AbstractThe purposes of this study

Abstract

The purposes of this study were to describe the health-related knowledge and nursing practice in caring for Thai Muslim patients with diabetes. A group of 102 out of a total of 104 Buddhist nurses who were working at diabetic clinics in the hospitals in Narathiwat, Pattani and Yala provinces were included. Data were collected using a questionnaire covering the health-related knowledge (r = 0.75) and nursing practice (r=0.94) in caring for Thai Muslim patients with diabetes. Data were analyzed using frequency, percentage, mean and standard deviation. The results showed that the mean scores of total nurses’ knowledge in caring for Muslim patients with diabetes ( μ 0.86, σ 0.06) and all subtotal scores (stress management : μ 0.95, σ 0.07;

dietary control: μ 0.90, σ 0.80; medication management: μ 0.83, σ 0.12; exercise: μ 0.74, σ 0.18); were at a high level. The mean scores of total nurses’ practice in caring for Muslim patients with diabetes ( μ 3.91, σ 0.51) and subtotal scores of 3 dimensions, for example, dietary control (μ 4.22, σ 0.38), medication management (μ 3.94, σ 0.61) and exercise (μ 3.79, σ 0.67), were at a high level. Only the dimension of stress management was at a moderate level ( μ 3.60, σ 0.51). Strategies to support nurses in caring for stress management of the Muslim patients with diabetes should be implemented, particularly in raising the nurses’ awareness and promoting the culturally congruent care for the Muslim population.
Key words:

knowledge, practice, diabetic patients care, Muslim principle

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทคัดย่อวัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อ อธิบายความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและปฏิบัติการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยมุสลิมไทยกับโรคเบาหวานได้ กลุ่ม 102 จากทั้งหมด 104 พุทธพยาบาลที่ทำงานอยู่ในคลินิกเบาหวานในโรงพยาบาลในนราธิวาส ปัตตานี และจังหวัดยะลาได้รวม ได้รวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถามที่ครอบคลุมความรู้สุขภาพ (r = 0.75) และการปฏิบัติการพยาบาล (r = 0.94) ในการดูแลผู้ป่วยมุสลิมไทยกับโรคเบาหวาน มีวิเคราะห์ข้อมูลใช้ความถี่ เปอร์เซ็นต์ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลพบว่าคะแนนเฉลี่ยของความรู้รวมพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวาน (μ 0.86 σ 0.06) และคะแนนผลรวมย่อยทั้งหมดมุสลิม (จัดการความเครียด: μ 0.95 σ 0.07ควบคุมอาหาร: μ 0.90 σ 0.80 กุญแจ: μ 0.83, 0.12 σ ออกกำลังกาย: μ 0.74 σ 0.18); อยู่ในระดับสูง คะแนนเฉลี่ยของแบบฝึกหัดรวมพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวาน (μ 3.91 σ 0.51) และคะแนนผลรวมย่อยของ 3 มิติ ตัวอย่าง อาหารควบคุม (μ 4.22 σ 0.38), มุสลิมจัดการยา (μ 3.94 σ 0.61) และออกกำลังกาย (μ 3.79 σ 0.67), อยู่ในระดับสูง เพียงมิติของการจัดการความเครียดอยู่ในระดับปานกลาง (μ 3.60 σ 0.51) กลยุทธ์สนับสนุนพยาบาลในการดูแลจัดการความเครียดของผู้ป่วยเบาหวานมุสลิมดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตระหนักของพยาบาล และการส่งเสริมดูแลวัฒนธรรมแผงสำหรับประชากรมุสลิมคำสำคัญ:ความรู้ แบบฝึกหัด การดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวาน หลักมุสลิม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อวัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้มีการอธิบายถึงความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการปฏิบัติการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยชาวไทยมุสลิมที่มีโรคเบาหวาน กลุ่ม 102 จากทั้งหมด 104 พยาบาลพุทธที่ทำงานที่คลินิกโรคเบาหวานในโรงพยาบาลในจังหวัดนราธิวาสปัตตานีและยะลาถูกรวม เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ครอบคลุมความรู้ด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับ (r = 0.75) และการปฏิบัติพยาบาล (r = 0.94) ในการดูแลผู้ป่วยชาวไทยมุสลิมที่มีโรคเบาหวาน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ร้อยละค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่าค่าเฉลี่ยของความรู้พยาบาลรวมในการดูแลผู้ป่วยชาวมุสลิมที่มีโรคเบาหวาน (μ 0.86, σ 0.06) และคะแนนผลรวมย่อยทั้งหมด (การจัดการความเครียด: ไมครอน 0.95, σ 0.07; ควบคุมอาหาร: ไมครอน 0.90, σ 0.80; ยา การจัดการ: ไมครอน 0.83, σ 0.12; ออกกำลังกาย: ไมครอน 0.74, σ 0.18); อยู่ในระดับสูง ค่าเฉลี่ยของการปฏิบัติพยาบาลรวมในการดูแลผู้ป่วยชาวมุสลิมที่มีโรคเบาหวาน (μ 3.91, σ 0.51) และคะแนนผลรวมย่อย 3 มิติเช่นการควบคุมอาหาร (μ 4.22, σ 0.38), การจัดการยา (μ 3.94, σ 0.61 ) และการออกกำลังกาย (μ 3.79, σ 0.67) อยู่ในระดับสูง เฉพาะมิติของการจัดการความเครียดอยู่ในระดับปานกลาง (μ 3.60, σ 0.51) กลยุทธ์ที่จะสนับสนุนการพยาบาลในการดูแลการจัดการความเครียดของผู้ป่วยชาวมุสลิมที่มีโรคเบาหวานควรจะดำเนินการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างการรับรู้ของพยาบาลและการส่งเสริมการดูแลที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมสำหรับประชากรมุสลิม. คำสำคัญ: ความรู้ทางปฏิบัติผู้ป่วยโรคเบาหวานดูแลหลักการมุสลิม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทคัดย่อการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายถึงความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการปฏิบัติการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยไทยมุสลิมกับโรคเบาหวาน กลุ่ม 102 จำนวน 104 พุทธพยาบาลที่ปฏิบัติงานในคลินิกเบาหวานโรงพยาบาลในจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา จังหวัดที่ถูกรวม การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถามที่ครอบคลุมความรู้ด้านสุขภาพ ( r = 0.75 ) และการปฏิบัติ ( r = 0.94 ) ในการดูแลผู้ป่วยไทยมุสลิมกับโรคเบาหวาน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า ค่าเฉลี่ยของคะแนนความรู้ของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยมุสลิมรวมกับโรคเบาหวาน ( μ 0.86 σ 0.06 ) และคะแนนคะแนนทั้งหมด ( การจัดการความเครียดμ 0.95 σ 0.07 ;ควบคุมอาหาร : μ 0.90 σ 0.80 ; บริหารยา : μ 0.83 , σ 0.12 ; การออกกำลังกาย : μσ 0.74 0.18 ) อยู่ในระดับมาก คะแนนเฉลี่ยของการปฏิบัติของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยมุสลิมรวมกับโรคเบาหวาน ( μ 3.91 , σ 0.51 ) และคะแนนคะแนนของ 3 มิติ เช่น การควบคุมอาหาร ( μ 4.22 , σ 0.38 ) , การจัดการยา ( μ 3.94 , σ 0.61 ) และการออกกำลังกาย ( μ 3.79 σ 0.67 ) อยู่ใน ระดับ สูง เพียงมิติของการจัดการกับความเครียดอยู่ในระดับปานกลาง ( μ 3.60 σ , 0.51 ) กลยุทธ์เพื่อสนับสนุนพยาบาลในการดูแลการจัดการความเครียดของผู้ป่วยมุสลิมกับโรคเบาหวาน ควรดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเพิ่มความตระหนักของพยาบาล และการส่งเสริมวัฒนธรรมการดูแลที่สอดคล้องกับประชากรมุสลิม .คำสำคัญ :ความรู้ , การปฏิบัติ , การดูแลผู้ป่วยเบาหวาน หลักการมุสลิม