ดังนั้นพระเจ้าซุ่นจึงได้สละบัลลังก์ของตนมอบให้แก่ต้าอวี่ ต้าอวี่ปกครองประชาชนด้วยความร่มเย็นเป็นสุขจนเมื่อตนเองแก่ชรา จึงคิดจะยกราชสมบัติให้แก่อี้ (益) ตามประเพณีดั้งเดิมที่จะยกบัลลังก์ให้แก่ผู้มีความสามารถ แต่ทว่าด้วยแรงหนุนจากบรรดาหัวหน้าเผ่าต่างๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของ ต้าอวี่ ทำให้ฉี่ (启) โอรสของต้าอวี่ได้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากบิดา เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุคบรรพกาล ประวัติศาสตร์จีนได้เข้าสู่ยุคแห่งรัฐระบอบทาสนับแต่นั้น ยุคทาส (2100 – 1028 ปีก่อนค.ศ) ในยุคนี้จีนได้เริ่มมีการสถาปนาระบอบการปกครองแบบราชวงศ์มีการสืบสันตติวงศ์ทางสายเลือดแทนระบบการสืบทอดตำแหน่งโดยการคัดเลือกจากความสามารถเริ่มมีชนชั้นทาสเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อฉี่โอรสของอวี่ขึ้นครองราชย์ได้มีชนเผ่าบางเผ่าไม่ยอมรับอำนาจของเขาฉี่จึงยกทัพไปปราบและกวาดต้อนเชลยศึกเหล่านั้นให้มาทำหน้าที่รับใช้ฝ่ายตนซึ่งเป็นผู้ชนะสงครามจึงได้เกิดมีชนชั้นทาสกับนายทาสขึ้นนับแต่นั้นในยุคนี้จะประกอบไปด้วยราชวงศ์อยู่สองราชวงศ์คือเซี่ยกับชาง ราชวงศ์เซี่ย (夏朝 2100-1600 ปีก่อนค.ศ) ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยฉี่โอรสของต้าอวี่รวมมีกษัตริย์ปกครองทั้งหมด 17 กษัตริย์องค์สุดท้ายคือเจี๋ย (桀) พระองค์ (รวมต้าอวี่) ราชวงศ์ชาง (商朝 1600-1028 ปีก่อนค.ศ) ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยชางทัง (商汤) ซึ่งได้ฉวยโอกาสนำกำลังลุกฮือขึ้นโค่นล้มการปกครองของพระเจ้าเจี๋ยแห่งราชวงศ์เซี่ยกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์นี้คือโจ้ว (纣) ราชวงศ์นี้มีกษัตริย์ปกครองทั้งสิ้น 30 พระองค์ยุคนี้การทำเครื่องสัมฤทธิ์มีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดทั้งยังเป็นยุคที่อักษรกระดองเต่า (甲骨文) ถือกำเนิดขึ้นมาด้วย ยุคศักดินา (1027 ปีก่อนค.ศ. -ค.ศ. ซาวน่า) เมื่อโจวหวู่หวาง (周武王) นำกำลังเข้าโค่นล้มการปกครองของพระเจ้าโจ้วหวางแห่งราชวงศ์ชางแล้ว ก็ได้สถาปนาราชวงศ์โจว (周朝) ขึ้น และได้ปูนบำเหน็จความดีความชอบให้แก่บรรดาเชื้อพระวงศ์ ขุนศึก หัวหน้าเผ่าที่ร่วมมือกับตนในการโค่นล้มราชวงศ์ชาง ด้วยการแต่งตั้งให้บรรดาคนเหล่านั้นเป็น “จูโหว” (诸侯) หรือเจ้าครองแคว้น แล้วมอบที่ดินให้กับพวกเขาในขนาดที่แตกต่างกัน ตามแต่ระดับความดีความชอบที่ได้กระทำไว้ ให้คนเหล่านั้นมีอำนาจเต็มที่ในพื้นที่ที่ได้รับพระราชทานจาก “โอรสสวรรค์” (天子) หรือกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว และนี่จึงเป็นที่มาของยุคศักดินาอันยาวนานในประวัติศาสตร์จีน ในยุคนี้ประกอบไปด้วยราชวงศ์ต่าง ๆดังนี้ ราชวงศ์โจว (周朝 1027 – 256 ปีก่อนค.ศ) ราช วงศ์โจวเป็นราชวงศ์ที่มีอายุยืนยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เป็นจุดเริ่มต้นของระบอบศักดินาในประเทศจีน ราชวงศ์นี้แบ่งได้เป็นสองช่วง คือ ราชวงศ์โจวตะวันตก (西周 1027 – 771 ปี ก่อน ค.ศ.) มีเมืองหลวงอยู่ที่เฮ่าจิง (鎬京) กับราชวงศ์โจวตะวันออก (东周 770 – 256 ปี ก่อน ค.ศ.) มีเมืองหลวงอยู่ที่ลั่วอี้ (洛邑) ในยุคราชวงศ์โจวตะวันออกแบ่งย่อยได้เป็นสองยุค คือ ชุนชิว (春秋) กับจ้านกั๋ว (战国) ซึ่งเป็นยุคแห่งการสู้รบแย่งชิงดินแดนกันของบรรดาจูโหว หรือเจ้าครองแคว้นทั้งหลาย เป็นยุคที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งวุ่นวายที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน แต่ขณะเดียวกันในยุคนี้ก็มีความเจริญรุ่งเรืองในด้านศิลปวิทยาการต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะในด้านปรัชญาความคิด จนเป็นยุคที่ถูกเรียกว่า ยุคปราชญ์ร้อยสำนัก (诸子百家) ปราชญ์คนสำคัญของจีนที่มีชีวิตอยู่ในยุคนี้ เช่น ขงจื่อ (孔子) เหลาจื่อ (老子) จวงจื่อ (庄子) ซุนวู หรือ ซุนจื่อ (孙子) ม่อจื่อ (墨子) เมิ่งจื่อ (孟子) สวินจื่อ (荀子) หานเฟยจื่อ (韩非子) เป็นต้น และยุคนี้เป็นยุคต้นกำเนิดของปรัชญาสำคัญที่กลายเป็นเสาหลักทางความคิดของอารยธรรรมจีนในกาลต่อมา นั่นคือ ปรัชญาขงจื่อ (儒家) กับปรัชญาเต๋า (道家) ราชวงศ์ฉิน (秦朝 221-207 ปีก่อนค.ศ) หลังจากที่ฉินหวางเจิ้ง (秦王政) เจ้าแคว้นฉินสามารถสยบบรรดาแว่นแคว้นทั้งหลายยุติความขัดแย้งแตกแยกในช่วงยุคจ้านกั๋วรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจีนแล้วก็ได้สถาปนาราชวงศ์ฉิน (秦朝) เป็นรัฐระบอบรวมศูนย์อำนาจขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีนทั้งยังสถาปนาตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดที่เรียกว่า "ฮ่องเต้" (皇帝) หรือจักรพรรดิซึ่งได้ถูกใช้เรื่อยมาจนสิ้นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์โดยที่พระองค์ได้สถาปนาตนเป็นฉินสื่อหวงตี้ห
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติศาสตร์จีน
ตลอดช่วงเวลาอันยาวนานนี้ หลาย ๆ วีรสตรีผู้เสียสละกังฉินใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ธรรมราชันย์ผู้เปี่ยมเมตตาทรราชผู้โหดเหี้ยมอำมหิต สามารถอธิบายคร่าว ๆ หรือยุคบรรพกาล (? - 2100 ปีก่อน ค.ศ. ) ดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำหวงเหอ (黄河) มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคหินซึ่งผู้คนเหล่านี้ได้ค่อย ๆ มีการพัฒนาจากการที่ต่าง คนต่างอยู่ยังชีพด้วยการเก็บของป่าล่าสัตว์ก็ค่อย ๆ เข้ามารวมตัวกันเป็นชุมชนทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ก่อเกิดเป็นสังคมแบบชนเผ่าขึ้น คือซุ่ยเหริน (燧人) ฝูซี (伏羲) เสินหนง (神农) ซึ่งสามคนนี้ได้รับการยกย่องเป็น "ซันหวง" (三皇) หรือสามกษัตริย์ตราบจนเมื่อประมาณ 4600 ปีก่อนค. ศ . หวงตี้ (黄帝) หรือจักรพรรดิเหลือง อันเป็นที่มาของชนชาติ "หวาเซี่ย" (华夏) หรือชนชาติจีน จวนซวี (颛顼) ตี้คู่ (帝喾) เหยา (尧) ซุ่น (舜) บุคคลทั้งสี่นี้เมื่อรวมกับหวงตี้ (จักรพรรดิเหลือง) จึงกลายเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า "หวู่ตี้" (五帝) หรือ คือการที่ต้าอวี่ (大禹) อย่างยาวนานได้สำเร็จ จึงคิดจะยกราชสมบัติให้แก่อี้ (益) ต้าอวี่ทำให้ฉี่ (启) (2100 - 1028 ปีก่อน ค.ศ. ) ใน มีการสืบสันตติวงศ์ทางสายเลือด เริ่มมีชนชั้นทาสเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อฉี่โอรสของอวี่ขึ้นครองราชย์ ฉี่จึงยกทัพไปปราบ สงคราม เซี่ยคือกับชางราชวงศ์เซี่ย (夏朝2100-1600 ปีก่อน ค.ศ. ) ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยฉี่โอรสของต้าอวี่กษัตริย์องค์สุดท้ายคือเจี๋ย (桀) รวมมีกษัตริย์ปกครองทั้งหมด 17 พระองค์ (รวม ต้าอวี่) ราชวงศ์ชาง (商朝1600-1028 ปีก่อน ค.ศ. ) ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยชางทัง (商汤) โจ้ว (纣) 30 พระองค์ ทั้งยังเป็นยุคที่อักษรกระดองเต่า (甲骨文) ขึ้นมาถือกำเนิดด้วยยุคศักดินา(1,027 ปีก่อน ค.ศ. - ค.ศ. 1912) เมื่อโจวหวู่หวาง (周武王) ก็ได้สถาปนาราชวงศ์โจว (周朝) ขึ้น ขุนศึก "จูโหว" (诸侯) หรือเจ้าครองแคว้น "โอรสสวรรค์" (天子) หรือกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว ยุคนี้ในประกอบไปด้วยราชวงศ์ต่าง ๆ ดังนี้ราชวงศ์โจว(周朝1027-256 ปีก่อน ค.ศ. ) ราช ราชวงศ์นี้แบ่งได้เป็นสองช่วงคือราชวงศ์โจวตะวันตก (西周1027-771 ปีก่อน ค.ศ. ) มีเมืองหลวงอยู่ที่เฮ่าจิง (鎬京) กับราชวงศ์โจวตะวันออก (东周770 -. 256 ปีก่อนคศ .) มีเมืองหลวงอยู่ที่ลั่วอี้ (洛邑) คือชุนชิว (春秋) กับจ้านกั๋ว (战国) หรือเจ้าครองแคว้นทั้งหลาย ๆ มากมายโดยเฉพาะในด้านปรัชญาความคิดจนเป็นยุคที่ถูกเรียกว่ายุคปราชญ์ร้อยสำนัก (诸子百家) เช่นขงจื่อ (孔子) เหลาจื่อ (老子) จวงจื่อ (庄子) ซุนวูหรือซุนจื่อ (孙子) ม่อจื่อ (墨子) เมิ่งจื่อ (孟子) สวินจื่อ (荀子) หานเฟยจื่อ (韩非子) เป็นต้น นั่นคือปรัชญาขงจื่อ (儒家) กับปรัชญาเต๋า (道家) ราชวงศ์ฉิน (秦朝221-207 ปีก่อน ค.ศ. ) หลังจากที่ฉินหวางเจิ้ง (秦王政) เจ้าแคว้นฉินสามารถสยบบรรดาแว่นแคว้น ทั้งหลาย แล้วก็ได้สถาปนาราชวงศ์ฉิน (秦朝) "ฮ่องเต้" หรือจักรพรรดิ (皇帝) โดยที่พระองค์ได้สถาปนาตนเป็นฉินสื่อหวงตี้ห



















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
(孔 子) sharpening Zhi (老 子) Zhuang Zi (庄 子) Sun-Woo or ซุนจื่อ (孙 子) ม่อจื่อ (墨 子) Meng Zi Xun Zi () (孟 子 荀 子) หานเฟยจื่อ (韩 非 子) etc. And in this era is the era origins of philosophy important pillars of thought become civilized common China in the later.Philosophy Kong Zhi (儒 家) with the Tao Philosophy (道 家)
.ประวัติศาสตร์จีน ( 中国历史 )
วีรสตรีผู้เสียสละกังฉินใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ธรรมราชันย์ผู้เปี่ยมเมตตาทรราชผู้โหดเหี้ยมอำมหิตและนี่คือมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของประวัติศาสตร์จีน
จีนเป็นประเทศที่มีความเป็นมายาวนานกว่าห้าพันปีตลอดช่วงเวลาอันยาวนานนี้ได้ก่อเกิดเรื่องราวต่างๆมากมายนับไม่ถ้วนหลายจะเรื่องก็กลายเป็นตำนานเล่าขานในหมู่ชนอันไม่รู้จบ

พัฒนาการความเป็นมาของประวัติศาสตร์จีนสามารถอธิบายคร่าวจะโดยแบ่งช่วงเวลาออกมาได้ดังนี้
ยุคก่อกำเนิดหรือยุคบรรพกาล ( ? – 2100 . ก่อนค . ศ )
.ดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำหวงเหอ ( 黄河 ) มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่ยุคหินซึ่งผู้คนเหล่านี้ได้ค่อยจะมีการพัฒนาจากการที่ต่างคนต่างอยู่ยังชีพด้วยการเก็บของป่าล่าสัตว์ก็ค่อยจะเข้ามารวมตัวกันเป็นชุมชนก่อเกิดเป็นสังคมแบบชนเผ่าขึ้นซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวก็ได้เกิดมีผู้นำคนสำคัญๆที่ได้มีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมขณะนั้นความซุ่ยเหริน ( 燧人 ) ฝูซี ( 伏羲 ) เสินหนง ( 神农 )" ซันหวง " ( 三皇 ) หรือสามกษัตริย์ตราบจนเมื่อประมาณ 4600 ปีก่อนค .ศ .( 舜 ) บุคคลทั้งสี่นี้เมื่อรวมกับหวงตี้ ( จักรพรรดิเหลือง ) จึงกลายเป็นกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า " หวู่ตี้ " ( 五帝 ) ค็อคห้าจักรพรรดิ
หวงตี้ ( 黄帝 ) ค็อคจักรพรรดิเหลืองสามารถกำราบชนเผ่าทั้งหลายในแถบลุ่มน้ำหวงเหอได้สำเร็จอันเป็นที่มาของชนชาติ " หวาเซี่ย " ( 华夏 ) ค็อคชนชาติจีนกาลต่อมาก็ได้มีผู้นำที่มีความสามารถเช่นจวนซวี ( 颛顼 ) ตี้คู่ ( 帝喾 ) เหยา ( 尧 )จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้สังคมจีนแบบบุพกาลสิ้นสุดลงคือการที่ต้าอวี่ ( 大禹 ) สามารถแก้ไขปัญหาอุทกภัยในแถบลุ่มแม่น้ำหวงเหอซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญที่คุกคามชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในบริเวณนั้นมาดังนั้นพระเจ้าซุ่นจึงได้สละบัลลังก์ของตนมอบให้แก่ต้าอวี่ต้าอวี่ปกครองประชาชนด้วยความร่มเย็นเป็นสุขจนเมื่อตนเองแก่ชราจึงคิดจะยกราชสมบัติให้แก่อี้ ( 益 )ยุคทาส ( 2100 ) 1 . ก่อนค . ศ
)แต่ทว่าด้วยแรงหนุนจากบรรดาหัวหน้าเผ่าต่างๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของต้าอวี่ทำให้ฉี่ ( 启 ) โอรสของต้าอวี่ได้สืบทอดบัลลังก์ต่อจากบิดาเหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุคบรรพกาลthe ยุคนี้จีนได้เริ่มมีการสถาปนาระบอบการปกครองแบบราชวงศ์มีการสืบสันตติวงศ์ทางสายเลือดแทนระบบการสืบทอดตำแหน่งโดยการคัดเลือกจากความสามารถเริ่มมีชนชั้นทาสเกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อฉี่ได้มีชนเผ่าบางเผ่าไม่ยอมรับอำนาจของเขาฉี่จึงยกทัพไปปราบและกวาดต้อนเชลยศึกเหล่านั้นให้มาทำหน้าที่รับใช้ฝ่ายตนซึ่งเป็นผู้ชนะสงครามจึงได้เกิดมีชนชั้นทาสกับนายทาสขึ้นนับแต่นั้นความเซี่ยกับชาง
ราชวงศ์เซี่ย ( 夏朝 2100 – 1 , 600 . ก่อนค . ศ )
ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยฉี่โอรสของต้าอวี่กษัตริย์องค์สุดท้ายคือเจี๋ย ( 桀 ) รวมมีกษัตริย์ปกครองทั้งหมด 17 พระองค์ ( รวมต้าอวี่ )
ราชวงศ์ชาง ( 商朝 1600 – 1 . ก่อนค . ศ
)ราชวงศ์นี้สถาปนาโดยชางทัง ( 商汤 ) ซึ่งได้ฉวยโอกาสนำกำลังลุกฮือขึ้นโค่นล้มการปกครองของพระเจ้าเจี๋ยแห่งราชวงศ์เซี่ยกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์นี้คือโจ้ว ( 纣 ) ราชวงศ์นี้มีกษัตริย์ปกครองทั้งสิ้น 30 พระองค์ทั้งยังเป็นยุคที่อักษรกระดองเต่า ( 甲骨文 ) ถือกำเนิดขึ้นมาด้วย


ยุคศักดินา ( 1 . ก่อนค . ศ . - ค . ศ . 1912 )
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: