he large 48 meter high bell shaped

he large 48 meter high bell shaped chedi - built in a Sri Lankan style - can be seen from far. The relic of the Buddha is said to be contained within. Stairs on all four sides originally led up to the narrow terrace encircling the chedi but these have since been replaced by ramps, the balusters of which are decorated with seven-headed nāgas emerging from the mouths of makaras, as is typical for the classic Lanna style.
The large sala kan prian (Thai: ศาลาการเปรียญ, sermon hall) is located directly east of the main chedi. It was built in 1932 by the famous monk Phra Krubra Srivichai, who also had an ubosot built as well as the main chedi restored. The main Buddha statues inside the sala kan prian are placed so that they look out at opposite directions. The statue of the Buddha seated in meditation (Bhumisparsha Mudrā) looks towards the east, whereas the other statue, a standing Buddha holding a bundle of straw, faces west towards the chedi. Placed in front of the seated statue one finds a smaller Buddha in the Lanna style, created during King Kue Na's time. The feet of this statue are unusual in that the toes are - influenced by Sri Lanka - individually formed. Flanking the images are more statues of the Buddha, some of which are from the 1930s.
The recently renovated ubosot contains a 4.70 m (15.4 ft) high bronze Buddha statue in the Bhumisparsha-Mudra posture, which was caste in 1504 CE during the rule of King Mueang Kaeo. The statue, which carries the name Phra Chao Kao Tue, is remarkable in that the fingers of the Buddha are all of the same length, indicative of influence from Sukhothai, but with robes depicted in the style of the Ayutthaya Kingdom.
A grouping of white washed mausoleums, which house the cremation ashes of members of the royal family of Chiang Mai, is located in the northwestern quarter of the temple grounds. At the beginning of the 20th century, Princess Dara Rasmi, one of the wives of King Chulalongkorn (Rama V) and daughter of the Lanna king Inthawichayanon, had the ashes collected from around Chiang Mai to be interred at their present setting.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เขาใหญ่ 48 เมตรสูงรูประฆังเจดีย์ - สร้างขึ้นในสไตล์ศรีลังกา - สามารถมองเห็นได้จากที่ไกล ของที่ระลึกของพระพุทธรูปที่บอกว่าจะมีอยู่ภายใน บันไดทั้งสี่ด้านที่นำมาขึ้นไปยังระเบียงแคบ ๆ ล้อมรอบเจดีย์ แต่เหล่านี้ได้รับตั้งแต่แทนที่ด้วยทางลาด balusters ซึ่งได้รับการตกแต่งด้วยพญานาคเจ็ดหัวโผล่ออกมาจากปากของ makaras,เป็นเรื่องปกติสำหรับรูปแบบล้านนาคลาสสิก
ขนาดใหญ่ศาลากาฬ prian. (ไทย: ศาลาการเปรียญเทศน์ห้องโถง) ตั้งอยู่ตรงทิศตะวันออกของเจดีย์ มันถูกสร้างขึ้นในปี 1932 โดยที่มีชื่อเสียง srivichai krubra พระภิกษุสงฆ์พระที่ยังมีพระอุโบสถที่สร้างขึ้นเป็นอย่างดีในขณะที่การบูรณะเจดีย์ รูปปั้นพระพุทธรูปที่สำคัญภายในศาลากาฬ prian จะถูกวางไว้เพื่อให้พวกเขามองออกไปที่ทิศทางตรงข้ามรูปปั้นของพระพุทธรูปนั่งในการทำสมาธิ (Mudra bhumisparsha) มองไปทางทิศตะวันออกในขณะที่รูปปั้นอื่น ๆ พระพุทธรูปยืนถือมัดฟางใบหน้าไปทางทิศตะวันตกเจดีย์ วางอยู่ด้านหน้าของรูปปั้นนั่งหนึ่งที่พบว่าพระพุทธรูปขนาดเล็กในสไตล์ล้านนาที่สร้างขึ้นในระหว่างกษัตริย์กือนาเวลาเท้าของรูปปั้นนี้มีความผิดปกติในการที่เท้าได้รับ - ได้รับอิทธิพลจากศรีลังกา - เกิดขึ้นเป็นรายบุคคล ขนาบข้างภาพที่มีรูปปั้นของพระพุทธรูปบางส่วนที่มาจาก 1930.
อุโบสถเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้รับการปรับปรุงมี 4.70 เมตร (15.4 ฟุต) พระพุทธรูปสำริดสูงรูปปั้นในท่า bhumisparsha-mudra ซึ่งเป็นวรรณะใน ce 1504 ในช่วง การปกครองของกษัตริย์แก้วเมือง รูปปั้นซึ่งถือชื่อพระเจ้าเก่าอังคารเป็นที่โดดเด่นในมือของพระพุทธรูปที่มีทั้งหมดของความยาวเดียวกันแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลจากสุโขทัย แต่มีเสื้อคลุมที่ปรากฎในรูปแบบของราชอาณาจักรอยุธยา.
การจัดกลุ่มของสีขาวล้างสุสาน ซึ่งบ้านของขี้เถ้าเผาศพของสมาชิกในพระราชวงศ์ของเชียงใหม่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือในไตรมาสที่ของบริเวณวัด ที่จุดเริ่มต้นของศตวรรษที่ 20, เจ้าหญิงดารารัศมีซึ่งเป็นหนึ่งในภรรยาของกษัตริย์จุฬาลงกรณ์ (พระรามวี) และลูกสาวของกษัตริย์ล้านนา inthawichayanon มีขี้เถ้าที่เก็บรวบรวมจากทั่วเชียงใหม่จะถูกฝังอยู่ที่การตั้งค่าปัจจุบันของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ 48 เมตรเขา - สร้างแบบศรีลังกา - สามารถมองเห็นจากที่ไกล พระธาตุของพระพุทธเจ้าว่า มีอยู่ภายใน บันไดทั้ง 4 ด้านแต่เดิมนำขึ้นไปยังระเบียงแคบรเจดีย์ แต่เหล่านี้ได้เนื่องจากถูกแทนที่ ด้วยทางลาด balusters ซึ่งตกแต่ง ด้วยหัวเจ็ด nāgas เกิดขึ้นจากปากของ makaras เป็นเป็นปกติสำหรับคลาสสิกล้านนาสไตล์.
prian กาฬศาลาใหญ่ (ไทย: ศาลาการเปรียญ หอคำเทศนา) อยู่ตรงตะวันออกเจดีย์ มันถูกสร้างขึ้นในปี 1932 โดยพระมีชื่อเสียงพระ Krubra Srivichai ที่ยัง มีอุโบสถที่สร้างและบูรณะเจดีย์ มีวางหลักพระพุทธรูปภายใน prian กาฬศาลาเพื่อให้พวกเขามองออกไปในทิศทางตรงข้าม รูปปั้นพระนั่งฌาน (Bhumisparsha Mudrā) ลักษณะไปทางตะวันออก ในขณะอื่น ๆ ปั้น ยืนพระถือฟาง หันหน้าตะวันตกไปยังเจดีย์ วางไว้หน้ารูปปั้นนั่งที่หนึ่งพบพระขนาดเล็กในสไตล์ล้านนา สร้างระหว่างกษัตริย์ Kue นา รูปเท้าของรูปปั้นนี้จะผิดปกติที่เท้าได้ - รับอิทธิพลจากศรีลังกา - แต่ละแบบ Flanking ภาพเป็นรูปปั้นที่เพิ่มเติมของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสิบ ๆ
ทอง 4.70 เมตร (15.4 ฟุตสูง)ประกอบด้วยอุโบสถเชิญพุทธรูปในท่าปางพระพุทธรูป Bhumisparsha ซึ่งเป็นวรรณะใน 1504 CE ระหว่างการปกครองของพระเมืองแก้ว รูปปั้น ซึ่งนำชื่อพระเจ้าเก่าอังคาร น่าสังเกตที่นิ้วมือของพระพุทธเจ้าคือความยาว ส่ออิทธิพล จากสุโขทัย แต่ มีเสื้อคลุมที่แสดงในรูปแบบของอยุธยาราชอาณาจักรทั้งหมด
mausoleums ที่บ้านขี้เถ้าเผาศพของสมาชิกของพระราชวงศ์เชียงใหม่ ล้างกลุ่มสีขาว ตั้งอยู่ในไตรมาสตะวันตกเฉียงเหนือของบริเวณวัด ในตอนต้นของศตวรรษ 20 เจ้าหญิงดาราภิรมย์ ภรรยาของมหาจุฬาลงกรณ์ (จุลจอมเกล้า) และลูกสาวของ Inthawichayanon กษัตริย์ล้านนา ได้ขี้เถ้าที่รวบรวมจากทั่วจังหวัดเชียงใหม่เพื่อจะ interred ที่การตั้งค่าปัจจุบันของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เขาขนาดใหญ่สูง 48 เมตรระฆังรูปทรงตัวแอลเจดีย์ - สร้างขึ้นในสไตล์ที่ศรีลังกา - สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล อนุสรณ์สถานที่ของพระที่ได้รับการกล่าวว่าที่อยู่ ภายใน บันไดที่สี่ทุกด้านซึ่งแต่เดิมนำขึ้นไปยังระเบียงแคบๆที่รับพระเจดีย์แต่สิ่งเหล่านี้ได้ถูกแทนที่โดยทางลาดของลูกกรงของซึ่งมีการตกแต่งด้วย nāgas เจ็ดหัวเกิดขึ้นมาจากปากของ makaras ตั้งแต่ตามแบบอย่างของสไตล์ล้านนาแบบคลาสสิคที่.
ขนาดใหญ่ศาลากาฬ prian (ไทยศาลาการเปรียญห้องโถงเทศน์)ตั้งอยู่โดยตรงจากด้านทิศตะวันออกของเจดีย์หลัก เป็นโรงแรมที่สร้างขึ้นในปีค.ศ .1932 โดยพระ krubra กรุงเทพสมุย(เฉพาะตรวจ สุขภาพ )พระที่มีชื่อเสียงที่ยังมีพระอุโบสถที่สร้างขึ้นและเจดีย์หลักซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ มีรูปปั้นพระพุทธรูปสำคัญที่อยู่ด้านใน prian กาฬศาลาที่มีอยู่เพื่อที่เขามองออกไปในทิศทางตรงกันข้ามมีรูปปั้นของพระที่นั่งอยู่บนที่นั่ง ภาวนา ( bhumisparsha mudrā )สามารถมองตรงไปยังด้านทิศตะวันออกในขณะที่ Statue of อื่นๆที่ยืนอยู่หน้าพระพุทธรูปอยู่ที่กลุ่มของฟางที่มุ่งตรงไปยังด้านทิศตะวันตกหันหน้าเข้าหาพระเจดีย์ ตั้งอยู่ด้านหน้าของ Statue of นั่งที่หนึ่งพบพระพุทธรูปขนาดเล็กในสไตล์ล้านนาที่สร้างขึ้นในระหว่างกษัตริย์เขือน้ำนาของเวลาฟุตของ Statue of นี้ไม่ธรรมดาในที่นิ้วเท้าที่จะได้รับอิทธิพลจากศรีลังกา - แบบปั้น ที่ขนาบข้าง ภาพ เป็นรูปปั้นเพิ่มเติมของพระพุทธรูปที่บางส่วนของที่ได้จาก 1930 s .
ที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่พระอุโบสถมี 4.70 ม.( 15.4 ฟุต)ที่มีระดับความสูงสีบรอนซ์ Buddha Statue ในท่า bhumisparsha-mudra ซึ่งเป็นชั้นใน 1504 CE ในระหว่างที่ทำหน้าที่ในเมืองแก้วกษัตริย์ที่ Statueซึ่งมีชื่อที่พระเจ้าเก่าอมีความโดดเด่นในที่นิ้วของพระพุทธรูปที่มีความยาวเท่ากันทั้งหมดของที่บ่งชี้ถึงการรับอิทธิพลจากสุโขทัยแต่พร้อมด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำในสไตล์ของการจัดกลุ่มจังหวัดพระนครศรีอยุธยาราชอาณาจักร.
ที่สุสานแห่งสีขาวซึ่งเป็นที่ตั้งของขี้เถ้าศพของสมาชิกในครอบครัวของเชียงใหม่มีที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของพื้นที่วัด ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯทรงดารา rasmi หนึ่งใน ภรรยา ของกษัตริย์จุฬาลงกรณ์( Rama V )และบุตรสาวของกษัตริย์ล้านนาที่มีขี้เถ้า inthawichayanon ที่เก็บรวบรวมจากโดยรอบเชียงใหม่ว่าเพิ่งเกิดได้ไม่กี่วันที่จะได้รับการตั้งค่าปัจจุบันของพวกเขา