In recent years, it has largely bee

In recent years, it has largely been the domain of the landscape archaeologist to uncover and analyse the physical terrain of the late medieval manor. This has provided much material for the examination of ideas of rural power, control and social organisation. Considering the morphology of the settlement and adjacent fieldscape, it is rare, however, to reflect upon the views of the peasantry, who would after all have made up the majority of the population of rural communities. Using evidence gathered from fourteenth-century manorial court rolls, this study examines peasant attitudes to the rural landscape from an historical perspective through the analysis of incidences of trespass on demesne and peasant land in the Suffolk vill of Walsham-le-Willows. Unusually, these documentary sources frequently make reference to the specific location of peasant trespass allowing for a quantitative investigation that reveals something of the motivation behind these seemingly petty and notionally accidental incidents. Traditionally, cases of trespassing on neighbouring land have been considered only fleetingly by historians, since it is generally believed that many incidents were the result of accidental damage by wandering livestock, or that manorial officials used court fines as a means of licensing access. This study shows that the reality was far more complex, and that there was a range of motivational stimuli for these acts.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วโดเมนของ archaeologist ภูมิทัศน์เพื่อค้นพบ และวิเคราะห์ภูมิประเทศจริงของเนอร์ยุคกลางปลาย นี้มีให้มากวัสดุสำหรับการตรวจสอบความคิดอำนาจชนบท และองค์กรทางสังคม พิจารณาสัณฐานวิทยาของการชำระเงินและติด fieldscape ได้ยาก แต่ ถึงตามมุมมองของกัน ซึ่งจะทำหลังจากค่าส่วนใหญ่ของประชากรของชุมชนชนบท ใช้หลักฐานที่รวบรวมจากศาล manorial ศตวรรษ fourteenth ม้วน ศึกษานี้ตรวจสอบทัศนคติของชาวนาเพื่อภูมิทัศน์ชนบทจากมุมมองทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านการวิเคราะห์ของ incidences บุกรุกในที่ดิน demesne และชาวนาในควิลล์ซัฟของ Walsham-เลอระลึก ผิดปกติ แหล่งสารคดีเหล่านี้มักได้อ้างอิงไปยังตำแหน่งเฉพาะของชาวนาให้เพื่อการตรวจสอบเชิงปริมาณที่พบบางสิ่งบางอย่างของแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังเหล่านี้ดูเหมือนว่า petty บุกรุกและปัญหาอุบัติเหตุ notionally ประเพณี กรณีบุกรุกในดินแดนประเทศได้รับการพิจารณาเฉพาะพลาง ๆ โดยนักประวัติศาสตร์ เนื่องจากโดยทั่วไปเชื่อว่า หลายเหตุการณ์ผลของความเสียหายโดยไม่ตั้งใจ โดยหลงปศุสัตว์ หรือปรับที่ศาลเจ้าหน้าที่ manorial ใช้ของการเข้าถึงที่อนุญาตให้ใช้สิทธิ์ การศึกษานี้แสดงว่า ความเป็นจริงซับซ้อนมากขึ้น และให้มีช่วงของสิ่งเร้าหัดการกระทำเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปีที่ผ่านมาจะได้รับส่วนใหญ่ของนักโบราณคดีโดเมนภูมิทัศน์ในการค้นพบและวิเคราะห์ภูมิประเทศทางกายภาพของคฤหาสน์ยุคกลางปลาย นี้ได้จัดให้มีวัสดุมากสำหรับการตรวจสอบความคิดของการใช้พลังงานในชนบทการควบคุมและการจัดระเบียบสังคม พิจารณาลักษณะทางสัณฐานวิทยาของการตั้งถิ่นฐานและ fieldscape ที่อยู่ติดกันมันเป็นเรื่องยาก แต่ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของชาวนาที่จะหลังจากทั้งหมดได้ทำส่วนใหญ่ของประชากรของชุมชนชนบท โดยใช้หลักฐานที่รวบรวมมาจากศตวรรษที่สิบสี่ม้วนศาลใหญ่โตการศึกษาครั้งนี้จะตรวจสอบทัศนคติของชาวนากับภูมิทัศน์ชนบทจากมุมมองทางประวัติศาสตร์ผ่านการวิเคราะห์ของอุบัติการณ์ของการละเมิดสิทธิในที่ดินและที่ดินชาวนาในซัฟโฟล์วิลล์ของว​​อลแชม-le-ต้นหลิว แปลกแหล่งสารคดีเหล่านี้มักจะทำให้การอ้างอิงไปยังตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงของการละเมิดสิทธิชาวนาเพื่อให้การตรวจสอบเชิงปริมาณที่เผยให้เห็นบางสิ่งบางอย่างของแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะเล็ก ๆ น้อย ๆ และอุบัติเหตุ notionally เหล่านี้ ตามเนื้อผ้ากรณีของการบุกรุกบนที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงได้รับการพิจารณาเพียงประเดี๋ยวเดียวโดยนักประวัติศาสตร์เพราะมันเป็นที่เชื่อกันโดยทั่วไปว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจำนวนมากเป็นผลมาจากความเสียหายจากอุบัติเหตุโดยการเดินปศุสัตว์หรือว่าเจ้าหน้าที่คฤหาสน์ปรับใช้ศาลเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงการออกใบอนุญาต การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าในความเป็นจริงก็ยังห่างไกลที่ซับซ้อนมากขึ้นและที่มีช่วงของการกระตุ้นสร้างแรงบันดาลใจสำหรับการกระทำเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในปีที่ผ่านมาก็มีไปเป็นโดเมนของภูมิทัศน์ที่นักโบราณคดีค้นพบและวิเคราะห์สภาพทางกายภาพของคฤหาสน์ยุคกลางดึก นี้ได้ให้วัสดุมากสำหรับการสอบของความคิดของอำนาจในการควบคุมองค์กรและสังคม การพิจารณาลักษณะของการตั้งถิ่นฐานและ fieldscape ติดกัน มันก็หายาก แต่เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของชาวไร่ ,ซึ่งหลังจากทั้งหมดได้สร้างขึ้นส่วนใหญ่ของประชากรของชุมชนชนบท การใช้หลักฐานที่รวบรวมจากศตวรรษที่สิบสี่ manorial ศาลม้วนเพื่อศึกษาทัศนคติต่อภูมิทัศน์ชนบทชาวนาจากมุมมองทางประวัติศาสตร์ผ่านการวิเคราะห์อุบัติการณ์การบุกรุกที่ดิน กรรมสิทธิ์ที่ดินและชาวนาใน Suffolk วิลล์ของวอลแชมเลอวิลโลว์ ผิดปกติแหล่งเอกสารเหล่านี้มักทำให้การอ้างอิงถึงสถานที่เฉพาะของการละเมิดของชาวนาให้ปริมาณการเปิดเผยสิ่งที่แรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังเหล่านี้ดูเหมือนเล็กน้อยและความเข้าใจจากเหตุการณ์ นอกจากนี้ กรณีการบุกรุกที่ดินใกล้เคียงได้รับการพิจารณาเพียงไร้จีรังโดยนักประวัติศาสตร์เนื่องจากเป็นที่เชื่อกันโดยทั่วไปว่า เหตุการณ์หลายอย่าง เป็นผลจากความเสียหายโดยเร่ร่อน ปศุสัตว์ หรือเจ้าหน้าที่ manorial ใช้ค่าปรับศาลเป็นเครื่องมือในการเข้าถึง การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าความจริงมันไกลที่ซับซ้อนมากขึ้นและมีช่วงของแรงจูงใจกระตุ้นต่อการกระทำเหล่านี้