The Milwaukee Art Museum, which ove

The Milwaukee Art Museum, which overlooks Lake Michigan, was partially housed in a building designed in 1957 by Eero Saarinen as a war memorial.
Further exhibition space was created in 1975 by David Kahler's addition that extends to the water's edge and effectively creates a plinth on the axis of the Saarinen building.
The brief stipulated a new grand entrance, a point of orientation for visitors, and a redefinition of the museum's identity through the creation of a strong image. Calatrava proposed a pavilion-like construction, on axis with Wisconsin Avenue, the main street of central Milwaukee. Conceived as an independent entity, the white steel-and-concrete form is reminiscent of a ship and contrasts the existing ensemble in both geometry and materials.
Being linked directly to Wisconsin Avenue via a cable-stay footbridge, pedestrians may cross busy Lincoln Memorial Drive on the bridge and continue into the pavilion. Drivers enter via an underground vaulted parking garage where pairs of canted concrete columns extend down the center of the garage, forming a skeleton-like series of elements shaped like the letter "V."
The pavilion features a spectacular kinetic structure, a brise-soleil with louvers that open and close like the wings of a great bird. When open the shape also becomes a sign, set against the backdrop of the lake, to herald the inauguration of new exhibitions. The pivot line for the slats is based on the axis of a linear mast, inclined at 47 degrees, as a parallel to the adjacent bridge mast.
The design allows for future expansion, offset from but symmetrical to the exhibition facilities, on the other side of the Kahler building. At shore level, the expansion houses the atrium, gallery space for temporary exhibitions, an education center with a 300 seat lecture hall, and a gift shop. The 100 seat restaurant, placed at the focal point of the pavilion, commands panoramic views onto the lake.
Calatrava's designs are often inspired by nature, featuring a combination of organic forms and technological innovation. The Milwaukee Art Museum expansion incorporates multiple elements inspired by the Museum's lakefront location. Among the many maritime elements in Calatrava's design are: movable steel louvers inspired by the wings of a bird; a cabled pedestrian bridge with a soaring mast inspired by the form os a sailboat and a curving single-story galleria reminiscent of a wave.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มิลวอกีพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ซึ่งสามารถมองเห็นทะเลสาบมิชิแกน มีห้องพักบางส่วนในอาคารออกแบบใน 1957 โดย Eero Saarinen เป็นอนุสรณ์สงครามพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการเพิ่มเติมถูกสร้างขึ้นในปี 1975 โดยนอกจากนี้ David Kahler ที่ขยายไปถึงน้ำ และสร้างเป็นฐานประทักษิณบนแกนของ Saarinen อาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพการกำหนดแบบใหม่ทางเข้า จุดของแนวเที่ยว และ redefinition ของพิพิธภัณฑ์ของตนผ่านการสร้างภาพแข็งแรง Calatrava เสนอสร้างเหมือนพาวิลเลี่ยน บนแกนกับวิสคอนซิน Avenue ถนนสายหลักกลางมิลวอกี รู้สึกเป็นองค์กรอิสระ แบบเหล็ก และคอนกรีตสีขาวของเรือ และวงดนตรีที่มีอยู่ในวัสดุและรูปทรงเรขาคณิตที่ดูแตกต่างการเชื่อมโยงโดยตรงไปถนนวิสคอนซินผ่านสะพานลอยเดินสาย ชิดอาจข้ามว่างอนุสรณ์สถานลินคอล์นไดรฟ์บนสะพาน แล้วต่อไปเดอะพาวิลเลี่ยน ไดรเวอร์ป้อนผ่านโรงจอดรถ vaulted ใต้ดินการที่คู่ของคอลัมน์ canted คอนกรีตขยายลงศูนย์กลางของอู่ซ่อมรถ ขึ้นรูปโครงกระดูกเหมือนชุดขององค์ประกอบรูปร่างคล้ายตัวอักษร "V"เดอะพาวิลเลี่ยนห้องสวยเดิม ๆ โครงสร้าง โซ brise กับช่องที่เปิด และปิดเช่นปีกของนกมาก เมื่อเปิด รูปร่างกลายเป็น เครื่อง ตั้งค่าฉากหลังของทะเลสาบ เกริ่นนอกของนิทรรศการใหม่ยัง รายการสาระสำคัญสำหรับ slats ตั้งอยู่บนแกนของเสาเชิงเส้น หัวเป็นเสาติดกับสะพานคู่ขนานที่ 47 องศาการออกแบบช่วยให้การขยายตัวในอนาคต ออฟเซ็ตจากแต่สมมาตรนิทรรศการสิ่งอำนวยความสะดวก อีกด้านหนึ่งของอาคาร Kahler ที่ระดับชายฝั่ง การขยายบ้านเอเทรียม เนื้อที่เก็บสำหรับนิทรรศการชั่วคราว ศูนย์การศึกษากับห้องบรรยาย 300 ที่นั่ง ร้านของขวัญ ร้านอาหารที่นั่ง 100 วางไว้ที่จุดโฟกัสของพาวิลเลี่ยน วิวคำสั่งไปยังทะเลสาบมักจะออกแบบของ Calatrava มีบันดาลให้ธรรมชาติ มีชุดฟอร์มอินทรีย์และนวัตกรรมเทคโนโลยี ขยายพิพิธภัณฑ์ศิลปะมิลวอกีประกอบด้วยหลายองค์ประกอบแรงบันดาลใจตามที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เลคฟร้อนท์ องค์ประกอบทางทะเลต่าง ๆ ในการออกแบบของ Calatrava มี: ช่องเหล็กสามารถบันดาลปีกของนก สะพานคนเดินเท้า cabled มีเสาสูงถึงแรงบันดาลใจ โดยระบบปฏิบัติการแบบฟอร์มใบเรือและ curving ชั้นเดียวแกลของคลื่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะมิลวอกีที่มองเห็นทะเลสาบมิชิแกน บางส่วน ตั้งอยู่ในอาคารที่ออกแบบในปี 1957 โดย Eero Saarinen เป็นอนุสรณ์สถานสงคราม .
พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการเพิ่มเติมถูกสร้างขึ้นในปี 1975 โดยเดวิดคาลเลอร์นอกเหนือจากที่ขยายไปถึงขอบของน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างฐานของรูปสลักบนแกนของอาคาร Saarinen .
สั้นที่กําหนด ทางเข้าใหม่จุดของการปฐมนิเทศผู้เข้าเยี่ยมชม และการนิยามความหมายใหม่ของพิพิธภัณฑ์ตัวตนผ่านการสร้างภาพที่แข็งแกร่ง คาลาทราวาเสนอศาลาเหมือนการก่อสร้างบนแกนกับ Wisconsin Avenue ถนนกลางของมิลวอกี รู้สึกเป็นหน่วยงานอิสระรูปแบบสีขาวและเหล็กคอนกรีตเป็นรำลึกของเรือและต้นเรือวงดนตรีที่มีอยู่ทั้งในรูปทรงและวัสดุ
ถูกเชื่อมโยงโดยตรงกับ Wisconsin Avenue ผ่านทางสายเคเบิลอยู่สะพานลอยข้ามอนุสาวรีย์ลินคอล์น , คนเดินเท้าอาจยุ่งขับรถบนสะพาน และต่อเข้าศาลาไดรเวอร์เข้าไปทางลานจอดรถใต้ดินตลอดที่คู่ของ canted เสาคอนกรีตขยายลงศูนย์ของโรงรถ รูปโครงกระดูกเหมือนชุดขององค์ประกอบรูปร่างเหมือนตัวอักษร " V "
ศาลาคุณลักษณะงดงามจลนศาสตร์โครงสร้าง ไบรซ์ Soleil กับบานเกล็ดที่ปิด และ เปิดเหมือนปีกของนกที่ดี เมื่อเปิดรูปยังเป็นเครื่องหมายชุดกับฉากหลังของทะเลสาบที่จะประกาศการเปิดตัวผลงานใหม่ เส้น Pivot สำหรับแผ่นยึดแกนของเสาเชิงเส้น , หัวที่ 47 องศา เป็นคู่ขนานกับเสาสะพานติดกัน .
ออกแบบอนุญาตให้ขยายตัวในอนาคต แต่การชดเชยจากสมมาตรนิทรรศการสิ่งอํานวยความสะดวกในด้านอื่น ๆของอาคาร Kahler . ในระดับที่ฝั่งการขยายตัวบ้านห้องโถง พื้นที่สำหรับจัดนิทรรศการแกลลอรี่ชั่วคราว ศูนย์การศึกษากับ 300 ที่นั่งในห้องเรียน และร้านของขวัญ 100 ที่นั่ง ร้านอาหาร อยู่ที่จุดโฟกัสของศาลาสั่งวิวบนทะเลสาบ
คาลาทราวาออกแบบมักจะได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ที่มีการรวมกันของรูปแบบอินทรีย์ และนวัตกรรมเทคโนโลยีพิพิธภัณฑ์ศิลปะมิลวอกีขยายประกอบด้วยหลายองค์ประกอบแรงบันดาลใจจากพิพิธภัณฑ์สถานที่ทะเลสาบ . ระหว่างองค์ประกอบทางทะเลมากมาย คาลาทราวาออกแบบ : เคลื่อนย้ายเหล็กบานเกล็ดแรงบันดาลใจจากปีกของนก ; cabled คนเดินเท้าสะพานกับเสาลอย แรงบันดาลใจจากรูปแบบ OS เรือใบและโค้งที่ชวนให้นึกถึงเรื่องราวจากเดียวของคลื่น