The main building exhibits archaeol

The main building exhibits archaeological excavated artefacts unearthed during the
1957 - 1958 period, including Buddha images of the Dvaravati, Lop Buri and Ayutthaya
periods.

On the ground floor we find one of the important pieces - a large stone seated Buddha
of the Dvaravati period (6-11th century) once enshrined at Wat Phra Men in Nakhon
Pathom province. The Fine Arts Department was able to reconstruct the image, which
broken pieces had to be gathered in different locations. There are only six statues of this
kind in the world of which five are residing in Thailand. Wat Na Phra Men in Ayutthaya
houses one of these other five and is worthwhile a visit.

A bronze head from a Buddha image of the U-Thong period excavated at Wat
Thammikarat in Ayutthaya shows the fine ancient craftsmanship in casting religious
objects. Examples of wood carvings of the Ayutthaya school can be seen, such as door
panels of Wat Phra Sri Sanphet and Wat Hantra, and a carved gable of Wat Mae Nang
Plum. This section displays also a number of Buddha images, including some of those
found inside the Buddha image Phra Mongkhon Bophit (other images can be found in the
Chan Kasem Museum and the Bangkok National Museum).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อาคารจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ขุดพบโบราณคดีที่ขุดพบในระหว่างการ 1957 - รอบระยะเวลา 1958 รวมทั้งพระพุทธรูปทวารวดี ลพบุรี และอยุธยา รอบระยะเวลาบนชั้นล่างเราหาชิ้นสำคัญ - หินใหญ่นั่งพระ ของระยะทวารวดี (ศตวรรษที่ 6-11) ที่เคยประดิษฐานที่วัดพระเมรุในนครจ.นครปฐม กรมศิลปากรได้สร้างภาพ ซึ่ง ชิ้นหักได้ถูกรวบรวมในสถานต่าง ๆ มี 6 รูปปั้นนี้ ชนิดในโลกที่ห้าอาศัยอยู่ในประเทศไทย วัดหน้าพระเมรุในพระนครศรีอยุธยา บ้านหนึ่งอื่น ๆ ห้า และจะคุ้มค่าเข้าชมหัวทองจากพระพุทธรูปอู่ทองระยะเวลาขุดที่วัด ธรรมิกราชในอยุธยาแสดงฝีมือโบราณดีในชี้ขาดทางศาสนาวัตถุ ตัวอย่างของไม้แกะสลักของโรงเรียนอยุธยาสามารถมองเห็น เช่นประตู ติดวัดพระศรีสรรเพชญ์ และวัด Hantra และช่อฟ้าแกะสลักของวัดแม่นาง พลัม ส่วนนี้ยังแสดงจำนวนพระพุทธรูป รวมถึงบางคน พบภายในประดิษฐานพระมงคลบพิตร (ภาพอื่น ๆ สามารถพบได้ในการ จันเกษมและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรุงเทพมหานคร)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จัดแสดงนิทรรศการอาคารหลักสิ่งของที่ขุดค้นทางโบราณคดีที่ขุดพบในช่วง
1957 - 1958 ระยะเวลารวมทั้งพระพุทธรูปของสมัยทวารวดี,
ลพบุรีและอยุธยา. ระยะเวลาที่ชั้นล่างเราจะพบหนึ่งในชิ้นส่วนที่สำคัญ - หินขนาดใหญ่นั่งพระพุทธรูปในสมัยทวารวดี( ศตวรรษที่ 6-11th) ประดิษฐานอยู่ครั้งหนึ่งที่วัดพระเมรุในจังหวัดจังหวัดนครปฐม กรมศิลปากรก็สามารถที่จะสร้างภาพซึ่งชิ้นหักจะต้องมีการรวมตัวกันในสถานที่ที่แตกต่างกัน มีเพียงหกรูปปั้นนี้ชนิดในโลกที่ห้าจะพำนักอยู่ในประเทศไทย วัดหน้าพระเมรุในอยุธยาบ้านหนึ่งของเหล่านี้อีกห้าและคุ้มค่าเข้าชม. หัวสีบรอนซ์จากพระพุทธรูปในสมัยอู่ทองขุดที่วัดธรรมมิกราชในอยุธยาแสดงให้เห็นถึงฝีมือโบราณที่ดีในการหล่อศาสนาวัตถุ ตัวอย่างของการแกะสลักไม้ของโรงเรียนอยุธยาสามารถมองเห็นได้เช่นประตูแผงของวัดพระศรีสรรเพชญ์และวัดหันตราและหน้าบันแกะสลักวัดแม่นางพลัม ส่วนนี้จะแสดงยังมีจำนวนของพระพุทธรูปรวมทั้งบางส่วนของผู้ที่พบภายในประดิษฐานพระพุทธรูปพระมงคลบพิตร (ภาพอื่น ๆ ที่สามารถพบได้ในจันเกษมพิพิธภัณฑ์และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรุงเทพฯ)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อาคารจัดแสดงทางโบราณคดีขุดพบโบราณวัตถุที่ขุดพบในช่วง พ.ศ. 2500 - 2501
ระยะเวลา รวมทั้งพระพุทธรูปสมัยทวารวดี ลพบุรี อยุธยา และ คาบ


ชั้นล่างเราหาของสำคัญชิ้น - หินใหญ่ พระพุทธรูป
ของทวารวดี ( ศตวรรษที่ 6-11th ) เคยประดิษฐานอยู่ที่วัดพระผู้ชาย ในนคร
จังหวัดนครปฐมกรมศิลปากรได้บูรณะพระพุทธรูป ซึ่งได้รวบรวม
ขาดในสถานที่ที่แตกต่างกัน มีเพียงหกรูปปั้นแบบนี้
ในโลกซึ่งมีห้าที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย วัดหน้าพระผู้ชายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
บ้านหนึ่งของเหล่านี้ห้าและคุ้มค่าเข้าชม

หัวทองเหลืองจากพระพุทธรูปสมัยอู่ทองที่ขุดพบที่วัด
thammikarat อยุธยาแสดงฝีมือโบราณดีในการหล่อวัตถุทางศาสนา

ตัวอย่างของงานแกะสลักไม้ของโรงเรียนอยุธยาสามารถเห็นได้เช่นประตู
วัดพระศรีสรรเพชญ์ และแผงวัดหันตรา และแกะสลัก หน้าบันวัดแม่นาง
พลัม ส่วนนี้จะแสดงยังหมายเลขของพระพุทธรูป รวมถึงบางส่วนของเหล่านั้น
พบภายในพระพุทธรูป พระมงคลพิตร ( ภาพอื่น ๆสามารถพบได้ใน
จันทรเกษมพิพิธภัณฑ์และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกรุงเทพฯ

)